เคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม ดับกลิ่นปาก, หมากฝรั่ง, ลูกอม, ดับกลิ่นปาก, กลิ่นปาก MUSLIMTHAIPOST

 

เคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม ดับกลิ่นปาก, หมากฝรั่ง, ลูกอม, ดับกลิ่นปาก, กลิ่นปาก


845 ผู้ชม


เคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม หวังดับกลิ่นปาก จริงหรือ?

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจสภาวะทันตสุขภาพในโรงเรียนมัธยม พบร้อยละ 55.1 นิยมเคี้ยวหมากฝรั่ง และร้อยละ 42.3 อมลูกอม เพื่อระงับกลิ่นปาก เป็นความเข้าใจที่ผิด แนะใช้วิธีการแปรงฟันด้วยสูตร 222 ดีที่สุด นอกจากทำให้ช่องปากสะอาดแล้วยังลดเสี่ยงฟันผุด้วย

 เคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม ดับกลิ่นปาก, หมากฝรั่ง, ลูกอม, ดับกลิ่นปาก, กลิ่นปาก

ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากการสุ่มสำรวจสถานการณ์การบริโภคอาหารว่างและเครื่องดื่ม การดูแลสุขภาพช่องปาก และสภาวะทันตสุขภาพของเยาวชนในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั่วประเทศ ปี 2556 ของกรมอนามัย พบว่า เด็กนักเรียนมัธยมศึกษา ร้อยละ 55.1 นิยมเคี้ยวหมากฝรั่ง และร้อยละ 42.3 อมลูกอม เพื่อระงับกลิ่นปาก *โดยมีความเข้าใจผิดว่าหมากฝรั่งและลูกอมช่วยลดกลิ่นปาก แต่ความจริงแล้วมีกลิ่นหอมเพื่อกลบกลิ่นปากชั่วคราวเท่านั้น *ซึ่งอาจทำให้ได้รับอันตรายจากสารเคมี สารสังเคราะห์ที่เป็นส่วนประกอบของหมากฝรั่งและลูกอมมากเกินไป เช่น สารกันเสีย (PBA) และสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลเอสปาร์แตม (aspartame) ซึ่งหากบริโภคในปริมาณมากเกินกว่า 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน อาจก่อให้เกิดมะเร็งและอันตรายต่อสมองได้ รวมทั้งสารที่ให้รสชาติเหมือนน้ำตาลจริงและให้พลังงานต่ำ เช่น ซูคลาโลส หากได้รับ มากเกิน 15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน จะเป็นอันตรายต่อต่อมไทยรอยด์ ตับ และไต ได้เช่นกัน

ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า การลดกลิ่นปากที่มีประสิทธิภาพจึงต้องดูแลและทำความสะอาดช่องปากเป็นประจำตามสูตร 222 คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้งด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เช้าและก่อนนอน แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที เพื่อให้สะอาดทั่วทั้งปากทุกซี่ ทุกด้าน และให้ฟลูออไรด์ได้ใช้เวลาทำปฏิกิริยากับฟันเพื่อป้องกันฟันผุอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงปล่อยให้ปากสะอาดไม่กินขนมหวาน น้ำอัดลมหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง และหากให้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันวันละครั้ง ก็จะดีต่อสุขภาพช่องปากของเยาวชนและคนวัยหนุ่มสาวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แนะนำให้แปรงลิ้นด้วยจะช่วยลดกลิ่นปากได้ดี รวมทั้งการจิบน้ำเปล่าบ่อย ๆ ก็จะช่วยรักษาสุขภาพกายและคงความสดชื่นของปากได้ แต่ถ้ามีเหงือกอักเสบ หินปูน หรือฟันผุ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที

“สำหรับวิธีทดสอบกลิ่นปากอย่างง่าย ๆ ให้เอามือปิดปากและจมูก เป่าลมแรง ๆ ออกจากปาก หรือใช้วิธีเลียที่ข้อมือและดมดู เมื่อทดสอบดูแล้วพบว่ามีกลิ่นปากก็สามารถป้องกันได้ตามสาเหตุ เช่น หากมีฟันผุเป็นรูควรไปรักษาด้วยการอุดฟัน และหมั่นดูแลทำความสะอาดในช่องปากด้วยการแปรงฟันที่ถูกวิธีเพื่อลดปัญหาฟันผุซึ่งนำไปสู่การสูญเสียฟันในวัยเด็กที่อาจสะสมจนกลายเป็นการสูญเสียฟันทั้งปากในวัยสูงอายุตามมาได้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข


อัพเดทล่าสุด