https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
อาหาร 10 อย่างนี้ ที่แพทย์จีนบอกไม่ควรกินมากไป MUSLIMTHAIPOST

 

อาหาร 10 อย่างนี้ ที่แพทย์จีนบอกไม่ควรกินมากไป


2,529 ผู้ชม


อาหาร 10 อย่างนี้ ที่แพทย์จีนบอกไม่ควรกินมากไป

อาหาร 10 อย่างนี้ ที่แพทย์จีนบอกไม่ควรกินมากไป

          อาหารอะไรที่ไม่ควรทานบ่อยไปตามศาสตร์ของแพทย์แผนจีนที่มองว่า เดี๋ยวสารพิษจะสะสมในร่างกาย อ่านแล้วอย่าเพิ่งตกใจ เพราะถ้าทานแต่น้อย ๆ ก็ไม่เกิดโทษ
          ถ้าอยากสุขภาพดีต้องเลือกทานอาหาร ใคร ๆ ก็ทราบอยู่แล้วถึงได้เลี่ยงทานอาหารประเภทที่ทำให้เกิดโทษ และหันไปใส่ใจการทานอาหารดี ๆ แทน แต่ในบรรดาอาหารที่เราคิดว่าดีต่อสุขภาพ อาจมีบางชนิดก็ไม่ควรทานมากไปอยู่ดี เพราะเสี่ยงที่จะสะสมพิษบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย เฟซบุ๊ก มูลนิธิหมอชาวบ้าน ได้เตือนให้คนรักสุขภาพรู้ทันอาหาร 10 อย่างต่อไปนี้ว่าไม่ควรทานมากไป
          ทั้งนี้ เคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์จีน ว่าด้วยเรื่องอาหารการกิน 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกินไป มีดังนี้


 ไข่เยี่ยวม้า
          เพราะมีผู้ผลิตบางรายเติมออกไซด์ของตะกั่วลงในส่วนผสมของสารที่ใช้ทำไข่เยี่ยวม้ามากเกินไป เพื่อให้ไข่ขาวแข็งตัวอย่างสม่ำเสมอ หากทานเข้าไปในปริมาณมาก ๆ และบ่อยครั้ง อาจเกิดพิษจากสารตะกั่วได้ ซึ่งสารตะกั่วเป็นโลหะหนักที่มีพิษ ก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง อีกทั้งยังมีผลทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดน้อยลง เกิดภาวะขาดแคลเซียม ทำให้กระดูกผุได้
          ทั้งนี้ปริมาณสารตะกั่วที่มีในไข่เยี่ยวม้าต้องไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ถ้าไข่เยี่ยวม้าปนเปื้อนสารตะกั่วส่วนของไข่ขาวจะมีสีดำมากกว่าปกติและดูขุ่น


 ปาท่องโก๋
          ถูกกาชื่อให้เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอันดับต้น ๆ อยู่แล้ว เพราะปาท่องโก๋มักถูกนำไปทอดในน้ำมันใช้ซ้ำ จนก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังพบบางร้านใช้สารส้มเป็นส่วนประกอบในการทำปาท่องโก๋อีกต่างหาก ซึ่งในสารส้มก็มีส่วนประกอบของตะกั่ว ถ้าเราทานปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้าทุกวัน เราจะรู้สึกคอแห้ง เจ็บคอ ร้อนในง่าย ไตจะทำงานหนักขึ้น เพราะต้องพยายามขับสารตะกั่ว และยังเป็นพิษต่อเซลล์สมอง เซลล์ประสาท ทำให้ความจำเสื่อมเร็ว


 อาหารปิ้งย่าง
          อันตรายไม่ใช่เล่นถ้าชอบทานอาหารปิ้งย่าง เพราะเนื้อประเภทต่าง ๆ ที่ถูกย่างไฟ จะเกิดสารเบนโซไพริน กินแล้วทำให้เป็นมะเร็ง เพราะฉะนั้นหลีกให้ไกลจากอาหารปิ้งย่าง โดยเฉพาะส่วนไหม้ ๆ เกรียม ๆ นี่ตัวดีเลย


 ผักดอง
          ไม่ใช่แค่ผักดองอย่างเดียว แต่เหมารวมถึงอาหารที่หมักเกลือไว้นาน ๆ อย่างที่รู้ว่าเกลือก็คือโซเดียม เมื่อทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง เป็นอันตรายต่อไต และยังทำให้หัวใจทำงานหนัก เสี่ยงโรคหัวใจอีกต่างหาก แถมท้ายด้วยสารก่อมะเร็ง



 ตับหมู
          เครื่องในสัตว์โดยเฉพาะตับหมู เป็นส่วนที่มีคอเลสเตอรอลสูงมากกว่า 400 มิลลิกรัม ถ้าทานเข้าไปมาก ๆ ก็ย่อมหลีกเลี่ยงโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองได้ยากนัก เพราะการทานอาหารที่มีปริมาณคอเลสเตอรอลสูงมาก ๆ เป็นเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดแข็งตัว ตามมาด้วยสารพัดโรค


 ผักโขม, ผักปวยเล้ง
          อย่าเพิ่งแปลกใจว่า ทำไมแพทย์แผนจีนไม่แนะนำให้ทานผักโขม และผักปวยเล้งบ่อย ๆ ทั้งที่น่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ นั่นก็เพราะแม้ว่าผักทั้งสองชนิดจะมีสารอาหารมากมาย แต่ก็มีกรดออกซาเลตมากด้วย ทานมาก ๆ จะทำให้มีการขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก จนร่างกายเกิดภาวะขาดแคลนแคลเซียมและสังกะสีได้


 บะหมี่สำเร็จรูป
          อาหารสิ้นคิดช่วงสิ้นเดือน กินบ่อยไม่ดีเลย เพราะบะหมี่สำเร็จรูปบางชนิดมีสารกันบูด สารปรุงแต่งรสที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานบ่อย ๆ ทำให้สารพวกนี้สะสมในร่างกาย และยังขาดสารอาหารอีก


 เมล็ดทานตะวัน
          น่าแปลกใจที่แพทย์แผนจีนรวมเมล็ดทานตะวันเข้ากับอาหารที่ไม่ควรทานมากด้วย นั่นเป็นเพราะการกินเมล็ดทานตะวันปริมาณมาก จะทำให้ระบบเมตาบอลิซึมของไขมันผิดปกติ ทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้


 เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้
          เต้าหู้ธรรมดาคงไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นเต้าหู้หมัก หรือเต้าหู้ยี้ต้องระวัง เพราะมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่ายจากกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ยังมีสารย่อยสลายโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย


 ผงชูรส
          ถึงแม้จะมีผลวิจัยระบุว่าผงชูรสไม่ได้อันตราย แต่นั่นหมายถึงหากทานในปริมาณน้อย ๆ แต่ถ้าทานมาก ๆ คือเกินกว่า 6 กรัมต่อวัน จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง กระทบต่อการทำงานของประจุแคลเซียมและแมกนีเซียม ทำให้ปวดศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์ด้วย
          อ่านแล้วอย่าเพิ่งตกใจว่าอาหารบางชนิดเป็นของโปรดเราเลย เพราะในบทความของหมอชาวบ้านไม่ได้บอกให้คุณ "เลิก" ทาน แต่แนะนำให้ทานในปริมาณที่เหมาะสม คืออย่าทานมากเกินไปเท่านั้นเองค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
อาหาร 10 อย่างนี้ ที่แพทย์จีนบอกไม่ควรกินมากไป
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

อัพเดทล่าสุด