https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ MUSLIMTHAIPOST

 

นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ


7,775 ผู้ชม


นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ


นิทานสอนใจหญิง

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว... อาเธอร์ถูกจับและจะโดนประหารชีวิต แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ ถ้าหากเขาสามารถตอบปัญหาแสนยากข้อหนึ่งได้ถูกต้อง อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้ เขาก็จะถูกประหาร คำถามนั้น คือ.... สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร? ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็น จนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและเริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้ คนส่วนมากจะแนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ แต่ราคาค่าปรึกษาคงจะแสนแพงแล้ววันสิ้นปีก็มาถึง...อาเธอร์ไม่มีทางเลือก อื่น แม่มดตกลงจะให้คำตอบแต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน อัศวินผู้ทรงเกียรติสูสของเหล่าอัศวินโต๊ะกลม และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอาเธอร์ อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญ เพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น มีฟันเหลือซี่เดียวตัวก็เหม็นเหมือนถังส้วม ชอทเสียงประหลาดน่ารังเกียจ เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อนฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอ นั้น เขายอมแต่งงาน เพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวินโต๊ะกลม และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์ สิ่งที่ผู้หญิงต้องกจริงๆ ก็คือ การได้เป็นตัวของตัวเอง ทุกคนราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริงแต่ทว่า... งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติ ทั้งสุภาพอ่อนน้อม ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช ทั้งกินมูมมามด้วสองมือ ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัดและแล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง... กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยอง เขาก้าวเข้าสู่ห้องนอนวิวาห์...ช่างไม่น่าเชื่อสายตาตนเอง!!!หญิงสาวแสนสวย ที่สุดที่เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้ากาเวนงุนงง??? สาวแสนสวยเฉลยว่า เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด) ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่ารังเกียจ ส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสวยนี้และให้กาเวนเลือกว่า กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน? เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!!กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสอง เป็นยายแม่มด? หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน แล้วได้สาสวเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี?? เป็นคุณล่ะ คุณจะเลือกอย่างไร???กรุณาหยุดคิดสักนิดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว....ไปดูเฉลย ข้างล่างคับกาเวนตอบว่า "เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง" เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอจึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา เพราะเขาได้ให้ความเคารพและให้เธอเป็นตัวของตัวเอง
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...
1. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ แม่มด
2. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มด หรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับความประพฤติของผู้ชาย

https://www.kasetsomboon.org

........................................................

นิทานสอนใจหญิง ให้รักงวนสงวนตัวครับ

อยากรู้ไหม...มีอะไรในมือพ่อ 
เริ่มจากการที่คุณพ่อเรียกลูกสาวเข้าไปพบ และบอกกับลูกสาวว่า
คุณพ่อ : "พ่อมีอะไรจะให้ดู เป็นของสำคัญมากนะ"
แล้วคุณพ่อก็หยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ โดยกำสิ่งของไว้ในมือ ไม่ให้ลูกมองเห็น และคุณพ่อก็ถามลูกสาวว่า
คุณพ่อ : "อยากรู้มั้ยว่ามีอะไรในมือพ่อ"
ลูกสาวพยักหน้า พ่อเลยยื่นข้อเสนอว่า
คุณพ่อ : งั้นเอามือเขกพื้น 3 ที
พอลูกเขกเสร็จตามที่พ่อบอก คุณพ่อพูดอีกว่า
คุณพ่อ : "ไม่พอเปลี่ยนเป็น 5 ทีดีกว่า"
ลูกก็เขกพื้นอีก 5 ที พ่อก็พูดต่อว่า
คุณพ่อ : "เปลี่ยนเป็น 10 ทีดีกว่า"
ลูกก็เขกพื้นอีก 10 ที พอเขกเสร็จพ่อพูดอีกว่า
คุณพ่อ : "เพิ่มเป็น 15 ทีละกัน"
ด้วยความอยากรู้ ลูกสาวยอมเขกพื้นเพิ่มเป็น 15 ที พร้อมพูดกับพ่อว่า
ลูกสาว : "ลูกอยากรู้จริงๆว่าในมือพ่อมันคืออะไร"
พ่อเลยแบมือออก เผยให้เห็นเหรียญ 5 บาทธรรมดาเหรียญหนึ่ง
หลังจากนั้น คุณพ่อก็เอามือกำเหรียญ 5 บาทเหรียญเดิมอีกครั้ง
และถามลูกสาวว่า อยากดูไหมว่าในมือพ่อมีอะไร ถ้าอยากรู้ต้องเอามือเขกพื้น 5 ที ลูกสาวส่ายหน้า พร้อมกับบอกว่า
ลูกสาว : ไม่อยากดูแล้ว เพราะรู้แล้วว่าในมือพ่อมีอะไร
พ่อเลยต่อรอง
คุณพ่อ : "เขกแค่ 1 ทีก็ได้"
ลูกสาวยังส่ายหน้า พร้อมกับบอกว่า
ลูกสาว : "หนูรู้แล้ว หนูไม่อยากดูแล้ว"
คุณพ่อเลยบอกว่า
คุณพ่อ : "เอางี้ พ่อให้ดูฟรีๆก็ได้ เอาหรือเปล่า"
ฝ่ายลูกสาวตอบว่า
ลูกสาว : "ไม่เอา ไม่รู้จะดูไปทำมัย ก็รู้อยู่แล้วว่าในมือพ่อมีอะไร"
ได้ฟังเช่นนั้น คุณพ่อเลยสอนลูกสาวว่า เหรียญ 5 ก็เปรียบเสมือนกับสิ่งอันพึงหวงแหนของของหญิงสาว
ถ้าใครได้รู้ได้เห็นก่อนเวลาอันควร ก็จะกลายเป็นของไร้ค่าในทันใด
คุณพ่อ : นี่แหละลูก ของอะไรที่ยังคงเป็นความลับ คนมักยอมทำตามทุกอย่างที่จะได้สมความปราถนา
มีความอยากดู อยากรู้ อยากเห็น แต่เมื่อสมปราถนาแล้ว ดูบ่อยๆก็มักจะเบื่อ ให้ดูฟรีๆยังไม่อยากดูเลย
เช่นกันสิ่งที่พึงหวงสำหรับสตรี ก็เป็นสิ่งที่มีค่า ถ้าใครได้รู้ก่อนเวลาอันควร ก็จะไม่มีค่าอะไรอีกต่อไป
ไม่ต่างจากเหรียญ 5 บาท ที่พ่อให้ลูกดูฟรีหรอก"
แล้วเหรียญ 5 บาทของคุณยังคงมีค่าอยู่หรือไม่

https://teenthai.changsunha.com

............................................................

นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆนิทานสอนใจ : ผู้หญิงไม่เคยทำอะไร

นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://www.abdek.com
นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ
นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ
       ดาหวันสมัครเข้าทำงานใน บริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และเธอก็ได้รับโอกาสให้ทำงานเป็นเลขาฯ ของชาคริต ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ ดาหวันตั้งใจทำงานมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดที่ได้งานนี้
       
       หน้าที่ของดาหวันคือ เข้าไปจัดห้องทำงานเตรียมพร้อมไว้ก่อนที่ชาคริตจะเข้าบริษัทฯ และคอยเป็นมือขวาช่วยติดต่อประสานงานต่าง ๆ ให้ การจัดห้องทำงานของชาคริตทำให้ดาหวันรู้สึกว่าเจ้านายของเธอแต่งงานมีครอบ ครัวแล้ว เพราะเขาตั้งรูปถ่ายที่ถ่ายร่วมกับภรรยาและลูกสาวเอาไว้บนโต๊ะทำงานด้วย
       
       "ภรรยาคุณชาคริตสวยมาก ลูกสาวก็น่ารักน่าชัง คุณชาคริตคงรักครอบครัวของเขามาก" ดาหวันพูดกับตัวเอง มาภายหลังเธอจึงรู้ว่าภรรยาของเจ้านายชื่อ กันยา
       
       แต่ผ่านไปสามเดือน ดาหวันก็จับข้อสังเกตอย่างหนึ่งได้ เธอไม่เคยเห็นกันยามาหาชาคริตที่บริษัทเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลยด้วยซ้ำ ดาหวันเห็นเจ้านายของเธอแอบแวบไปห้างสรรพสินค้าในเวลาพักเที่ยงบ่อย ๆ เพื่อหาซื้อข้าวของเครื่องใช้เข้าบ้าน บางครั้งทั้ง ๆ ที่งานยุ่ง แต่ถ้ามีโทรศัพท์จากกันยามาสั่งซื้อของ ชาคริตจะหาเวลาไปซื้อสิ่งนั้นมาเก็บไว้ในรถเพื่อนำกลับไปให้เธอในตอนเย็นจน ได้
       
       ดาหวันเฝ้ามองการกระทำของเจ้านายด้วยความแปลกใจ เหตุใดผู้ชายคนหนึ่งจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อภรรยาของเขาได้ถึงขนาดนี้ เธอไม่เคยเห็นสามีคนไหนเป็นแบบชาคริตมาก่อน และก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนไม่ยอมทำอะไรเองสักอย่างแบบกันยามาก่อนด้วย
       
       วันหนึ่งชาคริตงานยุ่งมาก เขามีประชุมด่วนติดต่อกันถึงสามแห่ง จึงไหว้วานดาหวันให้ช่วยไปรับลูกสาวจากโรงเรียนอนุบาล และซื้อของใช้บางอย่างกลับไปให้ภรรยาของเขาที่บ้านด้วย
       
       "ได้ค่ะเจ้านาย" ดาหวันยิ้มรับคำ แต่ในใจนึกอิจฉากันยาว่า ทำไมถึงเกิดมาสบาย และเป็นที่รักของสามีอย่างนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร อยากได้สิ่งไหน สามีก็จัดหา หรือทำให้หมด ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเองสักอย่างเดียว
       
       "คุณส่งลูกสาวผมแค่หน้าปากซอยก็พอ ผมโทรฯ บอกให้พี่เลี้ยงของเขาออกมารอรับอยู่แล้ว ข้าวของที่ซื้อมาก็ฝากพี่เลี้ยงกลับไปได้เลย"
       
       "ค่ะ" ดาหวันรับคำอีก แต่ในใจก็นึกปรามาสกันยาขึ้นมา
       
       "แม้แต่ลูกของตัวเองก็ยังไม่ออกมารับ ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยหรือไงนะ"
       
       รับวันดาหวันจะอิจฉากันยามากขึ้น เจ้านายของเธอก็ไม่เห็นจะเคยปริปากบ่นที่ภรรยาของเขาไม่ทำเลยสักอย่าง ซ้ำยังดูเหมือนจะมีความสุขที่ได้ทำทุก ๆ อย่างให้ภรรยาและลูกด้วยตัวเองอีกด้วย ดาหวันอิจฉากันยาเสียจริง นี่เธอจะมีโอกาสได้สามีที่แสนดีอย่างนี้บ้างไหมนะ
       
       วันหนึ่ง กันยาโทรศัพท์เข้ามาขอสายสามี แต่ชาคริตไม่อยู่ ดาหวันเป็นผู้รับสาย เธอบอกไปว่า
       
       "คุณชาคริตไปพบลูกค้า ติดต่อไม่ได้ คิดว่าคงจะปิดโทรศัพท์มือถือไปแล้วล่ะค่ะ"
       
       "แย่จริง ดิฉันต้องการความช่วยเหลือจากเขาด่วนเสียด้วยสิ" กันยาบอก
       
       ดาหวันรู้สึกไม่พอใจ นี่ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างหรืออย่างไรนะ ต้องใช้ให้สามีช่วยนั่นช่วยนี่ตลอด แต่ดาหวันก็พูดออกไปอย่างรักษามารยาทว่า
       
       "คุณกันยามีอะไรเดือดร้อนล่ะคะ ให้ดิฉันช่วยแทนไหม"
       
       "ดิฉันปวดฟันมากเหลือเกินค่ะ อยากให้สามีพาไปหาหมอฟัน แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวจะกินยาแก้ปวดไปพลาง ๆ ก่อน ถ้าเขามาแล้ว รบกวนคุณช่วยบอกเขาให้รีบกลับบ้านด้วยนะคะ"
       
       ดาหวันวางโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดใจ ทำไมเจ้านายของเธอถึงไปเลือกผู้หญิงอย่างนี้มาเป็นภรรยานะ ดูเธอสิ ขยันขันแข็งทำนั่นทำนี่สารพัด แต่ไม่เห็นจะมีผู้ชายดี ๆ มาชอบสักคน สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
       
       ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ชาคริตยังไม่กลับมา แม้ดาหวันจะไม่พอใจกันยา แต่เธอก็รู้สึกว่าคนที่เป็นเลขาฯ ควรจะทำทุก ๆ อย่างแทนเจ้านายได้ ดังนั้นดาหวันจึงตัดสินใจขับรถไปหากันยาที่บ้าน เผื่อว่าจะพอช่วยแบ่งเบาภาระอะไรชาคริตได้บ้าง
       
       เมื่อไปถึง ดาหวันไม่เห็นใครอยู่บ้านเลย กดกริ่งเรียกเท่าไรก็ไม่มีคนมาเปิด ดาหวันลองผลักประตูรั้วดู ประตูไม่ได้ใส่กุญแจไว้ เธอจึงเดินเข้าไปในบ้าน พยายามมองหาใครสักคน จนมาถึงห้องห้องหนึ่ง เธอจึงได้ยินเสียงผู้หญิงในห้องร้องขึ้นอย่างดีใจว่า
       
       "คุณคะ คุณกลับมาแล้วหรือ ฉันรอคุณมานานแล้ว"
       
       ดาหวันจำได้ว่า เสียงนี้คือเสียงของกันยา เธอตอบกลับไปว่า "ไม่ใช่ค่ะคุณกันยา ดิฉันดาหวัน เลขาฯ ของคุณชาคริตค่ะ"
       
       ตอนนั้นเองที่กันยาผลักประตูเปิดออกมา ดาหวันจึงได้เห็นกันยา ภรรยาของเจ้านายเป็นครั้งแรก ดาหวันตกใจจนเผลอหลุดปากร้องออกมา
       
       "คุณพระช่วย!"
       
       กันยามีหน้าตาที่งดงามดังเช่นภาพถ่าย แต่เธอต้องนั่งรถเข็นเพราะเธอไม่มีขาทั้งสองข้าง
       
       "คุณดาหวันมาถึงที่นี่ มีอะไรรึเปล่าค่ะ" กันยาถาม ดูเหมือนว่าเธอไม่ถือสากับคำอุทานนั่นเลย
       
       "อะ..เอ่อ...คือคุณชาคริตยังไม่กลับมาเลยค่ะ ดิฉันก็เลยแวะมาดูคุณกันยา เผื่อว่าคุณต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน"
นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ
ขอบคุณภาพประกอบจาก emo-pix.blogspot.com
นิทานสอนใจหญิง นิทานสอนใจวัยรุ่น เกี่ยวกับครอบครัว นิทานสอนใจสั้น ๆ

       กันยายิ้มแล้วตอบว่า "ขอบคุณค่ะ ดิฉันปวดฟันมากจริง ๆ แต่มีแค่ชาคริตเท่านั้นที่จะพาดิฉันไปได้ เพราะเขาแข็งแรงพอที่จะอุ้มฉันขึ้นลงจากรถเข็นได้ แล้วยังพับเก็บรถเข็นได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย แต่สำหรับคนอื่นดิฉันคงเป็นภาระมากทีเดียว"
       
       จากนั้นกันยาจึงเชิญดาหวันไปที่ห้องรับแขกและเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเธอให้ดาหวันฟัง
       
       "ดิฉันแต่งงานกับคุณชาคริตมาได้สามปี ถึงมีลูกสาวคนนี้ คืนหนึ่งเราสองคนขับรถกลับจากต่างจังหวัด และเกิดอุบัติเหตุอาการสาหัสทั้งคู่ คุณชาคริตรักษาตัวจนหายดี แต่ดิฉันต้องเสียขาทั้งสองข้างไป"
       
       "ดิฉันเสียใจด้วยนะคะ" ดาหวันบอก และรู้สึกสงสารกันยาขึ้นมาอย่างจับใจ
       
       กันยายิ้มแล้วบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้ดิฉันไม่เสียใจอีกแล้วที่ต้องเสียขาทั้งสองข้างไป เพราะสิ่งนี้เองทำให้ดิฉันรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก มีสามีที่ดีซึ่งรักและจริงใจกับดิฉัน ไม่ทอดทิ้งกันแม้ในยามยาก"
       
       เมื่อกันยาพูดจบ ชาคริตก็ปรากฏกายขึ้นพอดี เขามองดาหวันด้วยความแปลกใจเพราะไม่คาดคิดว่าจะพบเธอที่นี่ ก่อนจะตรงรี่เข้ามาหอมแก้มภรรยาแล้วถามเธอว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
       
       "คุณกันยาปวดฟันมากค่ะเจ้านาย ดิฉันแวะมาดูแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ คงมีแต่เจ้านายเท่านั้นละค่ะที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด" ดาหวันตอบแทนกันยา และขอตัวลากลับ ชาคริตจึงอาสาเดินมาส่งเธอหน้าบ้าน พร้อมกับกล่าวว่า
       
       "ขอบคุณมากนะครับคุณดาหวันที่อุตส่าห์แวะเข้ามาดูแลภรรยาของผม ถ้าไม่รังเกียจคุณจะเข้ามาคุยกับเธอบ่อย ๆ ก็ได้ ท่าทางกันยาจะชอบคุณมาก เพราะตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุเธอก็ไม่ได้คุยกับเพื่อนคนไหนเลย"
       
       ดาหวันยิ้ม และตอบชาคริตว่า "ดิฉันเองก็ชอบคุณกันยามาก และจะแวะมาคุยกับเธอบ่อย ๆ แน่นอนค่ะ"
       
       ดาหวันคิดจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ เธอรู้สึกผิดมากที่เคยอิจฉากันยาโดยไม่รู้ว่ากันยาต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบาก ขนาดไหน ต่อไปดาหวันจะทำดีกับกันยาให้มาก และขอเป็นเพื่อนที่จริงใจที่สุดคนหนึ่งของเธอ
       
       เรื่องนี้สอนใจว่า ความอิจฉาไม่ทำให้ใครมีความสุขขึ้นมาได้หรอก ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน ความอิจฉาเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความคิดไม่ดี และความคิดไม่ดีก็มักจะบีบรัดหัวใจของเราให้เจ็บแสนเจ็บ ปวดแสนปวด ถ้าเราเจ็บเพราะความอิจฉา มีแค่วิธีเดียวที่จะทำให้เรารอดพ้นจากความเจ็บนั้น นั่นก็คือ เลิกอิจฉาเสีย
       
       เมื่อเห็นใครได้ดีมีความสุข ขอจงร่วมยินดีไปกับเขาเถิด อย่าได้อิจฉา อย่าได้คิดไม่ดีกับเขา อย่าได้เฝ้ารอวันที่ความสุขของเขาจะจางลงหายไป ใช่ล่ะ บางคนดูเหมือนจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตตลอดเวลา แต่รู้หรือเปล่าว่า สำหรับบางคน ความสุขที่ทำให้ต้องอิจฉาจนเผลอคิดไม่ดีกับเขานั้น อาจเป็นเรื่องดี ๆ เพียงเรื่องเดียวที่ทั้งชีวิตของเขาเพิ่งพบเจอมาก็ได้ แล้วจะไปซ้ำเติมเขาด้วยความอิจฉาของเราอีกทำไม
       
       ดังนั้น จงร่วมดีใจในความสุขของผู้อื่นเสมือนนั่นคือความสุขของเราเอง แล้วเราจะได้รับความสุขจากสิ่งนั้นโดยมิต้องขวนขวายให้เหนื่อยแรงแต่อย่างใด
       
       ///////////////////
       
       ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดี ๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

https://www.manager.co.th

อัพเดทล่าสุด