https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
ภาษาอังกฤษ คำศัพท์ โรคระบาด ไข้หวัดหมู เฮียหมู....นักเลงใหญ่ ใครก็เกรงภาค 2 MUSLIMTHAIPOST

 

ภาษาอังกฤษ คำศัพท์ โรคระบาด ไข้หวัดหมู เฮียหมู....นักเลงใหญ่ ใครก็เกรงภาค 2


983 ผู้ชม


ณ เวลานี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนไม่รู้จักเขา เพราะเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทำไมเขาจึงโด่งดัง ลองไปหาคำตอบกัน   

ภาษาอังกฤษ คำศัพท์ โรคระบาด ไข้หวัดหมู เฮียหมู....นักเลงใหญ่ ใครก็เกรงภาค 2

 ที่มาของภาพ  :  https://bkmarcus.com

   แล้วคำว่า pig กับ pigs แตกต่างกันไหมครับ  แล้วมันต่างกันอย่างไร
        สองคำนี้แปลว่าหมูทั้งสองคำ  แตกต่างกันตรงที่จำนวนครับ  สังเกตจากพยัญชนะที่ต่อท้าย  ถ้าคำนามตัวใดมี s ต่อท้ายหมายความว่ามีจำนวนหลายตัว  แต่ถ้าไม่มี  s ต่อท้ายแปลว่ามีจำนวนตัวเดียวครับ เช่น
I a have a pig. ฉันมีหมูหนึ่งตัว
Pigs are eating. หมูหลาย ๆ ตัวกำลังกินข้าว
       อ๋อเข้าใจแล้ว  การเติม s ต่อท้ายคำหมายความมีจำนวนหลายตัว ถ้าอย่างนั้น fly แปลว่าแมลงวันหนึ่งตัว  flys  ก็แปลว่าแมลงวันหลายตัวใช่ไหมครับ  ยัง....ยังก่อน  กฎเกณฑ์ของภาษาอังกฤษมีอะไรที่่ต้องศึกษามากมาย  วันนี้เราจะมาเรียนรู้หลักเกณฑ์ทางภาษาเรื่อง  Singular & plural กันนะครับ
        หลักการทำคำนาม เอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์

        เอกพจน์คือนามที่มีเพียงจำนวนเดียว  พหูพจน์คือคำนามที่มีตั้งแต่สองจำนวนขึ้นไป  หลักเกณฑ์ในการทำคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์มีดีงนี้
1. เติม s ที่ท้ายคำนาม  เช่น
        dog > dogs     ดอก > ดอกส    สุนัข
        birds > birs     เบิด > เบิดส  นก
        tiger > tigers   ไทเกอะ > ไทเกอส เสือ
        book > books   บุค > บุคส  หนังสือ 
2. คำนามที่ลงท้ายด้วย  s, x, z, ch และ sh ให้เติม es  เวลาอ่านจะลงท้ายว่า เช็ส หรือ เซ็ส นะครับ
        bus > bus  บัส > บัสเซ็ส  รถบัส
        box > boxes  บ็อกซ >  บ็อกเซ็ส  กล่อง
        watch > watches ว็อทช > ว็อทเช็ส นาฬิกา
        dish > dishes  ดิช > ดิชเช็ส จาน
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย y ถ้าหน้า y ลงท้ายด้วยสระ a, e, i, o, u ให้เติม s ได้เลย
        day > days  เด > เดส  วัน
        monkey > monkeys  มังคิ > มังคิส  ลิง
        toy > toys ทอย > ทอยส  ของเล่น
    แต่ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะ  ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
        fly > flies ฟลาย > ฟลายส  แมลงวัน
        baby > babies  เบบิ > เบบิส  เด็กทารก
        lady > ladies เลดิ > เลดิส  สุภาพสตรี
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย o ค่อนข้างยากนิดนึง  เพราะว่ามีบางคำที่ให้เติม s บางคำให้เติม es และบางคำเติมได้ทั้ง s และ es 
    คำที่ให้เติม s ที่ควรรู้จักมีดังนี้
        radio > radios  เรดิโอ > เรดิโอส  วิทยุ
        studio > studios สตูดิโอ > สตูดิโอส  ห้องสตูดิโอ
        piano > pianos พิแอโน > พิแอโนส  เปียโน
   คำนามที่เติม es ที่ควรรู้จักคือ
        hero > heroes  เฮียโร > เฮียโรส 
        pataato > patatoes  พะเทโท > พะเทโทส 
        tomato > tomatoes  ทะเมโท > ทะเมโทส
   คำนามที่เติมสามารถเติมได้ทั้ง s และ es ที่ควรรู้จักคือ
        buffalo > buffalos/ mangoes บัฟโล > บัฟโลส  ควาย
        mango > mangos/ mangoes แมงโก > แมงโกส มะม่วง
5. มีคำนามบางตัวที่ไม่ต้องเติม s แต่เป็นการเปลี่ยนรูปแทน
        man > men แมน > เม็น ผู้ชาย
        woman > women  วูเมิน > วีมิน ผู้หญิง
        foot > feet  ฟุท > ฟีท เท้า
        tooth > teeth  ทุธ > ทีธ ฟัน
        นี่คือหลักเกณฑ์การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์  ซึ่่งเป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้นนะครับ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายแต่ในขั้นต้นขอให้ทำความเข้าใจเนี้อหาเหล่านี้ให้ถ่องแท้ก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้วครับ

ประเด็นคำถามเพื่อนำไปสู่การอภิปรายในห้องเรียน
        1. อะไรคือความแตกต่างระหว่างคำในภาษาอังกฤษและภาษาไทย
กิจกรรมเสนอแนะ
        1. ควรศึกษาความแตกต่างของการใช้คำ  ระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทย
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่น
        1. สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องความแตกต่างของภาษา
แหล่งที่มาของข้อมูล
https://dictionary.cambridge.org

https://th.wikipedia.org
ที่มา  :https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=308

อัพเดทล่าสุด