รวมหลักปฏิบัติ เกี่ยวกับประกันสังคมที่ HR ควรรู้ MUSLIMTHAIPOST

 

รวมหลักปฏิบัติ เกี่ยวกับประกันสังคมที่ HR ควรรู้


1,264 ผู้ชม


รวมหลักปฏิบัติ เกี่ยวกับประกันสังคมที่ HR ควรรู้




รวมหลักปฏิบัติ

 

 

1.  แจ้งทะเบียนผู้ประกันตน

      กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานมหาวิทยาลัยเข้าปฏิบัติงานใหม่และยังไม่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน  หรือมีบัตรประกันสังคมมาก่อนกรอกแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส. 1-03) และกรอกข้อมูลเลือกสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

2. แจ้งการรับผู้ประกันตนเข้าทำงาน 
กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานมหาวิทยาลัยเข้าปฏิบัติงานใหม่และเคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนหรือมีบัตรประกันสังคมมาก่อนแล้ว  กรอกแบบแจ้งการรับผู้ประกันตน   (สปส. 6-08)

3.  แจ้งการลาออกผู้ประกันตน 
กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานของมหาวิทยาลัยลาออก
กรอกแบบแจ้งการลาออกของผู้ประกันตน   (สปส. 6-09)

4.  แจ้งการขอรับบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล  
กรณีเลือกโรงพยาบาลในเครือข่าย   ประกันสังคม  กรอกแบบการขอรับบัตรรับรองสิทธิฯ  (สปส. 9-02)

5.  แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน   
กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงาน
เปลี่ยนแปลงข้อมูลต่าง ๆ เช่น  คำนำหน้านาม  ชื่อ  ชื่อสกุล  กรอกแบบ แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน   (สปส. 6-10)  พร้อมแนบบัตรฯ ตัวจริงของเดิม

 

6.  ขอรับใบแทนบัตรประกันสังคม   
กรณีบัตรประกันสังคมชำรุดในสาระสำคัญหรือสูญหาย  กรอก
แบบคำขอรับใบแทนบัตรประกันสังคม  (สปส. 6-17)  พร้อมชำระค่าธรรมเนียมใบแทนบัตรประกันสังคมฉบับละ  10  บาท และแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

7.  ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร 

หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ   จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีคลอดบุตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนวันคลอดบุตร

สิทธิที่ท่านจะได้รับ

1.  ค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย

2.   เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร  เหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา  90  วัน

3.  มีสิทธิได้รับคนละ 2  ครั้ง

   ผู้ประกันตนหญิง

1.   เงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย  ........  บาท/ครั้ง (ตามกฎหมายปัจจุบัน)

2.   เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร เหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา  90  วัน

     ผู้ประกันตนชาย

 

เงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย ....... บาท/ครั้ง (ตามกฎหมายปัจจุบัน)  สำหรับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายหรือ
หญิงที่อยู่กินฉันท์สามีภรรยาแต่มิได้จดทะเบียนสมรส

หมายเหตุ :  ถ้าสามีภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรรวมกันไม่เกิน 4 ครั้ง

หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร

 

        -     แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร  (สปส. 2-01/2)

        -     สูติบัตรของบุตรพร้อมสำเนา

        -    ทะเบียนสมรสพร้อมสำเนา (กรณีภรรยาผู้ประกันตนคลอดบุตร) หากไม่มีทะเบียนสมรสให้แนบหนังสือรับรองของผู้

              ประกันตนกรณีไม่มีทะเบียนสมรส

        -     สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

        -     สำเนาบัตรประกันสังคม

        -     หนังสือรับรองของนายจ้าง

8.  ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร

หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีสงเคราะห์บุตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน และเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา  33 หรือมาตรา  39

สิทธิที่ท่านจะได้รับ

 เงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่าย  เดือนละ   ......   บาทต่อบุตรหนึ่งคน (ตามกฎหมายปัจจุบัน)

       

เงื่อนไขบุตรที่ได้รับการสงเคราะห์

1.   เงินสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย  ซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์จำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน (บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม หรือบุตรซึ่งได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น)

2.   ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน  6  ปีบริบูรณ์

หลักเกณฑ์การใช้สิทธิขอรับประโยชน์ทดแทน

 

1.   ในกรณีที่บิดาและมารดาเป็นผู้ประกันตนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนเพียงฝ่ายเดียว

2.  ผู้ประกันตนมีสิทธิขอรับประโยชน์ทดแทนสำหรับบุตรคราวละไม่เกิน 2 คน โดยนับเรียงลำดับการเกิดก่อนหลัง

3.   เมื่อผู้ประกันตนมีการจดทะเบียนหย่าหรือแยกกันอยู่และบุตรอยู่ในการอุปการะของผู้ประกันตนฝ่ายใดให้ฝ่ายนั้นมีสิทธิรับประโยชน์ทดแทน

หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร


-
  แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร (สปส. 2-01/5)

-  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประกันตนและคู่สมรส
-  สำเนาบัตรประกันสังคม
-  สำเนาบัตรทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่าของผู้ประกันตน (กรณีจดทะเบียนหย่า)

-  สูติบัตรของบุตรพร้อมสำเนา
-  หนังสือรับรองของนายจ้าง

(ขอที่กองการเจ้าหน้าที่)

   

กรณีที่ต้องใช้หนังสือรับรองของนายจ้าง  เนื่องจากในเดือนที่เกิดสิทธินายจ้างยังไม่ได้นำส่งเงินสมทบ (กฎหมายกำหนดให้ส่งเงินสมทบภายในวันที่  15 ของเดือนถัดไป)

9.  ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย

        

 หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ  จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือน ก่อนวันถึงแก่ความตาย

 สิทธิที่ท่านจะได้รับ

 

1.  ผู้จัดการศพมิสิทธิได้รับค่าทำศพ  30,000  บาท

2.  ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย ดังนี้

        -     ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่  36  เดือนขึ้นไปให้ได้รับเท่ากับร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายเดือนคูณด้วย 3

        -    ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปให้ได้รับเท่ากับร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายเดือนคูณด้วย 10

 

     ใครคือผู้จัดการศพ

        

        -   บุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้จัดการศพ  และได้เป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน

        -   คู่สมรส   บิดา   มารดา   หรือบุตรของผู้ประกันตนที่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน

        - บุคคลอื่นที่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน

     

 หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย

     

 

 กรณีขอรับค่าทำศพ

 

        -   แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย  (สปส. 2-01/4)

        -   สำเนาทะเบียนบ้านผู้ประกันตน

        -   สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการศพ

        -   หลักฐานจากฌาปนสถานหรือมัสยิดที่แสดงว่าเป็นผู้จัดการศพ

        -    มรณบัตรต้นฉบับพร้อมสำเนา

อัพเดทล่าสุด