https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
สาเหตุนิ่วในถุงน้ำดี สมุนไพรรักษานิ่วในถุงน้ำดี วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี MUSLIMTHAIPOST

 

สาเหตุนิ่วในถุงน้ำดี สมุนไพรรักษานิ่วในถุงน้ำดี วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี


3,265 ผู้ชม


สาเหตุนิ่วในถุงน้ำดี สมุนไพรรักษานิ่วในถุงน้ำดี วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี

             สาเหตุนิ่วในถุงน้ำดี

มารู้จักโรคนิ่วในถุงน้ำดี

          หลายคนเคยได้ยินคำว่า “นิ่ว” แต่ก็คงไม่ทราบว่าจะสังเกตอาการได้อย่างไร? หรืออาจมีคำถามว่าโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเป็นโรคแล้วมีอาการเป็นอย่างไร? มีแนวทางป้องกันหรือแก้ไขเพื่อไม่ให้เป็นได้หรือไม่ เพื่อไขข้อสงสัยเหล่านี้ มาทำความรู้จักโรคนี้กันสักหน่อย

ชนิดของนิ่วและความแตกต่าง
          นิ่วเป็นโรคชนิดหนึ่งในระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง โดยแบ่งตามอวัยวะที่พบได้ 2 ชนิด คือ นิ่วในถุงน้ำดี/ท่อน้ำดี (Gallbladder Disease) และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วทั้ง 2 ชนิดมีสาเหตุ การป้องกันและการรักษาที่แตกต่างกัน ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะโรคนิ่วในถุงน้ำดี
          นิ่วในถุงน้ำดีมักเกิดในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก และในคนอ้วนมากกว่าคนผอม ซึ่งเกิดขึ้นได้กับคนทุกชนชั้น มีสาเหตุมาจากไขมัน (คอเลสเตอรอล) หินปูน (แคลเซียม) และการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความไม่สมดุลของส่วนประกอบในน้ำดี และเมื่อทำการรักษาให้หายแล้วก็ยังสามารถเกิดซ้ำอีกได้

สาเหตุของการเกิดนิ่วในไตและถุงน้ำดี  
          ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่เก็บน้ำดีและทำให้น้ำดีเข้มข้น ซึ่งอยู่ใต้ตับบริเวณชายโครงข้างขวา ตับทำหน้าที่ผลิตน้ำดีและส่งมาเก็บที่ถุงน้ำดี เมื่อกินอาหาร ถุงน้ำดีก็จะบีบตัว ทำให้น้ำดีไหลออกจากถุงสู่ท่อทางเดินน้ำดีและลำไส้เล็กตามลำดับ เพื่อทำการย่อยและดูดซึมอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทไขมัน
          โรคของถุงน้ำดีที่พบบ่อยคือ “โรคถุงน้ำดีอักเสบ” ซึ่งเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี ในทางระบาดวิทยาพบว่าผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีรูปร่างอ้วน มีลูกหลายคน มีโอกาสเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าผู้อื่น และพบมากในคนตะวันตก เช่น ยุโรป อเมริกัน โดยเชื่อกันว่านิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากความผิดปรกติของระดับไขมันและสารบาง ชนิดในน้ำดี ทำให้ไขมัน (คอเลสเตอรอล) ที่ละลายอยู่ในน้ำดีตกตะกอนเป็นก้อนเล็กๆ และสะสมเป็นก้อนโตขึ้น กลายเป็นนิ่วชนิดไขมัน นิ่วบางชนิดอาจเกิดจากมีการทำลายเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ และยังมีสาเหตอื่นๆ อีกที่เกี่ยวข้องและทำให้เกิดนิ่วขึ้นได้

อาการแสดงของนิ่วในถุงน้ำดี
          ในระยะแรกที่เป็นนิ่วจะไม่มีอาการผิดปรกติอะไรแสดงให้ทราบเลย แต่ถุงน้ำดีจะเริ่มมีการอักเสบ เมื่ออักเสบไปเรื่อยๆ ทำให้มีอาการท้องอืด แน่นท้อง ท้องเฟ้อ ซึ่งทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหาร หรืออาหารไม่ย่อย เมื่อมีการอักเสบมากขึ้นและเฉียบพลัน อาการต่างๆ ที่อาจมีได้คือ มีไข้ถึงหนาวสั่น ปวดท้องหรือจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่หรือชายโครงขวา เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และมีดีซ่านร่วมด้วย อาการปวดเช่นนี้อาจจะเคยเป็นมาก่อน แต่ไม่รุนแรงมากนักและหายได้เอง เมื่อมีการอักเสบมากขึ้นอาการปวดจะมากตามไปด้วย
          ภาวะแทรกซ้อนของนิ่วในถุงน้ำดีคือ นิ่วอาจไปอุดตันส่วนหนึ่งส่วนใดของท่อน้ำดี ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้หนาวสั่น ตัวเหลือง ตาเหลือง เพราะน้ำดีไหลลงสู่ลำไส้เล็กไม่ได้

การรักษา
          ถ้าตรวจพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีและยังไม่แสดงอาการ แพทย์อาจจะเฝ้าระวังอาการและแนะนำให้ระวังเรื่องอาหาร งดอาหารที่มีไขมันสูง เพราะเมื่อกินอาหารที่มีไขมัน น้ำดีที่หลั่งแล้วไม่สามารถไหลออกมาได้ จะทำให้มีอาการปวดรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการท้องผูกและท้องอืดร่วมด้วย อาหารที่กินจึงควรเป็นอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ ควรเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงผักและผลไม้ที่ทำให้ท้องอืด เช่น สะตอ กะหล่ำปลี ขนุน ฝรั่ง และดื่มน้ำมากๆ ก้อนนิ่วอาจจะหลุดออกมาพร้อมปัสสาวะได้ ถ้าอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินมาตรฐานควรลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลัง กายร่วมด้วย
          แพทย์บางคนเมื่อพบว่าผู้ป่วยเป็นนิ่วจะผ่าตัดเอานิ่วออกเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรคอื่นๆ ที่เป็นอยู่และฐานะทางครอบครัวด้วย การผ่าตัดขณะที่ยังไม่มีอาการเป็นการเสี่ยงน้อยที่สุด แต่ถ้ามีอาการแล้วจึงทำการผ่าตัดจะเป็นการเสี่ยงมาก และการปล่อยให้เป็นนิ่วในระยะเวลานานๆ มีการอักเสบของถุงน้ำดีโดยไม่มีอาการอาจจะกลายเป็นมะเร็งได้
          ในปัจจุบันการรักษาโรคนิ่วทำได้ด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก ซึ่งทำได้ 2 วิธี คือ วางยาสลบแล้วเปิดช่องท้องตัดเอาถุงน้ำดีออก ส่วนอีกวิธีหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหม่คือการฉีดยาชาแล้วเจาะช่องท้อง ใส่กล้องลงไปผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก ข้อดีของวิธีนี้คือแผลเล็ก อยู่โรงพยาบาลไม่นาน 
          การรักษาทางยาใช้ได้เฉพาะนิ่วที่ไม่มีหินปูน (แคลเซียม) เกาะ ถุงน้ำดียังทำงานได้ตามปกติ และต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปีจึงจะละลายนิ่วได้ ยามีราคาแพงและอาจจะกลับเป็นใหม่ได้อีกหลังหยุดยา

การป้องกันไม่ให้เกิดนิ่ว
          เนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดีมักเกิดกับคนอ้วนซึ่งมักกินอาหารที่มีไขมันสูง ขณะเดียวกันไขมัน (คอเลสเตอรอล) ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำดี และนิ่วก็มีส่วนประกอบเป็นไขมันรวมอยู่ด้วย จึงต้องควบคุมไขมัน ซึ่งไขมันที่ร่างกายได้รับมาจาก 2 แหล่ง คือ
         1. จากภายในร่างกาย คือ การสร้างของตับ
         2. จากภายนอก คือ จากอาหารที่กิน
          เรายังไม่สามารถควบคุมไขมันที่สร้างจากภายในร่างกายได้ แต่ไขมันภายนอกที่มาจากอาหารเป็นสิ่งซึ่งสามารถควบคุมได้ โดยกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งมีในเนื้อสัตว์ทุกชนิดในปริมาณมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและอวัยวะของสัตว์ เช่น หนังเป็ด หนังไก่ เครื่องในสัตว์ทุกชนิด เนื้อสัตว์ติดมัน ติดหนัง มีคอเลสเตอรอลสูง ควรหลีกเลี่ยงหรือกินในปริมาณน้อยๆ โดยเลือกกินเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ติดหนัง เช่น เนื้ออกไก่ เนื้อหมูแดง ปลา เป็นต้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอดที่อมน้ำมัน อาหารใส่กะทิ รวมทั้งขนมหวานหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันได้ถ้ากินในปริมาณมาก 
         
การควบคุมอาหารดัง กล่าวนอกจากจะป้องกันไม่ให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ยังช่วยไม่ให้อ้วนอีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคนิ่ว ขณะเดียวกันถ้าอ้วนควรลดน้ำหนักร่วมด้วย โดยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30-45 นาที

         Link     https://www.gourmetthai.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


           สมุนไพรรักษานิ่วในถุงน้ำดี

ว นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วไต นิ่วกระเพาะปัสสาวะ
นิ่ว นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วไต นิ่วกระเพาะปัสสาวะ
                              จำรัส  เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง
      หลายคนพอมีอายุเพิ่มมากขึ้นโรคนิ่วต่างๆก็เริ่มมาเยือน โรคนิ่วมีด้วยกัน๓ ชนิด คือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วในไตและนิ่วในถุงน้ำดี อาการของโรนิ่วทั้ง ๓ ชนิดเหมือนกันคือปัสสาวะกะปริบกะปรอย มีอาการปวดในท้องน้อยเช่นเดียวกันแต่อาการอื่นไม่เหมือนกัน
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ จะปวดที่หัวหน่าวมากกว่าปกติ ปัสสาวะจะขัด  กะปริบกะปรอยหรือออกเป็นหยดขุ่นๆหรือขาวเหมือนผงแป้ง บางครั้งมีเลือดออกเหมือนสีล้างมือ อาจจะมีสิ่งที่คล้ายกรวดทรายปนออกมากับปัสสาวะ ถ้านิ่วไปอุดท่อทางเดินปัสสาวะก็จะทำให้เกิดอาการอยากถ่ายปัสสาวะอยู่เสมอ แต่ถ่ายไม่ออก
สมุนไพรรักษาโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ให้เอาต้นหนวดแมว หรือว่านพยับเมฆ-ว่านพยับหมอก ต้นเดียวกัน ต้นและใบ ๑  กำมือ รากหญ้าคา  ๑  กำมือ เหง้าสับปะรด  ๑  กำมือ ตัวยาทั้ง ๓  อย่าง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หลังจากนั้นนำใส่หม้อ เติมน้ำพอท่วมยา ก่อนต้มใส่สารส้มยาวเท่าปลายนิ้วก้อย กินยานี้บ่อยๆวันละหลายๆครั้ง ก้อนนิ้วก็จะสลายออกมา
นิ่วในไต เกิดจากการตกผลึกของของเสียที่ขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งปกติในท่อปัสสาวะจะมีสารเคมีบางชนิดที่ป้องกันการตกตะกอน แต่เมื่อกลไกไม่ทำงานจึงเกิดการตกตะกอนเมือสะสมจนเป็นก้อนใหญ่ไปอุดตันท่อ ทางเดินปัสสาวะเป็นนิ่ว จะมีอาการปวดเอวด้านหลังที่เป็นตำแหน่งของไต เวลาก้อนนิ่วหลุดออกมาอยู่ในท่อไต จะปวดชนิดรุนแรง ปัสสาวะอาจจะมีเลือดออมา
สมุนไพรรักษานิ่วในไต ให้นำเอาผิวไม้ไผ่ป่า  ๑  กำมือ รากหญ้าคา  ๑ กำมือ เหง้าสับปะรด  ๑  กำมือ สารส้มก้อนเท่าหัวแม่มือ ใส่หม้อเติมน้ำท่วมยา ต้มให้เดือด ดื่มต่างน้ำ จะทำให้นิ่งสลายตัวออกมา
นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากกระบวนการที่ตับ อันเป็นอวัยวะสร้างน้ำดี ซึ่งจะส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี เมื่อต้องการไปย่อยไขมัน ถุงน้ำดีก็บีบตัวส่งน้ำดีไปตามท่อน้ำดีเข้าสู่ลำไส้และย่อยอาหาร เมื่อน้ำในน้ำดีลดลงก็ทำให้เกิดนิ่ว นิ่วในถุงน้ำดีอาจจะหลุดและอุดทางเดินน้ำดี ทำให้เกิดตัวเหลืองตาเหลือง ถุงน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ
    อาการนิ่วในถุงน้ำดี จะปัสสาวะกะปริบกะปรอยและปวดท้องน้อยเช่นเดียวกัน แต่มีลักษณะหนาวๆร้อนๆสูงเรื่อยขึ้นไปถึงไหล่ขวา ใบหน้าจะเหลือง อาการอย่างนี้ก่อให้เกิดโรคดีซ่านได้อีกด้วยหากรักษาไม่ถูกวิธี
   สมุนไพรรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดีให้นำเอาผิวไม้ไผ่ป่า  ๑  กำมือ รากหญ้าคา  ๑ กำมือ เหง้าสับปะรด  ๑  กำมือ สารส้มก้อนเท่าหัวแม่มือ ใส่หม้อเติมน้ำท่วมยา ต้มให้เดือด ดื่มต่างน้ำ
   สำหรับนิ่วในถุงน้ำดีนี้ ก่อนกินยาหม้อชุดที่กล่าวมา ให้ทำยาต่อไปนี้กินก่อน ให้เอาหัวหอม
ปอกแล้ว ๑ กำมือ เกลือเม็ด ๑ กำมือ นำเอาตัวยาทั้งสองมาตำรวมกันให้แหลกละเอียด แล้วใส่น้ำพอสุกเล็กน้อย คั้นเอาแต่น้ำให้ได้ ๑ ถ้วยชาจีน ให้คนไข้กิน ก่อนต้มยาหม้อในรายการข้างต้นกินต่างน้ำ   แล้วให้เอากากยาหัวหอมและเกลือที่คั้นแล้วนั้น มาโปะไว้ที่ใต้สะดือ ก็จะทำให้หายเร็วขึ้น
   แต่ถ้าหากกรรมวิธีการรักษาโรคนิ่วด้วยสมุนไพรที่กล่าวมายุ่งยากสำหรับท่าน ก็แนะนำให้ดื่มหัวเชื้อสมุนไพรกลั่น  “เทพประทานสังหารโรค” ที่ผสมแล้ว ก็สามารถรักษาโรคนิ่วได้ผลดีเช่นกัน
คุณนภาพร  ขวัญเพชร จากจังหวัดพิษณุโลก ได้หัวเชื้อสมุนไพรกลั่นมาจากเพื่อนให้สามีดื่ม ไม่กี่วันอาการโรคนิ่วปัสสาวะ กะปริบกะปรอยหายเป็นปลิดทิ้ง เหลือเชื่อครับ นับเป็นสมุนไพรครอบจักรวาลจริงๆ คนที่เป็นมะเร็งเมื่อ ฉีดคีโมแล้ว เลือดจะจางเพราะถูกคีโมไปทำลาย มีคนกินหัวเชื้อสมุนไพรกลั่นเทพประทานสังหารโรค หลังจากนั้น เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลปรากฏว่าผลเลือดดีขึ้น ติดต่อคุณอัญ ( ๐๘-๕๒๔๕-๘๐๘๑)  คุยเรื่องโรคนิ่วดีๆ กลับเป็นเรื่องมะเร็งไปฉิบ  ใครที่เป็นโรคนิ่ว หากท่านรักษาตามที่ได้แนะนำมาทั้งหมด รับรองหายทุกรายโดยไม่ต้องผ่าตัดให้หวาดเสียวครับ ฮ่าๆๆ
                                    ---------------------------------------------

        Link       https://www.jamrat.net/

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


              วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดีม

อาการของนิ่วในถึงน้ำดี
เนื่องจากปัญหาของนิ่วคือทำให้เกิดการอุดตันภายในท่อน้ำดี ดังนั้นอาจทำให้เกิดความดันภายในน้ำดีสูง และทำให้เกิดอาการปวดท้องได้
ซึ่งลักษณะเฉพาะของอาการปวดท้องจากนิ่วจะมีลักษณะดังนี้
ปวดท้อง ที่ตำแหน่งชายโครงด้านขวา และค่อยๆปวดมากขึ้นและปวดคงที่นานตั้งแต่ 30 นาทีจนเป็นชั่วโมงขึ้นไป
ปวดท้องร้าวไปหลัง +สะบักด้านขวา
คลื่นไส้อาเจียน
และให้ไปพบแพทย์ทันทีที่
ปวดท้องนานกว่า 5 ชั่วโมง
มีไข้ หนาวสั่น
ตาเหลืองตัวเหลือง
อุจจาระสีซีด
ให้บอกแพทย์ทุกครั้งถ้าคุณมีประวัติเคยพบนิ่วในถุงน้ำดีด้วย
การวินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดี
บ่อยครั้ง ที่นิ่วมักพบโดยบังเอิญ โดยที่ยังไม่มีอาการ แต่ถ้าคุณยังไม่มีอาการก็ยังไม่ต้องผ่าตัดเอานิ่วออก และพบว่ามีส่วนน้อยมากมากที่พบนิ่ว แล้วต่อมาเกิดเป็นถุงน้ำดีอักเสบ
ถ้าคุณไปพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้น แล้วสงสัยว่าเป็นนิ่วแพทย์ก็จะทำการอัลตราซาวน์ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายในการที่จะดูว่ามีนิ่วหรือไม่ การอัลตราซาวน์ ์เป็นวิธีการที่จะสามารถดูนิ่ว ดูลักษณะของตับ และดูอวัยวะใกล้เคียงอื่นๆ ถ้าพบนิ่วก็จะเห็นจากอัลตราซาวน์
นอกเหนือจากการทำอัลตราซาวน์แล้วก็จะมีวิธีการวินิจฉัยอื่นๆอีกเช่น
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CT scan ก็สามารถเห็นนิ่วได้
Cholescintigraphy หรือ HIDA scan เป็นวิธีที่ฉีดสีเข้าไปทางเส้นเลือด สีนี้จะถูกขับออกทางน้ำดี ดังนั้นเราจะเห็นลักษณะของท่อน้ำดีว่ามีการอุดกั้นหรือไม่
Endoscopic retrograde cholangiopancreaticography หรือ ERCP เป็นวิธีการส่องกล้องติดหลอดไฟขนาดเล็ก แล้วเข้าไปดูภายในท่อน้ำดี ถ้าพบนิ่วก็จะใช้ตะกร้าขนาดเล็กดึงนิ่วออกมาได้
การเจาะเลือด เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อ หรือดูว่ามีการอุดกั้นภายในท่อน้ำดี หรือดูว่ามีตับอักเสบหรือไม่
การรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ถ้าคุณพบว่ามีนิ่ว แต่ไม่มีอาการ ก็ยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ถ้าคุณมีอาการปวดท้องบ่อยๆ แพทย์ก็อาจจะแนะนำให้ตัดถุงน้ำดีออก การผ่าตัดถุงน้ำดีออกจึงเป็นวิธีการรักษา
โชคดี ที่นิ่วไม่ใช่อวัยวะที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต แม้ตัดออก ก็ไม่กระทบต่อการสร้างน้ำดี ตับยังสามารถสร้างน้ำดีได้ตามปกติ
การผ่าตัดนิ่วมี 2 วิธี การผ่าตัดโดยวิธีการส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy) แพทย์จะเจาะรูเล็กๆที่หน้าท้อง 4 รู ไว้สำหรับใส่กล้อง และเครื่องมือสำหรับการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก  โดยศัลยแพทย์ชาวฝรั่งเศส ทำเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2530 นี้เอง. วิธีนี้ กำลังเป็นที่นิยม และทดแทนการผ่าตัดวิธีมาตรฐานดั้งเดิม เนื่องจากมีแผลผ่าตัดที่เล็กลง  แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เนื่องจากมีการใช้กล้อง และอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมหลายอย่าง. ในการผ่าตัดวิธีนี้ หากมีนิ่วในท่อน้ำดีร่วมด้วย
ก็สามารถเอาออกได้

สาเหตุนิ่วในถุงน้ำดี สมุนไพรรักษานิ่วในถุงน้ำดี วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี 

หรืออาจใช้ วิธีส่องกล้องผ่านทางเดินอาหาร (จากปากเข้าไปถึงลำไส้เล็ก)
เพื่อเอานิ่วในท่อน้ำดีออกก็ได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง เช่นกัน. (เรียกวิธีการนี้ว่า อีอาร์ซีพี
(Endoscopic Retrograde Cholangiopancreatography).

สาเหตุนิ่วในถุงน้ำดี สมุนไพรรักษานิ่วในถุงน้ำดี วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี 

ข้อดีของการผ่าตัดถุงน้ำดีออกโดยใช้กล้อง
1. อาการปวดเจ็บที่แผลผ่าตัดมีน้อยกว่า.
2. ระยะเวลาที่ต้องอยู่ ร.พ. สั้นกว่า (ประมาณ 1-2 วัน หลังผ่าตัด, เทียบกับ 5-7 วัน ในการผ่าตัดแบบเดิม).
3. การกลับไปปฏิบัติหน้าที่การงานหลังการรักษาเร็วกว่า.
4. แผลผ่าตัดสั้นกว่า จึงมีผลต่อความสวยงามของหน้าท้อง.
ข้อเสีย
1. ต้องใช้เครื่องมือพิเศษบางอย่าง ทำได้เฉพาะใน ร.พ. เพียงบางแห่ง.
2. ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า.
3. ต้องใช้ศัลยแพทย์ที่มีความสามารถในการผ่าตัดวิธีนี้.
อีกวิธีหนึ่งก็คือการผ่าตัดเปิดช่องท้อง ซึ่งจะเปิดแผลยาวที่ชายโครงและตัดเอาถุงน้ำดีออก
สำหรับวิธีการที่ใช้ในการผ่าตัด ถ้าแพทย์พบว่ามีการอักเสบของถุงน้ำดีมาก แพทย์อาจเลือกวิธีการผ่าตัดเปิดช่องท้อง หรือถ้าผ่าตัดแบบส่องกล้องแล้วคิดว่าจำเป็นต้องเปิดหน้าท้อง แพทย์ก็อาจจะเปลี่ยนมาผ่าแบบเปิดหน้าท้อง
โดยปกติคุณจะนอนโรงพยาบาลประมาณ 3-5 วันภายหลังการผ่าตัดแบบเปิดช่องท้อง หรือนอนโรงพยาบาล 1-2 วันถ้าแพทย์ใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
ภายหลังการผ่าตัดให้ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงครับ เพราะจะทำให้คุณท้องอืดมากขึ้นเนื่องจากการย่อยไขมันจะลดลง
ถามว่าใช้ยารักษาได้ไหม
มียาบางชนิดที่ใช้สลายนิ่ว เช่น Actigall กับ Chenix ซึ่งใช้สลายนิ่วที่เกิดจากโคเลสเตอรอล แต่ในคนไทยส่วนใหญ่มักเป็นนิ่วจากบิลิรุบินเสียมากกว่าจึงใช้ไม่ได้ผล

เสนอแนะการรักษาตามแนวธรรมชาติบำบัด
ต่อไปนี้ เป็นการแนะนำวิธีการใช้ "น้ำแอปเปิ้ลเข้มข้น รักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี" โดยการทดลองจากผู้ป่วย
๑,๐๐๐ คน จึงมิต้องทำการผ่าตัด เป็นการลดการเจ็บปวดจากการผ่าตัด และเป็นการลดเงินค่าใช้จ่าย
หากคุณมิได้มีโรคนิ่วในถุงน้ำดี แล้วมาทำการบำบัดฯ ก็ไม่มีอันตรายใดๆ นายแพทย์ท่านนี้และคนใน
ครอบครัวได้พิสูจน์แล้ว จึงได้นำออกมาเผยแพร่ด้วยความมั่นใจ
นิ่วไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก หากใหญ่จะประมาณเท่าลูกสตอเบอร์รี่ หากเล็กก็เท่าเม็ดทราย หากใช้วิธีการนี้ล้วน
สามารถขับออกมาได้ทั้งนั้น
หากว่าครั้งแรกคุณขับออกมาจำนวนมาก ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ จึงจะสามารถทำการบำบัดใหม่
หากว่าครั้งแรกไม่อาจขับออกมา ก็หวังว่าคุณจะทดลองทำใหม่อีกครั้ง เพราะอาจมีการทำผิดพลาดใน
ขั้นตอนต่างๆ และควรทำทุกๆ ปีควรจะทำการบำบัดหนึ่งครั้ง
II. ขั้นตอนการบำบัด
๑. วันที่ ๑-วันที่ ๕
- ใช้น้ำแอปเปิ้ลเข้มข้น ๑๐๐% (บริสุทธิ์) ใน ๑ วันดื่ม ๔ ครั้ง ครั้งละ ๒๕๐ c.c. เวลาเช้าก่อนอาหาร
ช่วงระหว่างมื้อเช้ากับมื้อเที่ยง ช่วงระหว่างมื้อเที่ยงถึงมื้อเย็น ช่วงก่อนนอน (เป็นช่วงที่ท้องกำลังว่าง)
- ต้องดื่มติดต่อกันทั้ง ๕ วัน
- น้ำแอปเปิ้ลเข้มข้นช่วยให้นิ่วในถุงน้ำดีแตกออก (ทำให้มีขนาดเล็กลง) ซึ่งจะช่วยให้ขับออกมาได้ง่าย
๒. วันที่ ๖
๑) ตอนบ่าย ๑ โมงเป็นต้นไป ห้ามรับประทานอาหารใดๆ ไม่ให้ทานมื้อเย็น ดื่มได้แค่น้ำเปล่า ส่วน
น้ำแอปเปิ้ลเข้มข้นก็ไม่ต้องดื่มแล้ว
๒) ตอน ๖ โมงเย็น ทานน้ำดีเกลือ (Epsom SALT / Magmesium Sulphate) โดยนำดีเกลือ
๑๐ มิลลิกรัม.ผสมน้ำอุ่น ๒๕๐ c.c. (ขนาดเท่าถ้วยทานข้าวหนึ่งถ้วย)
๓) ตอน ๒ ทุ่ม ดื่มน้ำดีเกลืออีกครั้ง (ปริมาณเท่าเดิม)
๔) ตอน ๔ ทุ่ม ดื่มน้ำมะนาว ๑๕๐ c.c. + น้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันพืช) ๑๕๐ c.c. ผสมให้เข้าเป็น
เนื้อเดียวกัน (หากไม่กล้าดื่มควรใช้หลอดดูดดื่มแทน)
- การผสมน้ำมะนาวกับน้ำมันมะกอก ควรใช้ ๒ ถ้วยเทไปเทมา ผสมให้เข้ากัน
- เมื่อดื่มน้ำมะนาวผสมกับน้ำมันมะกอกแล้ว ต้องทำให้กระเพาะถึงตับด้านขวาของลำตัวร้อน
โดยการนอนตะแคงลำตัวไปตัวไปทางซ้าย ไม่ให้นอนราบ แล้วใช้เครื่องเป่าผม เป่าลมร้อนอย่างน้อย
๑๕ นาที โดยไม่ต้องมีเสื้อผ้าปิด ต้องทำให้ผิวหนังร้อนในระดับที่ร่างกายรับได้ เพื่อช่วยให้ถุงน้ำดี
เปิดกว้างขึ้น ทำให้นิ่วออกมาได้
- น้ำมะนาวช่วยให้ท่อส่งน้ำดีจากถุงน้ำดีนุ่ม จึงช่วยให้นิ่งออกมาได้สะดวก ส่วนน้ำมันจะช่วยให้เรียก
น้ำย่อยจากถุงน้ำดี ให้ออกมาจำนวนมาก ทำให้นิ่วออกมามากด้วย
๓. วันที่๗
ในตอนเช้าเมื่อเข้าห้องน้ำก็จะสามารถขับนิ่วออกมา โดยดูได้จาก "ส่วนที่เป็นสีเขียว" ที่ลอยขึ้นมาในน้ำ
ชักโครก นั่นก็คือ "นิ่วในถุงน้ำดี" นั่นเอง หากมีสีขาวที่ลอยขึ้นมานั่นก็คือ "ไขมัน" ส่วนบางคนมีสีดำ
ลอยขึ้นมาแสดงว่าเคยมีเลือดออกภายในกระเพาะมาก่อน

         Link      https://www.eldercarethailand.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด