https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
ญี่ปุ่น....บุกไทย..! MUSLIMTHAIPOST

 

ญี่ปุ่น....บุกไทย..!


533 ผู้ชม


ใช้ยุงเป็นพาหะ..?! ...3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังเดือดร้อน   

 

ขณะที่โลกกำลังประสบปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009
ประเทศไทยของเราก็ประสบปัญหาโรคชิคุนกุนยา  หรือไข้ปวดข้อยุงลาย   
ชาวบ้านมักเรียกว่า โรคไข้ญี่ปุ่น
กำลังระบาดหนักในจังหวัดชายแดนภาคใต้  เป็นปัญหาระดับประเทศ
เกิดจากเชื้อไวรัส  จึงไม่มียารักษาในปัจจุบัน รักษาตามอาการ

ญี่ปุ่น....บุกไทย..!

ภาพจาก: มุสลิมไทย

 รู้เรื่อง....โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)

          โรคชิคุนกุนยาไม่ใช่โรคใหม่โรคนี้เคยพบในประเทศไทยมีการระบาดครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2501
พร้อมกับการระบาดของโรคไข้เลือดออก หลังจากนั้นมีการระบาดเป็นครั้งคราว รวม 6  ครั้ง 
โรคนี้ติดต่อโดยยุงลายคล้ายโรคไข้เลือดออก ชาวบ้านเรียกว่าโรคไข้ปวดข้อ โรคนี้ไม่มียารักษา 
ไม่มีวัคซีนป้องกัน การรักษาจะรักษาตามอาการ โรคนี้สามารถหายเองได้ ผู้ป่วยเป็นโรคนี้แล้วจะ
ไม่ป่วยซ้ำอีก  
          โรคชิคุนกุนยา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค มีอาการคล้าย
ไข้เดงกี แต่ต่างกันที่ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก
จนถึงมีการช็อก 
 
สาเหตุ   
 
          เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus) ซึ่งเป็น RNA Virus 
จัดอยู่ใน genus alphavirus และ family Togaviridae มียุงลาย Aedes aegypti, 
Ae. albopictus เป็นพาหะนำโรค
 

        

ญี่ปุ่น....บุกไทย..!

                                             ภาพจาก: https://www.pochnews.com  

วิธีการติดต่อ      
 
          ติดต่อกันได้โดยมียุงลาย Aedes aegypti เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ  เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้น 
แล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย เมื่อยุงที่มี เชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนนั้นเกิดอาการของโรคได้
 
ระยะฟักตัว  
    
          โดยทั่วไปประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน
 
ระยะติดต่อ     
  
          ระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2-4 เป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก


 

ญี่ปุ่น....บุกไทย..!

                                                          ภาพจาก: board.palungjit.com

อาการและอาการแสดง      
 
          ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกายและอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดง (conjunctival injection) แต่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ ในผู้ใหญ่อาการที่เด่นชัดคืออาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ (migratory polyarthritis)  อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมาและบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก อาจพบ tourniquet test ให้ผลบวก และจุดเลือดออก (petichiae) บริเวณผิวหนังได้ 
 
ความแตกต่างระหว่างDF/DHF กับการติดเชื้อ chikungunya 
 
          1. ใน chikungunya  มีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างฉับพลันกว่าใน DF/DHF คนไข้จึงมาโรงพยาบาลเร็วกว่า
 
          2. ระยะของไข้สั้นกว่าในเดงกี ผู้ป่วยที่มีระยะไข้สั้นเพียง 2 วัน พบใน chikungunya ได้บ่อยกว่าใน DF/DHF โดยส่วนใหญ่ไข้ลงใน 4 วัน
 
          3. ถึงแม้จะพบจุดเลือดได้ที่ผิวหนัง และการทดสอบทูนิเกต์ให้ผลบวกได้ แต่ส่วนใหญ่จะพบจำนวนทั้งที่เกิดเองและจากทดสอบน้อยกว่าใน DF/DHF
 
          4. ไม่พบ convalescent petechial rash ที่มีลักษณะวงขาวๆใน chikungunya
 
          5. พบผื่นได้แบบ maculopapular rash และ conjunctival infection ใน chikungunya ได้บ่อยกว่าในเดงกี
 
          6. พบ  myalgia / arthralgia ใน chikungunya ได้บ่อยกว่าในเดงกี
 
          7. ใน chikungunya เนื่องจากไข้สูงฉับพลัน พบการชักร่วมกับไข้สูงได้ถึง 15% ซึ่งสูงกว่าในเดงกีถึง 3 เท่า
 

 

 ญี่ปุ่น....บุกไทย..!                      ญี่ปุ่น....บุกไทย..!


ภาพจาก:www.skho.moph.go.th            ภาพจาก:www.thaimuslim.com


ระบาดวิทยาของโรค       
 
                  การติดเชื้อ Chikungunya virus เดิมมีรกรากอยู่ในทวีปอาฟริกา ในประเทศไทยมีการตรวจพบครั้งแรกพร้อมกับที่มีไข้เลือดออกระบาดและเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย เมื่อ พ.ศ. 2501 โดย Prof.W McD Hamnon แยกเชื้อ
ชิคุนกุนยา ได้จากผู้ป่วยโรงพยาบาลเด็ก กรุงเทพมหานคร
 
          ในทวีปอาฟริกามีหลายประเทศพบเชื้อชิคุนกุนยา  มีการแพร่เชื้อ 2 วงจรคือ primate cycle (rural type) (คน-ยุง-ลิง)  ซึ่งมี Cercopithicus monkeys หรือ Barboon เป็น amplifyer host และอาจทำให้มีผู้ป่วยจากเชื้อนี้ประปราย หรืออาจมีการระบาดเล็กๆ (miniepidemics) ได้เป็นครั้งคราว เมื่อมีผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเข้าไปในพื้นที่ที่มีเชื้อนี้อยู่ และคนอาจนำมาสู่ชุมชนเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มียุงลายชุกชุมมาก ทำให้เกิด urban cycle (คน-ยุง) จากคนไปคน โดยยุง Aedes aegypti และ Mansonia aficanus เป็นพาหะ
 
          ในทวีปเอเซีย การแพร่เชื้อต่างจากในอาฟริกา การเกิดโรคเป็น urban cycle จากคนไปคน โดยมี Ae. aegypti เป็นพาหะที่สำคัญ ระบาดวิทยาของโรคมีรูปแบบคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อที่นำโดย Ae. aegypti อื่นๆ ซึ่งอุบัติการของโรคเป็นไปตามการแพร่กระจายและความชุกชุมของยุงลาย หลังจากที่ตรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย ก็มีรายงานจากประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ เขมร เวียตนาม พม่า ศรีลังกา อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
 
          โรคนี้จะพบมากในฤดูฝน เมื่อประชากรยุงเพิ่มขึ้นและมีการติดเชื้อในยุงลายมากขึ้น พบโรคนี้ได้ในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งต่างจากไข้เลือดออกและหัดเยอรมันที่ส่วนมากพบในผู้อายุน้อยกว่า 15 ปี ในประเทศไทยพบมีการระบาดของโรค
ชิคุนกุนยา 6 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2531 ที่จังหวัดสุรินทร์  พ.ศ. 2534 ที่จังหวัดขอนแก่นและปราจีนบุรี  ในปี พ.ศ. 2536 
มีการระบาด 3 ครั้งที่จังหวัดเลย นครศรีธรรมราช และหนองคาย
 

 ญี่ปุ่น....บุกไทย..!

 

ภาพจาก: www.mat.or.th

การรักษา 
 
          ไม่มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจง (specific treatment) การรักษาเป็นการรักษาแบบประคับประคอง 
(supportive treatment) เช่นให้ยาลดอาการไข้ ปวดข้อ และการพักผ่อน

 
 ข้อมูลอ้างอิง : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

 

 ญี่ปุ่น....บุกไทย..!

 ภาพจาก:www.thaimuslim.com  

การป้องกัน

        การป้องกันการแพร่พันธุ์ของยุงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ต้องหมั่นตรวจดูที่เก็บกักน้ำ ไม่ว่าจะเป็น บ่อ กะละมัง เพราะเป็นแหล่งที่ยุงออกไข่ จึงจำเป็นต้องมีฝาปิด ที่ใดที่จำเป็นต้องมีน้ำขังอยู่ก็ให้ใส่ทรายอะเบทลงไปเพื่อป้องกันการวางไข่ และควรเลี้ยงปลาในอ่างที่ปลูกต้นไม้ หรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติ 
เพราะปลาจะกินลูกน้ำเป็นอาหาร
 
         แต่นอกเหนือจากการป้องกันการแพร่พันธ์ของยุงแล้ว ตัวเราเองก็ต้องป้องกันตัวเราไม่ให้ถูกยุงกัดด้วย ควรติดมุ้งลวดในบ้าน หรือทายากันยุงขณะทำงานและออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดตอนกลางวัน และที่สำคัญต้องเฝ้าสังเกตคนในบ้านว่ามีไข้และอาการคล้ายกับ
โรคชิคุนกุนยาหรือไม่ หากมีก็ให้รีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน
 
ถึงแม้ว่าวันนี้ โรคชิคุนกุนยาจะเป็นโรคที่ไม่รุนแรงนัก แต่หากปล่อยให้แพร่ระบาด
ไปสู่วงกว้างอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจได้ ... เพียงป้องกันยุงลาย นอกจากจะ
ป้องกันไข้เลือดออกแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคชิคุนกุนยาได้อีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง: www.thaihealth.or.th 

  .....โปรดติดตามตอนต่อไป 
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=316

อัพเดทล่าสุด