รักษาเลือดออกตามไรฟัน ตั้งครรภ์ เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกตามไรฟันคนท้อง MUSLIMTHAIPOST

 

รักษาเลือดออกตามไรฟัน ตั้งครรภ์ เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกตามไรฟันคนท้อง


2,057 ผู้ชม


รักษาเลือดออกตามไรฟัน

เวลามีเลือดออกตามซอกเหงือกหรือตามไรฟัน เรามักจะคิดว่าขาดวิตามินซี เพราะเรียนสุขศึกษามาตั้งแต่สมัยประถม คงจำกันได้อาการสำคัญของการขาดวิตามินซีคือ เลือดออกตามไรฟันแต่จริงๆ แล้ว บ้านเราเป็นเมืองที่มีผลไม้ ผักตลอดทั้งปีโอกาสขาดวิตามินซีถึงขนาดทำให้เลือดออกตามเหงือก ซอกฟันนั้นมีน้อยมาก แต่ที่เราพบบ่อยๆ และมักมองข้ามไป คือ การที่มีเหงือกอักเสบ ทำให้เลือดออกง่ายขึ้น
- เวลาแปรงฟัน แล้วมีเลือดติดที่ขนแปรง
- เวลาบ้วนยาสีฟัน ซึ่งเป็นฟองสีขาว แต่มีเลือดผสมออกมาด้วย
อันนี้ละเป็นสัญญาณของเหงือกอักเสบเริ่มขึ้นแล้ว แต่ถ้าสังเกตให้ละเอียด เอากระจกมาส่องดู...
เหงือกที่สุขภาพดี จะมีสีชมพู ขอบคมเรียบ ถ้ามีอาการอักเสบจะเห็นเป็นสีแดง นูนขึ้น บวมเป็นรอยหยักไม่เรียบ ถูกอะไรเสียดสีเลือดจะซึมออกง่าย เช่น แปรงฟัน รับประทานอาหารกรอบๆ แข็งๆ หรือใช้ไม้จิ้มฟัน ถ้าเป็นแบบนี้ต้องรีบพบทันตแพทย์
ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ ก็คือ เศษอาหารที่เรารับประทานเข้าไป แล้วทำความสะอาดไม่หมด ตกค้างอยู่เกาะตามร่องฟัน ซอกเหงือก ขอบเหงือก เศษอาหารเหล่านี้เกาะ ในลักษณะของคราบฟันเหนียวๆ มีอาหารที่ไหนแบคทีเรียก็ตามมา ก็เกิดการอักเสบเกิดขึ้น ดังนั้นถ้าจะไม่ให้เหงือกอักเสบก็ต้องลดคราบอาหารอย่าให้เกาะติดฟัน
วิธีพื้นฐานที่ใช้อยู่คือ
- แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ
- ใช้ไหมขัดซอกฟัน
- ใช้น้ำยาบ้วนปาก
ไม่เพียงเท่านี้อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องให้การดูแลอย่างดี คือ เรื่องหินปูนที่เกาะตามตัวฟัน หินปูนมาจากไหน มาจากน้ำดื่ม อาหาร น้ำลาย ตกตะกอนผสมกับคราบอาหารที่แปรงไม่หมดเกาะแน่นตามตัวฟัน ถ้าไม่เคยขูดทำความสะอาดมันก็เกาะหนาและลงลึกมากขึ้น ไปอยู่ใต้เหงือกเป็นช่อง เป็นกระเป๋า ยิ่งทำให้แบคทีเรียเข้าไปหลบซ่อนง่าย และอันตรายต่อกระดูกรองรับรากฟัน ซึ่งจะค่อยๆ ละลายตัว มีผลทำให้ฟันโยกคลอนถึงกับหลุดไปเลยก็มี
โรคเหงือกอักเสบ เป็นโรคที่ค่อยเป็นค่อยไปจนทำให้เราใจเย็น ผัดผ่อนการไปพบทันตแพทย์ พอไปพบก็มีอาการลุกลามมากแล้ว การรักษาก็ทำได้ยากและใช้เวลานานกว่าจะหาย
ถ้ามองถึงวิธีรักษาโรคเหงือกอักเสบ ควรให้น้ำหนักที่การป้องกันไม่ให้เกิดโรคดีที่สุด
- อย่าให้เศษอาหารติดที่ตัวฟันและเหงือก
- หลังอาหาร แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน
- เลี่ยงอาหารเหนียว แป้ง อาหารหวาน
- สำคัญที่สุดถึงฟันยังไม่มีอาการปวดเจ็บก็ควรไปพบทันตแพทย์ตรวจ ทุกๆ 6 เดือน และ
ขูดหินปูนทำความสะอาดด้วย
ครั้งสุดท้ายที่คุณไปพบทันตแพทย์นานมาแล้วหรือยัง?

ถาม- ตอบ ตั้งครรภ์ เลือดออกตามไรฟัน    เลือดออกตามไรฟันคนท้อง

รบกวนคุณหมอ ตอบคำถามหนูหน่อยนะค่ะ คือว่า ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมา หนูมักจะมีเลือดออกขณะแปรงฟัน ในตอนเช้านะค่ะ ไม่ทราบว่า หนูจะต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ คือว่า ตอนนี้หนูได้ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือนแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ

ในคุณแม่ตั้งครรภ์มักพบปัญหาเลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดา หรือผมร่วงได้ง่าย เนื่องจากปัญหาของฮอร์โมน  เหงือกที่บวมขึ้น และเส้นเลือดที่เปราะบางในขณะตั้งครรภ์ แนะนำให้คุณแม่เลือกแปรงสีฟันที่นิ่มเป็นพิเศษ  และทานวิตามินซีเสริมนะคะ

>>>>>>>>

ความรู้สึกไม่สบายที่พบบ่อยในสตรีมีครรภ์
โดย พล.ต.รศ.นพ.ธีรศักดิ์  ธำรงธีระกุล  และ ทีมแพทย์ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช
เมื่อมีการตั้งครรภ์  สตรีอาจมีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากปกติและรู้สึกถึงความไม่สบายที่ดังต่อไปนี้
1.  การเจ็บคัดเต้านม  จะมีอาการเจ็บคัดเต้านมมากกว่าการเจ็บคัดเมื่อใกล้จะมีประจำเดือนแต่ละเดือน  มักเริ่มต้นเจ็บบริเวณใกล้หัวนม  ต่อมาสังเกตว่าเต้านมทั้งเต้าเต่งและคัดมากขึ้น  และขยายใหญ่ขึ้นนับแต่เดือนที่สองเป็นต้นไป  อาการเจ็บจะทุเลาเมื่อเข้าเดือนที่สาม  สีของหัวนมจะคล้ำกว่าเดิม  ลานข้างหัวนมจะมีสีคล้ำและขนาดใหญ่ขึ้น  เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นบางคนจะเห็นมีเส้นเลือดใกล้ผิวหนังของเต้นนมเด่นชัดขึ้น
อาการนี้เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์  ทำให้มีเลือดออกมาเลี้ยงมากขึ้น  และต่อมน้ำนมขยายตัวมากขึ้น  เพื่อเตรียมสร้างน้ำนมต้อนรับลูกที่จะเกิดขึ้นมา  อาจต้องมีการใส่ยกทรงที่เหมาะสมเพื่อพยุงเต้านมที่โตขึ้นและน้ำหนักมากขึ้น โดยทั่ว ๆ ไป จะต้องเปลี่ยนยกทรงถึง 2 ครั้ง ในช่วงไตรมาศแรก และไตรมาศที่ 2
2.  อาการปัสสาวะบ่อย   จะรู้สึกได้ชัดเจนขึ้น  หลังจากขาดประจำเดือนแล้ว 1-2 สัปดาห์  ไปจนถึง  12  สัปดาห์  เป็นเพราะมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นไปเบียดกระเพาะปัสสาวะให้มีปริมาตรรับปัสสาวะได้น้อยลง  ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนโลหิตที่มากขึ้นบริเวณอุ้งเชิงกรานทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะง่ายขึ้นกว่าปกติ  จนทำให้ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยกว่าปกติ  จนอาจรู้สึกรบกวนการนอน
อาการนี้จะรบกวนผู้ตั้งครรภ์ไปจนถึง 3 เดือน  หลังจากนั้นจะเคยชินและมดลูกโตพ้นอุ้งเชิงกราน  ภาวะการกดทับกระเพาะปัสสาวะลดลง  อาการปัสสาวะบ่อยก็ลดลงด้วย จนถึงประมาณเดือนที่ 7-8 ของการตั้งครรภ์จะริ่มรู้สึกปัสสาวะบ่อยขึ้นอีก  เพราะขนาดของทารกที่โตขึ้น และส่วนหัวของทารกเริ่มเข้าสู่อุ้งเชิงกราน มีการเบียดกระเพาะปัสสาวะใหม่อีกครั้ง
3.  อาการอ่อนเพลีย  สตรีตั้งครรภ์จะรู้สึกว่าอ่อนเพลียมากเห็นได้ชัดเจน  ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ใหม่ ๆ ซึ่งเกิดจากความเครียดของร่างกายในการปรับตัวจากการตั้งครรภ์  ต่อไปจะรู้สึกค่อย ๆ ดีขึ้น ดังนั้น สตรีตั้งครรภ์จึงควรมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น มีเวลางีบหลับหรือพักผ่อนเป็นระยะ ๆ ในตอนกลางวันบ้าง
4.  อาการแพ้ท้อง  เมื่อเริ่มตั้งครรภ์  3  เดือนแรกจะมีอาการคลื่นไส้  อาเจียนง่าย  ประกอบกับมีอาการหิวบ่อยกว่าปกติ  เวลาหิวอาจมีอาการต้องการอาหารรุนแรงกว่าธรรมดาทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ใจสั่น มือสั่น และ อาการกระวนกระวาย หงุดหงิดง่าย จะสังเกตว่ามีความต้องการรับประทานอาหารบ่อยทุก 2-3 ช.ม. ถ้าไม่รับประทานอาหารเมื่อเริ่มหิว  ปล่อยไว้นาน ๆ จะมีอาการเวียนศีรษะและอาเจียนง่ายเมื่อรับประทาน
อาการแพ้ท้องปกติจะเป็นใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์  อาการจะมากหรือน้อยเป็นคน ๆ ไป ไม่ทราบสาเหตุแน่นอน  แต่การพักผ่อนและการไม่ปล่อยให้ท้องว่างอาจช่วยได้  ถ้าเป็นมากอาจต้องใช้ยาช่วย
5.  อาการตกขาว คือ การมีสารคัดหลั่งออกมาทางช่องคลอดมากกว่าธรรมดา  อาการนี้เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดมากขึ้น มีการเจริญและหลุดลอกของเซลล์ผิวในช่องคลอดมากขึ้น จึงมาตกขาวมาก  ซึ่งถือว่าปกติ  แต่ถ้าตกขาวนั้นมีสีเปลี่ยนไป เช่น เหลืองคล้ายหนอง สีออกเขียว  หรือมีกลิ่นผิดปกติ  หรือมีอาการคันแสบช่องคลอดร่วมด้วย แสดงว่ามีการอักเสบ  ต้องปรึกษาแพทย์
สตรีตั้งครรภ์มีภาวะโอกาสให้เชื้อราเจริญง่ายขึ้น  ซึ่งเมื่อเป็นจะทำให้ตกขาวมากลักษณะเป็นน้ำหรือจับกันเป็นก้อนและมีอาการคัน  จึงควรสังเกตดูและรีบรักษา เชื้อรานี้ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์แต่ทำให้รำคาญและโรคแทรกผสมโรง
6.  สีผิวเปลี่ยน  ปกติจะมีสีผิวคล้ำขึ้น  จะมีรอยดำคล้ำในบางแห่งโดยเฉพาะที่หัวนม  ลานหัวนม  และเส้นกลางท้อง  รักแร้  คอ  ใบหน้า  ขาหนีบ  บางคนมีผิวแห้ง  บางคนหน้ามันขึ้น  อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ จางลงหลังคลอด
บางคนมีอาการผิวแตกเป็นลายที่หน้าท้อง  อาจมีอาการคันหน้าท้อง เกิดจากหน้าท้องขยายเร็วจากการขยายตัวของมดลูกและความหนาของหน้าท้อง เพราะอ้วน  อาการเหล่านั้นจะเป็นมากเฉพาะรายไป  การป้องกันคือ  ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนังสม่ำเสมอ  ควบคุมน้ำหนักไม่ให้ขึ้นมากเกินไป ยาทาแก้คัน
7.  อาการท้องผูก  จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์จะทำให้ทางเดินอาหารทำงานเคลื่อนไหวน้อยลงกว่าธรรมดา ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้  อาจทำให้มีท้องอืด  อึดอัดด้วย บางคนมีการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารเข้าไปในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่หน้าอก
อาการท้องผูกจะเป็นมากในคนที่ไม่ชอบรับประทานผัก-ผลไม้ ถ้ามีการถ่ายอุจจาระวันเว้นวันและไม่รู้สึกอึดอัดมาก ก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้าท้องผูกมากกว่านั้น  วิธีการแก้ไขเบื้อต้น คือ รับประทานยาระบาย และระยะยาว คือ รับประทานผักผลไม้ทำให้มีกากอาหาร  อุจจาระจะได้ไม่แข็ง
ยาระบายควรเลือกชนิดที่ไม่ดูดซึมเข้าร่างกาย  จะได้มั่นใจว่าไม่ไปรบกวนทารกในครรภ์  การท้องผูกมาก ๆ ทำให้เป็นริดสีดวงทวาร และอาการแทรกซ้อนของริดสีดวงได้
8.  การมีเลือดออกตามไรฟัน  บางคนที่ตั้งครรภ์จะมีการงอกของเหงือกมากกว่าปกติ  เมื่อเคี้ยวอาหารบางครั้งไปโดนกระทบกระเทือนทำให้มีเลือดออกได้  แต่ในคนที่สุขภาพเหงือกและฟันไม่ดี  เช่น มีการอักเสบเหงือกอยู่ก่อนแล้วจากมีหินปูนเกาะก็ทำให้เลือดออกง่ายขึ้นด้วย
ดังนั้นเมื่อมีอาการควรให้ทันตแพทย์ตรวจดู  ถ้าไม่มีการอักเสบอะไร  จะได้สบายใจ  ถ้ามีหินปูนเกาะ  หรือเหงือกอักเสบก็รักษาได้ขณะตั้งครรภ์
9.  อาการปวดหลัง  เมื่อตั้งครรภ์หลายเดือนมากขึ้น  จะมีอาการปวดหลังได้  เนื่องจากน้ำหนักของทารกและมดลูกถ่วงที่ด้านหน้า  ทำให้สมดุลของร่างกายเปลี่ยน  หลังต้องรับน้ำหนักแอ่นกว่าธรรมดา  ทำให้เกิดอาการปวดร้าวและปวดเกร็งขึ้นได้
นอกจากนี้ระหว่างการตั้งครรภ์  ข้อต่อของกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกราน  มีน้ำเข้าไปแทรกมากขึ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมน  ก็ทำให้มีการยึดติดกันน้อยกว่าปกติ  การเคลื่อนไหวเร็วหรือรุนแรงจะทำให้เกิดอาการปวดได้ง่าย  จึงควรระวังเข้าไว้
การป้องกันคือ  การออกกำลังบริหารร่างกายสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์  การนั่งและยืน  ควรอยู่ในท่าที่ถูกสุขลักษณะ  คือ หลังตรง  ไหลตรง  ไม่นั่งหลังงอ  หรือห่อไหล  หลังคลอดแล้ว  อาการจะดีขึ้น
10.  อาการบวมที่มือ/เท้าและเส้นเลือดขอด  อิทธิพลของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ทำให้มีการอมน้ำในอวัยวะต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น ที่ปลายมือ  หน้าแข้ง  และเท้า  มักเป็นส่วนที่ห้อยลงต่ำทำให้น้ำไหลลงมากองบริเวณนั้น  ทำให้รู้สึกบวมกว่าอวัยวะอื่น ๆ ยิ่งอายุครรภ์แก่มากขึ้นเท่าไร  อาการบวมจะมากขึ้น
นอกจากนั้นผนังเส้นเลือดดำซึ่งจะบีบไล่เลือดที่ทำงานแล้ว กลับไปเข้าหัวใจก็จะขยายกว่าธรรมดาด้วย  ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้  ถ้าไม่มากหรือไม่มีอาการเจ็บปวดก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้าเป็นมาก  ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อการแก้ไข
การป้องกัน  คือ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การสังเกตว่าบวมคือรู้สึกตึงที่อวัยวะนั้น เมื่อกดที่ผิวหนังแล้วปล่อยมีรอยบุ๋มค้างอยู่นาน  ถ้ามือบวมมักจะรู้สึกตอนเช้าพอสาย ๆ อาการบวมจะทุเลา  อย่าพยายามฝืนกำมือแรงๆ ขณะที่บวมจะทำให้ข้อนิ้วมืออักเสบได้  ต่างกับที่ขาจะเป็นมากตอนบ่ายและเย็นตื่นเช้าจะทุเลามักบวมในคนที่นั่งหรือยืนนานๆ มากกว่าคนที่เดินเคลื่อนไหวบ่อยๆ
อนึ่งอาการบวมก็เกิดจากโรคครรภ์เป็นพิษด้วย  ดังนั้น  เมื่อฝากครรภ์แพทย์ก็จะคอยดูด้วยว่าบวมมากผิดปกติหรือเปล่า (ให้ดูเรื่องครรภ์เป็นพิษ)
11.  เปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ  จากความไม่สบายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  อาจเป็นสาเหตุทำให้มีความเครียดขึ้นได้  และทำให้มีอาการอื่น ๆ ทางอารมณ์ออกมา เช่น  ความวิตกกังวล  ใจน้อย  อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย  นอกจากนั้นอาจมีความเครียด  กังวลเรื่องการเจริญเติบโตของทารก  การคลอดและการเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดขึ้นมา
การป้องกันคือ  การเตรียมตัว  การศึกษาหาความรู้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และตั้งครรภ์ใหม่ ๆ การปรึกษาหารือและความช่วยเหลือกันในครอบครัว รวมทั้งการได้รับการดูแลที่ดีจากแพทย์ขณะตั้งครรภ์
12. ตะคริว  มักจะเริ่มเป็นเมื่ออายูครรภ์เลย 20 สัปดาห์ขึ้นไป เกิดจากความล้าของกล้ามเนื้อประการหนึ่งและจากการขาด แคลเซียมอีกประหนึ่ง มักเกิดที่น่องและมือ
การป้องกัน  คือ  การบริหารร่างกายสม่ำเสมอ การรับประทานแคลเซียมเสริมให้เพียงพอ แคลเซียมมีมากในอาหารพวกนม ถั่ว ปลา เมื่อเป็นให้เกร็งข้อเท้าให้เท้ากระดกมาข้างหน้าเพื่อยืดกล้ามเนื้อน่องหรือบีบนวดกล้ามเนื้อที่เกร็งเบาๆ ให้คลายตัว
13. อาการปวดที่ข้อมือด้านนิ้วโป้ง  คือมีอาการเจ็บที่ข้อมือเมื่อเกร็งออกแรงนิ้วโป้งเวลายกของหรือเวลาบิดข้อมือ มักเป็นมากชัดเจนตอนเช้า เกิดจากการบวมของเส้นเอ็นบริเวนข้อมือทำให้เกิดการเสียดสีมากกว่าปกติ  ยิ่งถ้าฝืนเคลื่อนไหวออกแรงมากหรือบีบนวดมากจะยิ่งมีอาการมากและเป็นเรื้อรังได้ เมื่อหลังคลอดอาการจะดีขึ้นเอง
การปฎิบัติคือถ้ามีอาการให้ออกแรงที่นิ้วโป้งหรือข้อมือข้างนั้นพอประมาณ ใช้ยาทาแก้ปวดลดบวมทานวดเบาๆได้

https://www.vibhavadi.com/fertility/knowledge_detail.php?id=144

อัพเดทล่าสุด