https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
ยุคที่สี่. หลังจากเป็นอิสระ และ โศกนาฏกรรมครั้งใหม่ MUSLIMTHAIPOST

 

ยุคที่สี่. หลังจากเป็นอิสระ และ โศกนาฏกรรมครั้งใหม่


822 ผู้ชม


ยุคที่สี่. หลังจากเป็นอิสระ

อิสลามในปัจจุบัน
โดย อบุล อะลา เมาดูดี/บรรจง บินกาซัน แปล


         ตอนนี้ขอให้เราผ่านมายังประวัติศาสตร์ในยุคที่สี่ของเราซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศมุสลิมส่วนมากได้ปลดแอกตัวเองจากการครองครองทางการเมืองของชาวต่างชาติแล้ว

โศกนาฏกรรมครั้งใหม่

          อย่างไรก็ตาม    หลังจากประเทศมุสลิมต่าง ๆ ได้รับเอกราชแล้วก็เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่อำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของบรรดาประเทศมุสลิมเหล่านี้ได้ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่มีความรู้เรื่องศาสนาน้อย    และไม่มีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง   

         นี่เป็นเรื่องจริง คนพวกนี้ส่วนมากจะปฏิบัติต่อวัฒนธรรมของอิสลามด้วยความดูหมิ่น    และคิดว่ามุสลิมไม่สามารถที่จะสร้างความก้าวหน้าในชีวิตหรือบรรลุถึงตำแหน่งอันมีเกียรติในชาติได้ถ้าหากพวกเขารับเอาแนวทางการดำเนินชีวิตตลอดจนหลักการ    และค่านิยมของอิสลามมาใช้

     คนพวกนี้คิดว่าหนทางเดียวที่ก้าวหน้าก็คือการรับเอาแนวความคิด    ทฤษฎีและค่านิยมของตะวันตกมาใช้ นี่เป็นความคิดของพวกเขาเหล่านั้นจริง ๆ เพราะว่าการศึกษาอบรมแผนใหม่ของเขาถูกกำหนดมาเพื่อที่จะทำให้พวกเขามีความคิดเช่นนี้ โดยเฉพาะพวกผู้ปกครองต่างด้าวได้มีเจตนาที่จะชุบเลี้ยงและทำให้คนพวกนี้มีความเข้มแข็ง    และตั้งพวกเหล่านี้ไว้ในตำแหน่งสำคัญในทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของมนุษย์เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศมุสลิมทุกแห่ง    สงครามปลดแอกนั้นต่อสู้ในนามของอิสลาม    แต่กลังจากที่ประชาชนฝ่าฟันอุปสรรคอันลำบากอย่างแสนสาหัสแล้วอิสลามก็ถูกขว้างทิ้งไป


 ตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แก่ประเทศอัลยีเรีย    หลังจากที่ประชาชนมุสลิมประสบ


        ผลสำเร็จในการปลดแอกมาตุภูมิของตนเองด้วยการเสียสละอย่างสูงส่งและพลีชีวิตนับจำนวนพันจำนวนหมื่นแล้ว    ผู้นำของอัลยีเรียก็ประกาศทันทีว่า    อัลยีเรียเป็นรัฐสังคมนิยม ตุรกี ปากีสถาน  ตูนีเซีย    และอียิปต์ ก็ประสบกับเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เหมือนกัน ในช่วง  30-40  ปีที่ผ่านมานี้


      ดูตูนิเซียเป็นตัวอย่าง   ประชาชนมุสลิมถูกเรียกร้องเข้าสู่สงครามในนามอิสลาม    และด้วยความศรัทธาต่างหากที่ทำให้ชาวตูนีเซียกล้าประจัญหน้าท้าทายกับพวกฝรั่งเศสลงด้วยการต่อสู้และเสียสละอย่างหล้าหาญ   

    แต่ภายหลังจากได้รับชัยชนะในการสงครามแล้ว    ประธานาธิบดีบูร์กีบา ก็บอกมุสลิมว่า การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนนั้นมีผลกระทบกระเทือนต่อการผลิต   

    ดังนั้นนายบูร์กีบาจึงพยายามที่จะชอนไชทำลายความศรัทธาของชาวมุสลิมในตูนีเซียเช่นเดียวกับในสหภาพโซเวียต    การโต้แย้งว่าการถือศีลอดเป็นอุปสรรคต่อการผลิตเห็นได้อย่างแจ้งชัดว่าเจตนาที่จะทำลายการถือศีลอดชัด ๆ เพราะว่าคนหนุ่มและสมาชิกที่มีความสามารถของสังคมต้องถูกเกณฑ์ให้ไปทำการผลิต    ส่วนคนแก่กับคนป่วยนั้นก็ได้รับการยกเว้นจากการถือศีลอดอยู่แล้ว

     ด้วยความผิดหวังในกลุ่มผู้กุมอำนาจในประเทศมุสลิมในทุกวันนี้    กลุ่มศาสนาที่แท้จริงก็ได้ลุกขึ้นต่อสู้ทุกหนทุกแห่ง     พวกนี้เป็นพวกที่รู้หลักคำสินของอิสลาม ตลอดจนบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและแบบฉบับของท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นอย่างดี   

แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายว่า พวกเหล่านี้ขาดการศึกษาอบรมเพื่อที่จะเข้ามาทำหน้าที่ปกครองและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพในตำแหน่งที่สำคัญ ๆ คนเหล่านี้มีความสำนึกในความเป็นมุสลิมซึ่งเราแน่ใจได้ว่า    ถ้าคนพวกนี้ได้รับเลือกให้ขึ้นครองอำนาจแล้ว    พวกเขาจะมาทำลายหรือปลอมแปลงแนวทางของอิสลามอย่างแน่นอน   

แต่ในทางตรงกันข้ามประชาชนกลับเห็นว่าคนพวกนี้ไม่สามารถนำชาติ   ดำเนินกิจการของรัฐ    ดูแลการบริหาร จัดกระบวนการยุติธรรม    ตลอดจนหน้าที่ด้านการคลังและนโยบายต่างประเทศได้ ถ้าจะคิดกันแล้วประชาชนมีเหตุผลดีพอที่จะไม่ไว้วางใจในความสามารถและประสิทธิภาพของกลุ่มศาสนาในสภาพเช่นนั้น

ความยุ่งยากที่แท้จริง

      ในเวลานั้นมุสลิมโดยทั่วไปเกิดความสับสนและยืนลังเลอยู่อย่างลำบากระหว่างความภักดีต่ออิสลามกับการขาดความมั่นใจในความสามารถของกลุ่มศาสนาที่จะเข้ามาสถาปนาแนวทางการดำเนินชีวิตแบบอิสลาม    เป็นความจริงที่ประชาชนจำนวนมากในประเทศมุสลิมขาดความรู้ในทางศาสนา  ศีลธรรมหย่อนยาน    และประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่คัดค้าน     ต่อหลักการของอิสลาม

      อย่างไรก็ตามดังที่ข้าพเจ้าได้บอกมาก่อนหน้านี้ว่า    พลังอำนาจของขบวนการอิสลามที่มีอยู่ดั้งเดิมยังไม่ได้ถูกใช้อย่างเต็มที่    และประกายไฟที่ยังคุอยู่ก็ยังสามารถที่จะจุดเพลิงอิสลามให้ลุกโชติช่วงอีกครั้งหนึ่งได้  ถ้าไม่เชื่อคุณลองถามแม้แต่มุสลิมที่เลวทรามที่สุดดูก็ได้ว่าเขาถือว่าการดื่มเหล้า  การทำชู้   การพนันหรือการติดสินบนเป็นเรื่องที่เหมาะสมและได้รับการอนุมัติหรือไม่แน่นอน     คำตอบที่ออกมาจากคนเหล่านั้นจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณค่าของมุสลิมของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้ว่าศีลธรรมของเขาจะตกต่ำอย่างไรก็ตาม     เพราะคุณค่าเหล่านี้มันซึมลึกเข้าไปถึงสายเลือดและเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นอยู่ของเขาแล้วหรือลองถามมุสลิมโดยทั่วไปดู้ก็ได้ว่าเขาคิดอย่างไรถึงการที่ผู้หญิงเต้นระบำโป๊     เขาจะตอบทันทีเลยว่าไม่เห็นด้วยและขัดต่อวัฒนธรรมอิสลาม  จะเห็นได้ว่าถึงแม้มุสลิมโดยทั่วไปจะยังโง่เขลายังไม่มีความเข้าใจกุรอานและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฮะดีษเลยก็ตาม     แต่ความคิดและความเชื่อของเขาก็ยังสำแดงออกมาให้เห็นได้บ้างในเรื่องของศีลธรรม     และวัฒนธรรมที่มรดกตกทอดมายังประชากรมุสลิมในรุ่นหลัง ๆ  และถึงแม้มุสลิมส่วนมากจะยังมีความเข้าใจในอิสลาม   ไม่กระจ่างชัด 

แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีส่วนถูกต้องอยู่บ้างไม่ว่าจะในปากีสถาน   ตุรกี   อิหร่าน   อียิปต์     และอัลยีเรียมุสลิมยังคงเชื่อในคุณค่าของอิสลาม     และไม่มีทางที่จะชักชวนมุสลิมส่วนใหญ่ไม่ว่าที่ไหนในโลกให้เห็นว่า


คุณค่าของวัฒนธรรมตะวันตกนั้นมีอะไรที่เหมือนกับอิสลามได้


 ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้มุสลิมโดยทั่วไปอาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับอิสลามเลย     แต่เขาก็ยังมีความนิยมชมชื่นอิสลามอยู่     การพัฒนาในโลกอิสลามเมื่อเร็ว ๆ นี้     แสดงให้เราเห็นว่าในนามของอิสลามเท่านั้นที่จะสามารถปลุกมุสลิมให้ตื่นขึ้นและพร้อมที่จะเสียสละถ้านอกเหนือจากนั้นแล้วเป็นไม่มีทางเด็ดขาด     มุสลิมสามารถพลีชีวิตของตนเองได้ทันทีถ้าหากเขาแน่ในว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นป็นการทำเพื่ออัลลอฮฺ     และเขาจะได้รับผลตอบแทนในการกระทำของเขาในสวรรค์  แต่ถ้ามุสลิมไม่มีความเชื่อในด้านนี้แล้วเขาจะไม่สามารถยอมพลีชีวิตของตนเด็ดขาด     และแน่นอนเขาจะเป็นมนุษย์ที่ขี้ขลาดที่สุด


 อย่างไรก็ตาม     เป็นที่น่าเสียดายว่าความเป็นผู้นำทางการเมืองและอำนาจรัฐในประเทศมุสลิมได้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มที่มีความรู้สึกตรงกันข้ามกับความรู้สึกสำนึกของประชาชนและพยายามจะทำให้ชีวิตของประชาชนเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับแนวทางในการดำเนินชีวิตของอิสลาม    

 ถ้าหากสถานการณ์เอื้ออำนวยพวกเขาก็จะทำอย่างเปิดเผยภายใต้ร่มธงของรัฐที่แยกตัวออกจากศาสนาอย่างที่มุสตาฟา   เคมาล   ทำในตุรกี     คนพวกนี้ยังคงพูดว่าเขาพยายามจะช่วยอิสลาม    

 แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็นำค่านิยมและวัฒนธรรมตะวันตกมาหลอกลวงประชาชนในนามของอิสลาม    

แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจจะหลอกลวงมุสลิมได้ไม่ว่าจะในประเทศใด    เพราะถึงแม้ว่าประชาชนมุสลิมจะโง่เขลาและตกต่ำสักเพียงไหนก็ตาม     พวกเขาไม่เคยถูกลวงให้ยอมรับความเชื่อถือหรือความคิดหรือการปฏิบัติที่ไม่ใช่อิสลามได้


 ในตุรกีและสหภาพโซเวียต     ความพยายามในการจะทำให้มุสลิมเสื่อมคลายจากอิสลามดำเนินไปอย่างรุนแรงและป่าเถื่อนอย่างที่เราไม่อาจคิดว่าจะเป็นไปได้    

ตัวอย่างเช่น     ในตุรกี  ประชาชนจำนวนนับพันต้องถูกฆ่าเพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อที่มีอยู่     เพราะแนวความคิดแบบตะวันตกที่ผู้ปกครองใหม่นำมาใช้นั้นไม่อาจใช้ได้ในประเทศ


 ดังนั้นการปฏิรูปอันยิ่งใหญ่จึงต้องทำโดยอาศัยดาบปลายปืนและผู้ปกครองทำเลยเถิดไปจนถึงกับประกาศกฎอัยการศึกเพื่อที่จะบังคับให้มีการเปลี่ยนแปลงตามที่ตนต้องการ    

แต่ถึงจะมีการกดขี่ปราบปรามอย่างไรก็ตาม     เราจะพบว่าชาวเตอร์กทั่วไปในวันนี้ก็ยังคงเป็นมุสลิมที่ดีเหมือนกับที่เขาเป็นมาในอดีต     นี่เองที่ทำให้ชาวเตอร์กไม่สามารถถูกทำให้ละทิ้งอิสลาม     และรับเอาแนวทางชีวิตที่คัดค้านต่อหลักการอิสลามได้

อัพเดทล่าสุด