https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
มะเร็ง....เม็ดเลือดขาว โอกาสรักษาให้หายขาดได้ MUSLIMTHAIPOST

 

มะเร็ง....เม็ดเลือดขาว โอกาสรักษาให้หายขาดได้


590 ผู้ชม


โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหมายถึงภาวะที่เม็ดเลือดขาวกลายเป็นมะเร็งมีการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวอย่างมากมาย   


ภาพเซลล์เม็ดเลือดที่เป็นมะเร็ง

เนื้อหาสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้         สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา)
                                                         ช่วงชั้นที่ 4  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  5

       
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11                           เรื่อง   การป้องกันโรค
        สาระที่ 4                                      การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค
        มฐ.พ. 4.1                                -   วิเคราะห์ผลกระทบของพฤติกรรมที่มีผลต่อการส่งเสริม
                                                          สุขภาพและการป้องกันโรค
                                                      -   มีสุขนิสัยที่ดีในการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และการ
                                                          ป้องกันโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ที่เป็นปัญหาสำคัญ
                                                          ของตนเอง

เนื้อหาสาระ
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

จนร่างกายของเราไม่สามารถควบคุมมันได้ เซลล์มะเร็งเหล่านี้จะไปอยู่ตามอวัยวะต่างๆทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และมีภูมิคุ้มกันต่ำ เนื่องเซลล์มะเร็งเหล่านี้ไม่สามารถทำงานได้เหมือนเซลล์ทั่วไป

รูปแสดงเซลล์เม็ดขาวเลือดปกติ

เซลล์เม็ดเลือดที่เจริญเติบโตนอกเหนือการควบคุมของร่างกาย เรียกมะเร็งเม็ดเลือด

ส่วนประกอบของเลือด

ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดจากไขกระดูก bone marrow โดยเซลล์ตัวอ่อนเรียก blast เลือดประกอบด้วยส่วนที่เป็นน้ำเรียก plasma ส่วนเซลล์ที่พบมี 3 ชนิด

  • เม็ดเลือดขาว leukocyte หรือ white blood cell ทำหน้าทีต่อสู้กับเชื้อโรค
  • เม็ดเลือดเลือดแดง erythrocyte หรือ red blood cell ทำหน้าที่นำ oxygen ไปล่างกาย และนำ carbodioxide ไปฟอกที่ปอด
  • เกร็ดเลือด platelet หรือ thrombocyte ทำหน้าที่หยุดเลือด

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือด

  • การได้รับรังสีเป็นจำนวนมาก เช่นระเบิดปรมณู
  • การได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังต้องรอการศึกษายืนยัน
  • ทางพันธุกรรม เช่น เด็ก Down' syndrome
  • ผู้ที่ทำงานสัมผัสสารเคมีเช่น benzene

รูปแสดงเซลล์เม็ดขาวที่เป็นมะเร็งพบว่าเป็นเซลล์ตัวอ่อน

ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือด

       มะเร็งสามารถเกิดจากเม็ดเลือดขาวได้ 2 ชนิด คือ lymphocyte และ myeloid และแบ่งการดำเนินของโรคเป็น acute คือเกิดเร็ว โรคดำเนินเร็ว  blast cell มาก chronic โรคดำเนินช้า blast cell ไม่มากเราแบ่งเป็น

  1. Acute lymphocytic leukemia [ALL] เซลล์ส่วนใหญ่เป็น lymphocyte มักพบในเด็ก
  2. Acute myeloid leukemia [AML] พบมากในเด็กและผู้ใหญ่
  3. > Chronic lymphocytic leukemia [CLL] พบมากในอายุมากกว่า 55 ปี
  4. Chronic myeloid leukemia [CML] พบในผู้ใหญ่

อาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือด

      อาการต่างๆเกิดจากเม็ดเลือดเสียหน้าที่เช่น เม็ดเลือดขาวเสียหน้าที่ผู้ป่วยจะมีการติดเชื้อง่ายมีไข้ เซลล์มะเร็งมีมากจะทำให้เม็ดเลือดแดงและเกร็ดเลือดมีน้อยทำให้เกิด ซีด และเลือดออกง่าย นอกจากนี้ยังเกิดอาการต่างๆตามที่เซลล์มะเร็งไปอยู่ เช่นปวดศีรษะ อาการที่พบบ่อยๆมีดังนี้

  • ไข้หนาวสั่น บางครั้งเหมือนหวัด
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด
  • มีการติดเชื้อบ่อย
  • บวมและเจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม
  • เลือดออกง่ายบริเวณผิวหนัง ไรฟัน ตา
  • ปวดกระดูก

การวินิจฉัย

      ทำได้ไม่ยากโดยแพทย์จะตรวจร่างกายพบตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลืองโตแพทย์จะเจาะเลือด เมื่อทราบว่าเป็นมะเร็งแพทย์จะเจาะไขกระดูก หรือเจาะไขสันหลังเพื่อตรวจเซลล์มะเร็งในน้ำไขสันหลัง

การรักษา

      การรักษาในผู้ป่วยแต่ละราย และมะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน โดยหลักการการรักษาคือระยะแรกจะควบคุมโรคให้สงบ remission หลังจากนั้นจะป้องกันการกลับเป็นซ้ำ relapse ผู้ป่วยหลายรายสามารถหายขาดได้

วิธีการรักษา

  1. เคมีบำบัด Chemotherapy สามารถให้ได้ทั้งทางฉีดและการกิน มะเร็งบางชนิดอาจต้องให้เข้าไขสันหลัง
  2. รังสีรักษา Radiotherapy สามารถให้ได้ 2 กรณีคือให้รังสีบริเวณที่มะเร็งอยู่ เช่นม้าม อันฑะ หรืออาจให้ฉายรังสีทั้งตัวเพื่อเตรียมการปลุกถ่ายไขกระดูก
  3. การปลุกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation โดยการให้เคมีบำบัดขนาดสูงร่วมกับรังสีเพื่อทำลายเซลล์หลังจากนั้นจึงนำไขกระดูกของคนปกติฉีดเข้าไป ผู้ป่วยจำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลจนกระทั่งร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดได้
  4. การสร้างภูมิคุ้มกัน Biological therapy โดยการใช้ interferon กับเซลล์มะเร็งได้บางชนิด 

การรักษาอื่นๆที่จำเป็น

      เนื่องจากการรักษามะเร็งเม็ดเลือดมีโรคแทรกซ้อนมากดังนั้นการรักษาอื่น๐ก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เนื่องจากผู้ป่วยอ่อนแอเกิดการติดเชื้อง่ายดังนั้นผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสถานที่ทีมีคนมากโดยเฉพาะช่วงที่เกิดการระบาดของโรค ถ้าได้รับการติดเชื้อที่รุนแรงจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ antibiotic

      ภาวะโลหิตจางเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญและพบบ่อยหากเป็นมากอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่าย ถ้าซีดมากควรได้รับการเติมเลือด tranfussions ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจช่องปากก่อนการรักษา

ผลข้างเคียงของการรักษา

  1. เคมีบำบัด Chemotherapy หลักการให้เคมีบำบัดคือทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วซึ่งเซลล์มะเร็งแบ่งตัวเร็วดังนั้นจึงถูกทำลายมาก แต่ขณะเดียวกันการให้เคมีบำบัดก็ทำลายเซลล์ปกติ ดังนั้นอาการข้างเคียงจึงเกิดจากการที่เซลล์ปกติถูกทำลาย ผู้ป่วยจะคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ผมร่วง เป็นหมัน
  2. รังสีรักษา Radiotherapy บริเวณที่ฉายแสงขนหรือผมจะร่วง ผิวบริเวณดังกล่าวจะแห้ง คัน ห้ามใช้ lotion ก่อนปรึกษาแพทย์
  3. การปลุกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เลือดออกผิ
ประเด็นคำถาม
        1. การศึกษาแหล่งที่มาหรือสาเหตุของโรคมี ผลเสียอย่างไร
        2. นักเรียนทราบไหมว่าผู้หญิงกับผู้ชายอัตราการเป็นโรคมะเร็งมากที่สุด
        3. นักเรียนบอกได้ไหมว่า อันตรายจากการเป็นโรค
มะเร็งจะมีผลโดยตรงต่อเราอย่างไร
       
กิจกรรมเสนอแนะ  
        1. ให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมในห้องสมุดโรงเรียนหรือในอินเตอร์เน็ต
        2. เชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกให้ความรู้เกี่ยวกับโรค
มะเร็ง
         
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ
        1. ภาษาไทย     การอ่านจับใจความ  การสรุปบทความ  การย่อความสรุป
        2. วิทยาศาสตร์  ระบบการไหลเวียนของเลือด
        3. สังคมศึกษา   สิทธิการเข้ารักษาโรคในโรงพยาบาลของรัฐ
        4. สุขศึกษาและพลศึกษา (พลศึกษา)  การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย
แหล่งข้อมูลที่มา : www.siamhealth.net

 ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1911

อัพเดทล่าสุด