https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
พืชที่เป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวานหนักระยะรุนแรง รักษาโรคริดสีดวงทวาร การรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักโดยแพทย์แผนปัจจุบัน MUSLIMTHAIPOST

 

พืชที่เป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวานหนักระยะรุนแรง รักษาโรคริดสีดวงทวาร การรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักโดยแพทย์แผนปัจจุบัน


1,198 ผู้ชม


พืชที่เป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวานหนักระยะรุนแรง รักษาโรคริดสีดวงทวาร การรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักโดยแพทย์แผนปัจจุบัน

 

 

สูตรพืชผักพอกริดสีดวง

   แม้โรคริดสีดวงทวารหนักจะน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรง และอาการมักจะดีขึ้นเอง หากดูแลรักษาตนเองอย่างถูกต้อง ซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ แต่ที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากพฤติกรรมการกิน การขับถ่าย และการใช้ชีวิตประจำวันผิดๆ
   อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีปัญหาโรคริดสีดวงทวารไว้ดังนี้

  • ปรับอาหารด้วยสูตรชีวจิต (ข้าวกล้อง50 เปอร์เซ็นต์ ผัก 25 เปอร์เซ็นต์ โปรตีนจากพืช 15 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเตล็ด 10 เปอร์เซ็นต์) และกินสับปะรดอย่างน้อย 1 เสี้ยวถึงครึ่งผลทุกวัน รวมถึงคั้นน้ำสับปะรดดื่มวันละแก้ว (อย่าใช้น้ำสับปะรดกระป๋อง) ทั้งกินทั้งดื่มประมาณ 1 อาทิตย์ สับปะรดจะช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยให้การขับถ่ายสะดวกดีขึ้น
  • น้ำส้มสายชูแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำสุกเล็กน้อย (4 ช้อนโต๊ะ) แล้วจิบตลอดวัน ช่วยแก้อาการคันและแสบของริดสีดวงได้
  • ทำดีท็อกซ์ตอนเช้า ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือครีมแก้ริดสีดวงทาที่ปลายสายยางสำหรับทำดีท็อกซ์จนเยิ้ม อย่าให้ปลายสายฝืดเป็นอันขาด ต้องหล่อลื่นให้มากๆ
  • อย่ากินเค็ม กินเค็มทำให้อ้วน และทำให้น้ำอยู่ในตัวมาก น้ำมากทำให้เส้นเลือดพอง ริดสีดวงก็เลยพองโตตามไปด้วย
  • สร้างสุขนิสัยที่ดีในการขับถ่าย ได้แก่ ควรถ่ายให้เป็นเวลา ไม่นั่งถ่ายหรือเบ่งอยู่นานๆ และเมื่อปวดก็อย่าอั้นไว้ ควรถ่ายทันที เพื่อป้องกันการเกิดริดสีดวง
  • หลังอุจจาระควรใช้น้ำล้าง และหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษเช็ด
  • ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก เช่น โซฟาหรือตู้ เพราะจะก่อให้เกิดแรงกดที่ก้น ทำให้คนที่เป็นริดสีดวงอยู่แล้วอาการกำเริบได้เช่นกัน

วารีบำบัด

   วิธีบำบัดวิธีแรกมาจากสิ่งใกล้ๆ ตัวที่เราใช้อยู่ทุกวันและขาดไม่ได้ นั่นคือน้ำ เริ่มต้นดังนี้

  • แช่น้ำอุ่น ถ้ามีอ่างอาบน้ำ หรือถ้าไม่มี จะใช้ชามอ่างใหญ่ๆ ก็ได้ใส่น้ำอุ่น เพื่อให้ทวารหนักได้สัมผัสน้ำอุ่นมากที่สุด วันละ 2 - 3 ครั้ง นานครั้งละ 10 นาที เพื่อช่วยบรรเทาความปวด และน้ำอุ่นยังกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวาร ทำให้หลอดเลือดที่บวมหดตัวลงได้ หรือถ้าต้องการให้หายเร็วขึ้น ลองเหยาะเกลือเอปซอม (Epsom salt) ลงไปเล็กน้อยในน้ำอุ่น คนให้ละลาย แล้วแช่ทวารหนักลงไป
  • ใช้ถุงชาเปียกแช่น้ำอุ่น นำมาประคบบริเวณริดสีดวงภายนอก เพราะความอุ่นจากถุงชาและสารแทนนินในชาจะช่วยบรรเทาปวด ลดบวม และทำให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้น
  • ถ้ามีอาการเจ็บมากให้ใช้น้ำแข็งทุบเป็นก้อนเล็กๆ ใส่ถุงพลาสติกและห่อด้วยผ้าขาวบางอีกชั้น จากนั้นก็นั่งทับห่อน้ำแข็ง หรืออาจนำถั่วเขียวใส่ถุงแล้วแช่เย็นแทนก็ได้  โดยนั่งทับไว้ประมาณ 20 นาที ความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดที่บวมหดตัวและหายปวด
  • ใช้ความร้อนสลับความเย็น การนั่งทับถุงน้ำแข็งแล้วสลับด้วยการนั่งแช่น้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้เช่นกัน

สูตรสมุนไพรแก้ริดสีดวง

   นอกจากพืชผักจะเป็นอาหารที่มีประโยชน์แล้ว เรายังนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรพอกริดสีดวงทวารที่มีมาแต่สมัยคุณย่าคุณยาย รับรองว่าปลอดภัยและหายเร็วด้วย ซึ่งมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ

  • ว่านหางจระเข้ นำวุ้นของว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาดจนไม่เหลือยางแล้วมาพอกบริเวณที่เป็นริดสีดวง ทิ้งไว้ก่อนนอน ตื่นเช้าจึงล้างออก
  • ผักบุ้งไทย หรือ ขมิ้นชัน เลือกใช้อย่างหนึ่งอย่างใด นำมาล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียด พอกทิ้งไว้วันละ 2 ชั่วโมง ค่อยล้างน้ำออก ช่วยรักษาริดสีดวงทวารและแก้อาการคัน
  • มะขามป้อม ต้มดื่มเป็นน้ำชา ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา เป็นประจำ 2 มื้อ เช้าและเย็นก่อนอาหาร
  • ยอดเถาเพชรสังฆาต ต้องรับประทานสดๆ แต่เนื่องจากในสมุนไพรนี้มีผลึกแคลเซียมออกซาเลทสูง การเคี้ยวหรือสัมผัสโดยตรงอาจทำให้คันปากคันคอได้ วิธีรับประทานจึงควรนำยอดอ่อนของเถาเพชรสังฆาตสดยาว 1 ข้อนิ้วมือ นิ้วกลาง 2 - 3 ยอด ฝานเป็นชิ้นบางๆ สอดไส้ในกล้วยสุก แล้วกลืนลงไป หรือนำผงเพชรสังฆาตตากแห้งมาคลุกกับมะขามเปียก เพื่อให้กรดที่มีอยู่ในมะขามช่วยฆ่าพิษดังกล่าว จากนั้นปั้นเป็นลูกกลอนเล็กๆ ทั้งสองสูตรนี้รับประทานก่อนอาหารวันละ 3 มื้อ ต่อเนื่อง 10 - 15 วัน จะเห็นผล

   แถมท้ายด้วยพืชผักจากต่างประเทศที่ช่วยบรรเทาปวดได้เช่นกัน โดยการนำมันฝรั่งต้มสุกที่ทิ้งไว้จนอุ่น นำมาบดและพอกริดสีดวงทวารไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จะช่วยบรรเทาริดสีดวงได้ เพราะมีฤทธิ์ฝาดสมาน

แหล่งที่มา : cheewajit.com

อัพเดทล่าสุด