https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
เคล็ดลับน่ารู้ วิธีชาร์จแบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ก มือถือ แท็บเล็ต ที่ถูกต้อง MUSLIMTHAIPOST

 

เคล็ดลับน่ารู้ วิธีชาร์จแบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ก มือถือ แท็บเล็ต ที่ถูกต้อง


1,195 ผู้ชม


เคล็ดลับน่ารู้ วิธีชาร์จแบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ก มือถือ แท็บเล็ต ที่ถูกต้อง

แบตเตอรี่ในโน้ตบุ๊ก มือถือ แท็บเล็ต ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้น จะเป็นแบบ Li-ion และ Li-Polymer ทั้งสองแบบมีลักษณะการทำงานในลักษณะ "นับรอบการชาร์จ (Cycle)" (ซึ่งมีความหมายประมาณว่าใช้จนหมด 100% ของแบตฯ นับเป็น 1 รอบ)ไม่ได้นับเป็นจำนวนครั้ง เหมือนแบตรุ่นเก่า วันนี้รายการเคล็ดลับน่ารู้โลกหุ่นจะแนะนำวิธีการชาร์จที่ถูกต้อง ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน

เคล็ดลับน่ารู้ วิธีชาร์จแบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ก มือถือ แท็บเล็ต ที่ถูกต้อง
วิธีการชาร์จแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง
1. ควรชาร์จไฟก็ต่อเมื่อระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 65-70% จะดีที่สุด แต่การใช้งานจริงถ้าได้ระดับ 35-60% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้ ซึ่งจากผลการทดสอบจากต่างประเทศ ได้ระบุว่า หากชาร์จแบตเตอรี่ที่ระดับต่ำกว่า 30% จะสามารถชาร์จได้ประมาณ 300 รอบ (Cycle) แต่หากเราชาร์จที่ระดับ 65-70% จะสามารถชาร์จได้มากกว่า 400-500 รอบ (Cycle) ดังนั้นไม่ควรชาร์จในขณะที่แบตต่ำกว่า 30% เพราะมันจะเสื่อมเร็ว
2. ห้ามใช้แบตจนหมดเกลี้ยงในระดับเปิดเครื่องไม่ติด (แบตเหลือ 0%) โดยเด็ดขาด เพราะบางทีเครื่องชาร์จทั่วไปจะชาร์จไฟไม่เข้าอีกเลย ต้องถอดไปชาร์จกับเครื่องชาร์จที่แรงดันไฟสูงๆ หรือกระตุ้นแบต ซึ่งจะยุ่งยาก และอาจทำให้เสียหายได้
3. ถ้าหากไม่ได้ใช้มือถือเป็นเวลานาน และแบตเตอรี่สามารถถอดออกมาได้ ควรถอดแบตเตอรี่เก็บไว้ในขณะที่มีประจุประมาณ 40% และควรที่จะเก็บไว้ในที่เย็น และไม่มีความชื้น
4. สำหรับมือถือหรือแท็บเล็ตนั้น ส่วนใหญ่จะมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จแบตจนเต็ม 100% แต่ถ้าหากแบตมันลดลงเพียง 1% มันก็จะชาร์จใหม่ ต่างกับโน้ตบุ๊คที่จะชาร์จใหม่เมื่อแบตลดลงเหลือ 90% ซึ่งหากเราเสียบสายชาร์จมือถือ หรือแท็บเล็ตทิ้งไว้นานๆ จะทำให้เราสูญเสียรอบการชาร์จไปโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อเราชาร์จเสร็จก็ควรถอดปลั๊กเพื่อนำมาใช้งาน
5. ควรใช้ที่ชาร์จที่มีคุณภาพ และหลีกเลี่ยงที่ชาร์จปลอม เพราะอาจจะทำให้จ่ายไฟไม่นิ่ง รวมทั้งสายไฟที่เราใช้ชาร์จ ก็ควรที่จะเป็นสายที่มีคุณภาพในการนำไฟฟ้าได้ดี


อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องไปซีเรียสเรื่องการชาร์จมากเกินไปจนเป็นภาระ เพราะยังไงแบตเตอร์รี่ไม่ว่าจะชาร์จดีถูกต้องแค่ไหน ก็มีอายุการใช้งานของมัน โดยทั่วไป 3-5 ปีก็ต้องเปลี่ยนใหม่อยู่แล้ว

อัพเดทล่าสุด