https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
เบต้าแคโรทีนถ้าทานมากไปเป็นโทษมหันต์ MUSLIMTHAIPOST

 

เบต้าแคโรทีนถ้าทานมากไปเป็นโทษมหันต์


777 ผู้ชม


เบต้าแคโรทีนถ้าทานมากไปเป็นโทษมหันต์

          กระแสการดูแลสุขภาพในปัจจุบันกำลังมาแรง หลายคนนิยมทาน อาหารเสริม โดยเชื่อว่าเป็นการบำรุงสุขภาพความงาม และป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคมะเร็ง แต่จากผลการศึกษาพบว่า การกินเบต้าแคโรทีน มากไป อาจกลายเป็นสารก่อโรคมะเร็งได้ !


เบต้าแคโรทีนถ้าทานมากไปเป็นโทษมหันต์


          จากการตรวจดูในอินเตอร์เน็ทแล้วจะพบว่า มีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย โดยอ้างว่ามีส่วนผสมของ "สารต้านอนุมูลอิสระ" ที่มีประสิทธิภาพสูง และมักระบุว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่ การบริโภคอาหารเสริมอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก จะส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างไร เป็นคุณหรือเป็นโทษ ... เป็นหลายคำถามที่หลายคนอย่างรู้และควรต้องรู้
          ดังที่ทราบกันดีกว่า สารต้านอนุมูลอิสระมีอยู่หลายชนิด และแทบจะมีอยู่ทั่วไปในอาหารทุกมื้อ ทั้งนี้อาหารที่เรามั่นใจได้แน่นอนว่ามีสารชนิดนี้ คือ เมล็ดพืชทุกชนิด แต่สิ่งที่ควรระวังคือ เมล็ดพืชบางชนิดมีพิษ ดังนั้น สารพิษจึงอาจหลุดออกมาพร้อมกับสารต้านอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ "ใบพืช" โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสีเข้ม ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว เหลือง หรือแดง ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เช่นกัน รวมทั้ง "เปลือกผลไม้สุก" ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระมากเช่นกัน โดยการจากวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย พบว่าเปลือกของมะม่วงสุกที่ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระมากพอ ที่ควรจะเก็บมาสกัดมาให้สาวๆ ทานเพื่อบำรุงผิว
          ส่วนที่มีความสงสัยกันว่า หากนำสารต้านอนุมูลอิสระมาทาผิวหนังจะได้ผลหรือไม่นั้น พบว่าเป็นวิธีที่ได้ผลเช่นกัน แต่มีต้นทุนสูงกว่าการกิน เพราะการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสมสารต้านอนุมูลอิสระนั้น ต้องมีการสกัดสารต้านอนุมูลอิสระออกมาจากแหล่งต่างๆ แล้วนำไปผสมกับสารอื่นๆ จึงทำให้มีราคาแพงมาก เมื่อนำมาเทียบกับการกิน จะพบว่าต้นทุนการป้องกันอนุมูลอิสระด้วยการกินจะถูกกว่ากันมาก เนื่องจากระบบทางเดินอาหารของเรามีระบบสกัดสารที่มีประโยชน์ที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
          ประโยชน์ของการกิน "สารต้านอนุมูลอิสระ" จากอาหารยังมีอีก คือ หากเรารับสารต้านอนุมูลอิสระจากการกินอาหาร โอกาสที่จะได้รับสารนี้มากเกินความต้องการของร่ายกาย จะน้อยกว่าการกิน "อาหารเสริม" เพราะอาหารเสริมจะมีสารนี้สูงมาก เนื่องจากอยู่ในรูปของสารเข้มข้น เราจึงควรคำนึงถึงวรรคทองของ "บิดาวิชาพิษวิทยา" ไว้ให้ดีว่า "สารเคมีทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับขนาดหรือปริมาณที่บริโภคเข้าไป"
เบต้าแคโรทีนถ้าทานมากไปเป็นโทษมหันต์          
ดังนั้น ถ้าเราไม่ต้องการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากเกินไป การกินอาหารเป็นวิธิที่ดีที่สุด โดยเรามีข้อมูลยืนยันว่าเรื่องนี้ จากการศึกษาเรื่องการใช้สารต้านอนุมูลอิสระ "เบต้าแคโรทีน" เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปอด ซึ่งผลการศึกษาพบว่า การให้ตำรวจจราจรในหลายประเทศทานอาหารเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ แทนที่จะเป็น "การลด" โอกาศการเกิดมะเร็งปอด กลับกลายเป็น "การเพิ่ม" อัตราการเกิดมะเร็งปอดให้มากขึ้น!


เบต้าแคโรทีนถ้าทานมากไปเป็นโทษมหันต์


          เนื่องจาก สารเบต้าแคโรทีน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant) ที่เมื่อร่างกายได้รับมากกว่าความต้องการ จะหันไปทำหน้าที่ในทางตรงกับข้าม โดยกลายตัวเป็น "Pro-Oxidant" ซึ่งเป็นสารที่ส่งเสริม "การเกิด" อนุมูลอิสระ ด้วยเหตุผลเชิงชีวะเคมี
          ด้วยเหตุนี้ การบริโภคเบต้าแคโรทีนในรูปแบบของอาหารเสริมที่มากเกินไป อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ขณะที่การรับประทานอาหาร เช่น มะละกอสุก ฟักทอง ตำลึง โอกาสที่ร่างกายจะได้รับสารนี้มากเกินไปจะเป็นไปได้ยาก เพราะเราจะอิ่มก่อนได้รับปริมาณมากเกินไป โดยมีกระเพาะเป็นผู้กำหนด


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากmcot.net


อัพเดทล่าสุด