https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
การตั้งครรภ์เดือนที่ 6 MUSLIMTHAIPOST

 

การตั้งครรภ์เดือนที่ 6


860 ผู้ชม

เดือนนี้ทารกในครรภ์จะดิ้นมากขึ้นและตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นนอกครรภ์แม่ ตั้งครรภ์เดือนที่ 6 อวัยวะต่างๆ เริ่มทำงานได้ดีขึ้นจนบางทีอาจจะอัลตราซาวนด์เห็นทารกแอบยิ้ม


การตั้งครรภ์ เดือนที่ 6



pregnancy_momypedia
การเปลี่ยนแปลงของแม่
ท้องของคุณแม่จะโตและน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณแม่รู้สึกว่าทารกดิ้นบ่อย บางครั้งเมื่อทารกสะอึกจะรู้สึกกระตุกเป็นจังหวะในครรภ์ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

        • น้ำหนัก คุณแม่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอาทิตย์ละประมาณครึ่งกิโลกรัม และไม่ต้องวิตกกังวลถ้ามีใครทักว่าท้องเล็กท้องใหญ่ เพราะขนาดของท้องนั้นขึ้นอยู่กับรูปร่างและโครงสร้างของร่างกายคุณแม่ และยังขึ้นกับปริมาณน้ำคร่ำด้วย
        • ตะคริว หากร่างกายคุณแม่ได้รับแคลเซียมยังไม่มากพอจะทำให้เกิดเป็นตะคริว เกิดการหดตัวเกร็งของกล้ามเนื้อช่วงน่อง ต้นขา และปลายเท้า ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบ่อยในตอนกลางคืน หากเป็นตะคริวคุณแม่แก้ได้โดยการกระดกปลายเท้าขึ้น กล้ามเนื้อที่จับตัวจะเหยียดตึงและคลายตัวออก
        • ปวดชายโครง เพราะขนาดของครรภ์ที่ใหญ่ขึ้น คุณแม่บางคนอาจมีอาการเสียดชายโครงข้างใดข้างหนึ่ง เกิดจากขนาดของครรภ์ที่ใหญ่ขึ้นเข้าใกล้ชายโครง ขณะที่ทารกดิ้นอาจเกิดการกดทับกระเพาะอาหารและเกิดแสบร้อนได้
        • มดลูก ขณะที่คุณแม่เปลี่ยนอิริยาบถในทันทีทันใด มดลูกจะเกิดอาการหดเกร็ง จึงอาจเกิดอาการเสียดท้องน้อยได้
        • โรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ การอักเสบจากเชื้อรา การอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น



พัฒนาการของทารกในครรภ์
ลำตัวทารกที่เคยโปร่งใสจะมีสีแดงทึบขึ้น แต่ผิวจะเหยี่ยวย่นมาก เพราะไขมันที่สะสมยังมีปริมาณน้อย ร่างกายของทารกยังดูผอมเกร็ง แขนขาเริ่มมีกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ ความยาวของขาได้สัดส่วนกับลำตัว


ก่อนหน้านี้ศีรษะของทารกจะโตเร็วมาก มาถึงตอนนี้ค่อยๆ ลดลง ลำตัวจะเริ่มโตเร็วกว่าศีรษะ เมื่อถึงปลายเดือนที่ 6 ศีรษะและลำตัวจะมีสัดส่วนเท่ากับทารกครบกำหนด

        • สัดส่วนของทารก ในช่วงปลายเดือนที่ 6 ทารกจะมีน้ำหนักประมาณ 800 กรัม และมีความยาวจากศีรษะถึงก้นประมาณ 30 เซนติเมตร
        • กระดูก แข็งแรงมากขึ้นเพราะมีแคลเซียมที่มาสะสมมากขึ้น ฝ่ามือฝ่าเท้าของทารกเริ่มมีลายมือลายเท้าชัดเจนขึ้น
        • อวัยวะเพศ พัฒนาสมบูรณ์และถ้าเป็นเพศชายมีการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) จากลูกอัณฑะในปริมาณสูงขึ้น
        • เซลล์สมอง เซลล์สมองที่ทำหน้าที่ในการรับรู้ก็เริ่มทำงานสามารถทำให้ทารกสามารถจดจำและเรียนรู้ได้แล้ว มีการทดลองพบว่าทารกในครรภ์จะเตะตอบโต้กับแรงสั่นสะเทือนบางอย่างได้ ถ้าวัดคลื่นสมองส่วนหน้าของทารก จะพบว่าคลื่นสมองที่วัดได้ขณะนี้จะเหมือนกับทารกแรกคลอดที่ครบกำหนด และยังมีลักษณะแสดงว่าทารกกำลังหลับหรือตื่นด้วย
        • การหายใจ ปอดของทารกมีการพัฒนาไปมากขึ้น ถุงลมภายในปอดจะก่อตัวทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนกระทั่งอายุ 8 ปี รูจมูกเริ่มเปิด ทารกเริ่มฝึกการหายใจโดยมีการขยับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ เช่น กล้ามเนื้อกะบังลม กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่หลังคลอด
        • การได้ยิน ทารกได้ยินเสียงที่มีความถี่เกินระดับการได้ยินของผู้ใหญ่ ไวต่อคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงมากๆ และจะเคลื่อนตัวขึ้นลงตามจังหวะเสียงการพูดของคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือกระโดดขึ้นลงตามจังหวะเสียงกลอง คุณแม่ที่ไปชมคอนเสิร์ตหรือภาพยนตร์บางทีอาจจะต้องเดินลุกออกมาเพราะทนการกระโดดโลดเต้นของทารกในครรภ์ไม่ไหว นอกจากยนี้ทารกยังจำเสียงคุณพ่อได้ด้วย คุณพ่อที่พูดคุยกับทารกในครรภ์บ่อยๆ ทันทีที่คลอด ทารกจะแยกเสียงของคุณพ่อได้จากคนรอบข้างและตอบสนองอย่างรู้สึกผูกพัน เช่น เมื่อทารกร้อง หากได้ยินเสียงคุณพ่อก็จะหยุดร้องทันที
        • การรับรส ทารกมักจะดูดนิ้ว ซึ่งมีส่วนกระตุ้นปุ่มรับรสทำให้รู้รสชาติ น้ำคร่ำจะมีรสขมเล็กน้อย แต่ทารกชอบรสนี้


pregnancy_momypedia
ข้อควรปฏิบัติและข้อควรระวัง
คุณแม่ควรเตรียมซื้อหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไว้เสียแต่เนิ่นๆ ขณะที่ท้องยังไม่ใหญ่มากนักจะดีกว่ามาชุลมุนวุ่นวายหาเอาตอนใกล้คลอด ข้าวของเครื่องใช้ที่ควรเตรียมมีอะไรบ้าง

        • หมวกคลุมศีรษะ
        • เสื้อผ้า : เสื้อผ้าฝ้ายคอกว้าง ชุดผ้ายืด (อย่างละประมาณ 6 ชุด) ชุดกันหนาว (2 ชุด)
        • ผ้าพันตัวผืนใหญ่ ผ้าเช็ดตัวเนื้อนุ่ม อย่างละ 2 ผืน
        • ถุงมือ ถุงเท้าหรือรองเท้าผ้า อย่างละ 2 คู่
        • ผ้าอ้อม 2 โหล ผ้าอ้อมสำเร็จรูป 2 กล่อง ตะกร้าใส่ผ้าอ้อม (2 ใบ)
        • สำลี เข็มกลัดซ่อนปลายตัวใหญ่ โลชั่นทาตัวทารก กรรไกรตัดเล็บเด็กอ่อน ครีมทากันผื่นผ้าอ้อม


สิ่งที่คุณแม่ควรคำนึงถึง

        • เลือกซื้อเสื้อผ้าที่ราคาไม่แพงจนเกินไปและมีคุณภาพดี
        • เสื้อผ้าฝ้ายจะระบายอากาศได้ดี เหมาะกับภูมิอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเรา
        • สิ่งของจำเป็นหลายอย่างที่สามารถใช้ได้นาน เช่น ขวดนม ผ้าอ้อม แป้งเด็ก ฯลฯ ให้เตรียมเผื่อไว้ได้
        • ค่อยทยอยซื้อของเก็บไปเรื่อยๆ และควรชวนคุณพ่อหรือเพื่อนฝูงไปเป็นเพื่อน จะได้ช่วยกันเลือกและช่วยกันถือข้าวของ
        • ควรซื้อเสื้อผ้าเตรียมไว้ให้เหมาะกับสภาพอากาศในช่วงที่คลอดลูก และสวมใส่สบาย สีไม่ตก ไม่ควรซื้อเสื้อผ้าเผื่อมากเกินไป เพราะลูกจะโตเร็วมาก


กระตุ้นพัฒนาการของทารก

        • พูดคุยกับทารก : คุณแม่สามารถลูบท้องด้านที่เป็นศีรษะของทารกและพูดคุย หรือใช้กระดาษแผ่นใหญ่ม้วนเป็นกรวย แล้วพูดใส่ปลายกรวยที่จ่อไปบนหน้าท้อง
        • เปิดเพลงให้ทารกฟัง : ตามปกติแล้วจะมีเสียงต่างๆ ผ่านเข้ามาถึงตัวทารกที่อยู่ในท้องแม่ตลอดเวลา เสียงที่เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีควรเป็นเสียงดนตรีที่มีทำนองและจังหวะเบาๆ เช่น เพลงบรรเลง อาจเป็นเพลงคลาสสิกหรือเพลงไทยเดิมก็ได้ โดยอาจจะเปิดเพลงวันละครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที ก็เพียงพอแล้ว ถ้าเปิดซ้ำบ่อยๆ ทารกก็จะคุ้นชินและจดจำเพลงได้ หลังคลอดเมื่อเปิดเพลงเดิมนั้นอีก จะช่วยให้ทารกไม่โยเยร้องกวนและหลับง่ายขึ้น เนื่องจากความเคยชินต่อเสียงเพลงนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์


อาหารที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์เดือนที่ 6

        • แคลเซียม ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอเพื่อป้องกันการเกิดตะคริว
        • กากใย การกินอาหารที่มีกากใยสูงตลอดช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ นอกจากจะช่วยป้องกันท้องผูกหรือริดสีดวงทวารแล้ว ยังลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ได้


การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายของแม่ท้องเดือนนี้ยังไม่ทิ้งการว่ายน้ำ เคลื่อนไหวร่างกายด้วยการออกกำลังแบบนุ่มนวล รวมทั้งหัดการผ่อนคลายและฝึกการหายใจควบคู่ไปด้วย

อัพเดทล่าสุด