https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
มหัศจรรย์แห่งมะละกอ MUSLIMTHAIPOST

 

มหัศจรรย์แห่งมะละกอ


1,431 ผู้ชม


   มะละกอเป็นพืชที่มีประโยชน์ที่คนไทยนิยมรับประทานทั้งสุกและดิบ ทุกส่วนของมะละกอมีประโยชน์จึงควรปลูกมะละกอไว้รับประทานเอง

                                                             มหัศจรรย์แห่งมะละกอ
                                                             ที่มา  thaiwebkit.com
       มะละกอเป็นพืชมหัศจรรย์ ทุกส่วนของมะละกอสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้นมะละกอมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ผลนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิดซึ่งอุดมไปด้วย วิตามินเอและสารเบต้าเคโรทีน วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ผม ฟัน เหงือก สารเบต้าแคโรทีนช่วยต้านโรคมะเร็ง ช่วยให้ผิวพรรณสดใสลบริ้วรอยสิวฝ้า ส่วนผลสุกและดิบมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัสและเหล็ก วิตามินซี ช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคมะเร็ง โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟันและใต้ผิวหนัง ช่วยไม่ให้แก่ก่อนวัย แคลเซี่ยม ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน ฟอสฟอรัสช่วยสร้างกระดูกและฟัน เหง้าช่วยบารุงเลือดและป้องกันการเป็นโรคโลหิตจาง

มหัศจรรย์แห่งมะละกอ
    ที่มา horapa.com

          เส้นใยในเนื้อของมะละกอช่วยให้ระบบขับถ่ายทางานได้ดี ไม่ทำให้ท้องผูก ไม่เกิดสิว ทำให้ไม่อ้วน ผิวพรรณสดใสมีเลือดฝาด ทั้งช่วยลดคอเลสเตอรอลอีกด้วย  ผลสุกของมะละกอมีรสหวานอร่อย มีกลิ่นหอม ชวนรับประทาน  รับประทานได้ทั้งที่เป็นผลสด หรือทำเป็นเครื่องดื่ม ทำแยม  ส่วนผลดิบนำไปประกอบอาหารทั้งที่เป็นอาหารคาว  อาหารหวาน และอาหารยอดนิยมได้แก่ส้มตำ  อาหารคาวเช่นนำไปทำเป็นแกงส้ม แกงเผ็ด ผัดใส่ไข่ แกงเหลือง แกงอ่อม แกงป่า ดองเค็ม ต้มเค็ม ต้มหรือนึ่งเป็นผักจิ้มน้าพริก ส่วนอาการหวานที่รู้จักกันดีคือมะละกอแช่อิ่ม รับประทานเป็นขนมหวานหรือใส่เป็นน้าแข็งใสก็ได้ 

                                                          มหัศจรรย์แห่งมะละกอ
                                                            ที่มา library.cmu.ac.th  


       
ยางที่ได้จากผลมะละกอดิบยังใช้หมักเนื้อ ช่วยให้เนื้อเปื่อยยุ่ยทุกส่วนของมะละกอมีสรรพคุณทางยาสามารถนำมาใช้ในการป้องกันและบาบัดรักษา โรคได้ ดังเช่นเนื้อของผลสุก ช่วยแก้อาการร้อนใน แก้กระหาย บารุงกระเพาะ บารุงม้าม..แก้ปวดท้อง และช่วยขับปัสสาวะเนื้อของผลดิบ หากนำไปตากแห้งและบดเป็นผงนาไปรับประทานขณะท้องว่างในตอนเช้า จะช่วยแก้พยาธิตัวตืด พยาธิตัวกลมใบ นาใบสดไปตาหรือย่างไฟ ใช้พอกรักษาแผล หนอง กลาก..เกลื้อน และอาการปวดบวมได้เมล็ด นามาบดเป็นผง ใช้ทาแก้กลาก เกลื้อน และโรคผิวหนัง ราก นำไปต้ม ใช้ดื่มขับปัสสาวะ ขับประจาเดือน ดอก นำไปตากแห้ง ชงเป็นน้ำดื่มขับประจำเดือนแก้ไข้ แก้โรคดีซ่าน ถ้านำไปต้มใส่น้าตาล ดื่มแก้โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจไม่ปกติ  และผลมะละกอดิบเมื่อนำไปปอกเปือกล้างให้สะอาด  หั่นเป็นชิ้นๆ  นำไปต้มรับประทานจิ้มน้ำพริกอร่อยมาก  น้ำที่ต้มนำไปดื่มล้างไขมันในลำไส้เป็นการดีทอกซ์ราคาถูก สามารถลดน้ำหนักได้ดี

เชื่อมโยงความรู้จากเรื่อง
            
มหัศจรรย์แห่งมะละกอ เป็นเนื้อหาในหนังสือวิวิธภาษา  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านทราบถึงประโยชน์ของมะละกอ  และได้มีการเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับภาษาถิ่นและภาษามาตรฐานในภาษาไทยว่ามีการใช้ภาษาไทยกลางเป็นภาษามาตรฐานส่วนภาษาถิ่นนักเรียนจำเป็นต้องรู้  เช่น  มะละกอเป็นภาษากลาง  แต่มีชื่อเรียกเป็นภาษาถิ่นต่างกัน  เช่นภาษาเหนือเรียกว่า  มะเต้ด  ภาษาอีสาน เรียกว่า บักหุ่ง  ภาษาใต้  เรียกว่า  มะเต๊ะ  เป็นต้น  และมีคำอื่นๆอีกมากที่นักเรียนควรศึกษาสืบค้น
การบูรณาการความรู้
           
บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีเรื่อง  การปลูกมะละกอ  การประกอบอาหารจากมะละกอ  
           
กิจกรรมเพิ่มเสริมความรู้
          
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มทำรายงานการเปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่น
           2. นักเรียนนำเสนองานประกอบอาหารจากมะละกอด้วยคลิปวีดีโอ

  อ้างอิง https://krulathiga.wordpress.com/2010/08/25/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD/
ที่มา  : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3174

อัพเดทล่าสุด