g6pdคือ+ง่าย ถ้าทานถั่วปากอ้าแต่ตัวเองเป็นg6pdจะเป็สยังไง โรคg6pd MUSLIMTHAIPOST

 

g6pdคือ+ง่าย ถ้าทานถั่วปากอ้าแต่ตัวเองเป็นg6pdจะเป็สยังไง โรคg6pd


893 ผู้ชม


g6pdคือ+ง่าย   ถ้าทานถั่วปากอ้าแต่ตัวเองเป็นg6pdจะเป็สยังไง โรคg6pd

 g6pdคือ+ง่าย
โรค G6PD เป็นโรคทางพันธุกรรมที่สืบต่อกันมา ซึ่งในช่วงเด็กแรกเกิดแพทย์สามารถตรวจพบได้ง่ายโดยการเจาะเลือด สำหรับเลี้ยงดูนั้นจะเหมือนเด็กปกติทุกอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน เรื่องการนอน รวมทั้งการดูแลรักษาโรคต่างๆ ด้วย
เพียง แต่คุณแม่ต้องจำให้ได้ว่าลูกเป็นโรค G6PD หมอแน่ใจว่าคุณแม่จะมีใบที่เขียนบอกว่า เด็กเป็นโรคนี้ และใบนี้เป็นใบที่คุณแม่ต้องไปแสดงให้คุณหมอที่ตรวจลูกหรือเวลาที่ไปซื้อยา ตามร้าน ต้องบอกเขา ก่อนจะซื้อยามาให้ลูกกินทุกครั้ง
นอก จากนี้คุณแม่จะมีใบที่แนะนำเรื่องการใช้ยาและอาหารบางประเภทกับลูก ตั้งแต่ตอนที่คุณหมอบอกว่าลูกเป็นโรคนี้ แต่ถ้าคุณแม่ไม่มีหรือไม่ทราบ ครั้งต่อไปที่พาลูกไปหาหมอหรือรับวัคซีน ก็อย่าลืมแจ้งว่าลูกเป็นโรคนี้ และขอคำแนะนำจากคุณหมอนะคะซึ่งส่วนใหญ่แล้วที่โรงพยาบาลจะมีใบเล็กๆ แนะนำคุณพ่อคุณแม่ว่าถ้าเป็นโรคนี้แล้วควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง
หมอ ขอให้คุณแม่จดจำง่ายๆ คือ อย่าพยายามใช่พวกยาลดไข้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ขอให้เป็นกลุ่มพาราเซตามอลเท่านั้น ส่วนยารักษามาลาเรียห้ามใช้เด็ดขาด
นอกจากนี้ยาที่เราซื้อ ใช้ประจำอีกอย่าง คือยาแก้ท้องเสียที่เป็นยาปฏิชีวนะ ก็ห้ามใช้ยาที่เข้ากลุ่มซัลฟา ยาพวกรักษาคอตีบ หวัด ยาแก้อักเสบชนิดใหม่ๆ แต่ที่ปลอดภัยใช้ได้เสมอคือพวกที่เรียกว่าอะม็อกซี ซิลิน (Amoxy cillin) นั่นเอง
ส่วน ยากลุ่มอื่นๆ ก็ยังมีอีกหลายตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยง แต่จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยเท่านั้นเอง หมอคิดว่าควรจะหลีกเลี่ยงการใช้ยาทั้งหมดไปก่อนจะดีที่สุด ถ้าจำเป็นต้องบอกหมอนะคะ ว่าลูกเป็นโรค G6PD
สำหรับอาหาร อื่นๆ นั้นจำได้ว่า ห้ามรับประทานถั่วปากอ้า เพราะอาจจะมีปัญหาเม็ดเลือดแดงแตกง่าย คุณแม่ลองหาความรู้เพิ่มจากทางอินเตอร์เน็ตดูด้วยนะคะ คงจะมีลิสต์ออกมาให้ทราบได้เยอะว่า มีอะไรบ้างที่ลูกเราไม่ควรทาน แต่จากประสบการณ์ของหมอแทบไม่มีเลย ยกเว้นถั่วค่ะ.

รศ.นพ.ประสบศรี อึ้งถาวร

               Link   https://www.clinicrak.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 ถ้าทานถั่วปากอ้าแต่ตัวเองเป็นg6pdจะเป็สยังไง

ลูกผมเป็นเด็กภาวะพร่องเอนไซด์ จีซิกพีดี หรือ G6PD Deficiency

    หลังจากน้องปั้น (เป็ป) ได้คลอดออกมาที่โรงพยาบาลในวันแรกๆ หมอเด็กได้ตรวจสุขภาพโดยรวมของน้องปั้น และพบว่า น้องปั้นเป็นเด็กที่เลือดของเค้า เป็นเด็กภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD ที่พบบ่อยในมนุษย์ มีประชากรประมาณ 400 ล้านคนทั่วโลก ที่มีภาวะนี้  ดังนั้นสำหรับเราตอนนี้ คือเราต้องบอกให้เค้ารู้ว่า เค้าเป็นภาวะนี้ หากจะกินอะไรก็ต้องระวังให้ดี ในตอนเค้าเติบโตขึ้นมา

ภาวะ นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคแพ้ถั่วปากอ้า(Favism)  G6PD Deficiency มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ผ่านทางโครโมโซมเอกซ์ (X-linked recessive fashion) ทำให้มีผลกระทบต่อเพศชายมากกว่าเพศหญิง การวินิจฉัยโรคนี้ใช้การตรวจสอบทางพันธุกรรม ผมเลยได้ศึกษาข้อมูลขอภาวะนี้ เอาไว้ เพื่อมีปัญหาฉุกเฉินผมจะไ้ด้กลับเข้ามาดูข้อมูลที่หาไว้อ้างอิง ที่เว็บนี้ได้ และก็ให้คนอื่น ทราบเพื่อมีโอกาสเจอหรือได้พบกับน้องปั้นตอนโตขึ้นไป จะได้ช่วยเตือนเค้าครับ ว่าเค้ามีภาวะนี้ ซึ่งจะต้องมีอะไรต้องระวังบ้างนิดหน่อยในชีวิตประจำวันครับ
ผมสร้าง Facebook Group ขึ้นมาแล้วครับ อยากให้ลองเข้าไปพูดคุยกันที่  https://www.facebook.com/groups/407598649258841/ เป็นกลุ่มของผู้ปกครองที่มีเด็กเป็นภาวะ G6DP นะครับ


G6PD หรือ Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase เป็นเอ็น ไซม์ชนิดหนึ่งที่อยู่ในเซลล์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในขบวนการการใช้พลังงาน และสร้างสารต่าง ๆ ในเซลล์ เช่น ขบวนการ Hexose monophosphate shunt สารสำคัญที่ได้จากขบวนการนี้คือ NADPH (Nicotinamide Dinucleotide Phosphate) ซึ่งใช้ในขบวนการกำจัดสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ หรือสิ่งแปลกปลอมออกไป เซลล์ที่มีความจำเป็นต้องพึ่งขบวนการนี้มาก ได้แก่ เม็ดเลือดแดงเนื่องจากไม่มีนิวเคลียสและ organelles อื่นๆ ที่ทำหน้าที่ทำลายสารพิษได้

ถ้าคุณขาดเอนซัยด์ G6PD จะเป็นอย่างไร?

ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ ภาวะโลหิตจางและภาวะเหลืองในทารกแรกเกิด ซึ่งมีสาเหตุจากการขาดสาร nicotinamide dinucleotide phosphaste (NADPH) ซึ่งต้องอาศัยเอนซัยด์ G6PD เป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี     ในเซลปกติ NADPH จะทำหน้าที่ในการกำจัดสาร อ๊อกซิแดนซ์ที่จะทำลายเซลต่างๆ ของร่างกาย

สำหรับ คนที่เป็น “สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติถ้าไม่ไปสัมผัสสารที่กระตุ้นทำให้เกิดปัญหาดัง” กล่าว สิ่งสำคัญคือเมื่อคุณไม่สบายและต้องได้รับการรักษา “คุณจะต้องบอกแพทย์ พยาบาลหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องทางสุขภาพให้ทราบว่าคุณเป็น  G6PD Deficiency และไม่ควรซื้อยารับประทานเอง” ยาที่ต้องห้ามในคนที่เป็น G6PD Deficiency คือ aspirin ยาต้านมาเลเรีย คนที่เป็นโรคนี้ ไม่สามารถบริจาคเลือดได้

การรักษากับภาวะนี้

การรักษาปัญหาภาวะเลือดจางจากเม็ดเลือดแดงแตกคือ   เป็นการรักษาตามอาการแบบประคับประคอง เช่น การให้ออกซิเจนทางจมูก  นอนพัก(bed rest) ให้ยา folic acid การให้เลือด, การให้น้ำในปริมาณที่เพียงพอเพื่อป้องกันไตวายส่วนการแตกของ เม็ดเลือดแดงจะหยุดได้เอง โรคนี้ไม่มีการรักษาที่หายขาดในขณะนี้  สิ่งที่ดีที่สุดคือ การให้คำปรึกษาและร่วมวางแผนระหว่างครอบครัวและแพทย์ การหาผู้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค การให้คำแนะนำและปรึกษาเกี่ยวกับโรค จะทำให้โอกาสให้กำเนิดบุตรที่เกิดมาเป็นภาระต่อพ่อแม่น้อยลง

ในทารกแรกเกิดที่มีภาะตัวเหลืองจาก G6PD Deficiency  ซึ่งมีผลจากการลดลงของการทำหน้าที่ของ G6PD ในตับ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนรุนแรงต่อระบบประสาท การรักษาใช้การส่องไฟ (bili-light)

อาการที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับยาเหล่านี้

ผู้ป่วยจะซีดลงทันทีเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกในหลอดเลือด จะสังเกตเห็นปัสสาวะเป็นสีดำหรือสีโคล่า เนื่องจากฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงถูกกรองออกมากับไต ซึ่งจำเป็นต้องนำส่ง รพ.เพื่อให้การรักษาแบบประคับประคองทันที คุณจะรู้สึกเหนื่อยง่ายย หายใจสั้นๆ หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
อันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อมีเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลัน (Hemolytic crisis) เช่นนี้คือ ภาวะไตวาย เนื่องจากไตขาดเลือดเฉียบพลันเพราะขาดเม็ดเลือดแดงที่นำออกซิเจนมาหล่อ เลี้ยง(เม็ดเลือดแดงแตกหมด) และยังได้รับฮีโมโกลบินปริมาณมาก ซึ่งเป็นพิษต่อไตโดยตรง

การปฏิบัติตัว วิธีการดูแลตัวเองของคนที่เป็น G6PD Deficiency

  1. แจ้งให้แพทย์ทราบเสมอว่าเป็นโรคนี้
  2. เมื่อเกิดอาการไม่สบาย ควรปรึกษาแพทย์ ไม่ซื้อยากินเอง
  3. เมื่อเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ควรเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาทันที
  4. หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่อาจทำให้เกิดอาการ
  5. เมื่อจะมีบุตร ควรได้รับคำแนะนำจาแพทย์ เรื่องการถ่ายทอดไปยังลูกเพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจวางแผนครอบครัว

อาหารต้องห้าม

นอกจากยาประเภท aspirin หรือ ยาต้านมาเลเรีย รวมถึงอาหารด้วยเพราะมีผลต่อเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยเช่นกัน นั่นคือ ถั่วปากอ้า (Fava bean) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถั่วนั้นยังดิบอยู่ และลูกเหม็น (napthalene) ที่ใช้อยู่ประจำตามบ้านค่ะ

  • * คนที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ จีซิกพีดี ( G6PD Deficiency)  จึงไม่ควรรับประทานใบและเมล็ดมะรุมเพราะมีสารชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในถ้วป ากอ้า
  • * โพลีไซทีเมียเวอร่า เป็นภาวะเลือดข้น ที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดเลือด ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีม้าม หรือฮอร์โมนผิดปกติ ซึ่งสารในมะรุมไม่ส่งผลต่อภาวะนี้ และน่าจะมีผลดีต่อการสร้างภูมิต้านทานในร่างกายได้มากขึ้น *

ยาที่ต้องหลีกเลี่ยง

  Analgesics / Antipyretics

acetanilid  aceophenetidine(phenaceti)  amindopyrine(amiopyrine)*
 antipyrine*  aspirin*  phenacetin
 probenicid  pyramidone  

Miscellaneous

 alpha-methyldopa  ascobic acid*  dimercapol(BAL)
 hydrazine  mestranol  methylene blue
 nalidixic acid  naphthalene  Niridazole
 phenylhydrazine  toluidine blue  Trinitrotoluene
 urate oxidase  vitamin K*(water soluble)  pyridium, quinine*

Antimalarials

chloroquine* hydroxychloroquine mepacrine(quinacrine)
pamaquine pentaquine primaquine
quinine* quinocide  

Cytotoxic / Antibacterial

chloramphenicol co-trimoxazole furazolidone
furmethonol nalinixic acid neoarsphenamine
nitrofurantoin nitrofurazone para -aminosalicylic acid

Cardiovascular Drugs

proainamide* quinidine

Sulfonamides / Sulfones

dapsone sulfacetamide sulfamethoxypyrimidine
sulfanilamide sulfapyridine sulfasalazine
sulfisoxazole    

สิ่งอื่นๆที่ควรหลีกเลี่ยง

ถั่วปากอ้า ไวน์แดง พืชตระกูลถั่ว
บลูเบอรี่ โยเกริตที่มีส่วนประกอบของ
ถั่วปากอ้าถั่วปากอ้า
ไวน์แดง พืชตระกูลถั่ว
บลูเบอรี่
ถั่วเหลือง
โทนิค (tonic)
โซดาขิง
การบูร  

ที่มา: Ernest Beutler,M.D.,Prof. Lucio Luzzatto, Prof.P.Marradi.Italian Health Ministry.ข้อมูลจาก
เนตรทอง นามพรม, เรียบเรียง
อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลกุมารเวชศาสตร์
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ https://www.cmnb.org
และ https://thaiherbclinic.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      โรคg6pd

มารู้จัก โรค G6PD deficiency จีซิกพีดี กันเถอะ

โรค G6PD deficiency จีซิกพีดี

ภาวะพร่อง G6PD จาก web ของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์
พบมากในเพศชาย
จะไม่ซีดในภาวะปรกตินอกจากมีไข้หรือได้ยาบางชนิด
ไม่มีม้ามโต
อาจมีประวัติปัสสาวะดำร่วมด้วย
การตรวจเสมียร์เลือดพบเม็ดเลือดแดงที่แหว่ง (bite cell) หรือมีฮีโมโกลบินรั่วออกมา (hemoglobin-leakage cells) 16
การวินิจฉัยที่แน่นอนโดยการหาระดับ G6PD ในเม็ดเลือดแดง
จาก website thaiclinic.com ครับ
G6PD DEFICIENCY
G6PD DEFICIENCY
การ ขาดเอ็นไซน์G6PD เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดทางโครโมโชมX เพศชายมีโครโมโชมเป็นXY ดังนั้นถ้าได้รับX ที่เป็นภาวะนี้ก็จะเกิดภาวะนี้ขึ้น แต่เพศหญิง เป็น XX ถ้ามีXที่เป็น G6PD Deficieancy 1 ตัวจะเป็นพาหะแต่ไม่เป็นโรค เพศหญิงจะเป็นได้ต้องมีXที่เป็นโรคถึง 2 ตัว โรคน้จึงพบบ่อยในเพศชาย
G6PD เป็นเอนไซน์ในเม็ดเลือดแดง มีความสำคัญคือ ในภาวะที่เกิดภาวะเครียดต่อเม็ดเลือดแดงเช่นการได้รับยาบางชนิด สารแนปทาลีน(ลูกเหม็น) ไม่สบายเป็นไข้สูง จะเกิดสารที่เป็นอันตรายต่อเม็ดเลือดแดงอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตกได้ G6PD จะช่วยเปลี่ยนสารอันตรายไปเป็นสารที่ไม่อันตรายต่อเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดแดง จึงไม่แตก จากเหตุผลดังกล่าวจะเห็นว่าในภาวะปกติ G6PD ไม่ได้ทำหน้าที่อะไร แต่จะทำหน้าที่เมื่อเกิดภาวะที่อาจเกิดอันตรายต่อเม็ดเลือดแดง ถ้าเม็ดเลือดแดแตกจะเห็นปัสสาวะเป็นสีโค้ก
การวินิจฉัย เจาะเลือดตรวจระดับเอนไซน์G6PD
ดัง นั้นถ้าลูกเป็น G6PD Deficiencyหรือการขาดเอนไซน์G6PD ผู้ปกครองไม่ต้องวิตกกังวลให้เลี้ยงลูกเหมือนเด็กปกติทั่วไปเพียงแต่ให้ทราบ ไว้ว่าลูกเป็นภาวะนี้ และหลีกเลี่ยงสารที่เป็นอันตรายต่อเม็ดเลือดแดงเช่น ยากลุ่มซัลฟา แอสไพริน ลูกเหม็น ถั่วปากอ้าเป็นต้น และถ้าลูกมีไข้ให้ดูแลลดไข้และรักษาตามสาเหตุเพื่อไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก โดยทั่วไปผู้ที่มีภาวะนี้สามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปแต่ให้ทราบว่าตัว เองมีภาวะนี้อยู่และหลีกเลี่ยงยาและสารบางอย่างที่แพทย์แนะนำ
ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่พร่องเอนไซน์ G6PD
1เมื่อเจ็บป่วย ไม่ควรซื้อยากินเอง ควรปรึกษาแพทย์และแจ้งให้แพทย์ทราบว่าเป็นโรคนี้
2.หลีกเลี่ยงยาและอาหารบางอย่างเช่น ถั่วปากอ้า
3.เมื่อมีอาการซีดลง เพลีย ปัสสาวะสีเข้ม(เหมือนสีโค้ก) ตัวเหลือง ตาเหลือง ควรพบแพทย์โดยด่วน
รายชื่อยาที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่พร่องเอนไซน์ G6PD
1.ยารักษามาเลเรีย ได้แก่ PRIMAQUINE,PAMAQUINE,PENTAQUINE,QUINAQUINEและQUININE
2.ยาลดไข้แก้ปวด ได้แก่ ACETANILID,ASPIRIN,PHENACETIN,PYRAMIDONE
3.ยาจำพวกซัลฟา ได้แก่ SULFANILAMIDE,SULFAPYRIDINE,SULFACETAMIDE, SULFISOXAZOLE,
SULFANETHOXYPYRIDAZINE
4.ยาบางอย่างเช่น FURAZOLIDONE,NITROFURANTOIN,CHLORAMPHENICOL, PARAMINOSALICYLIC,
NAPIHALINE(ลูกเหม็นที่ใช้ไล่แมลง),VITAMIN K, TRINITROTOLUENE,METHYLENE BLUE,
DIMEREAPROL,PHENYLHYDRAZINE,QUINIDINE

ขอขอบคุณเรื่องจาก www.docdek.com  

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด