https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
แชร์เก็บไว้เลย! 9 เหตุผลที่คุณควรรับประทานขิงทุกวัน MUSLIMTHAIPOST

 

แชร์เก็บไว้เลย! 9 เหตุผลที่คุณควรรับประทานขิงทุกวัน


4,709 ผู้ชม

ขิง  ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวเอเชีย  ซึ่งความพิเศษของมันอยู่ที่ความจัดจ้าน ทั้งกลิ่นหอมที่โดดเด่น และความเผ็ดร้อนของขิง จะช่วยปลุกรสชาติของอาหารให้มีชีวิตชีวา


แชร์เก็บไว้เลย! 9 เหตุผลที่คุณควรรับประทานขิงทุกวัน

ขิง  ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวเอเชีย  ซึ่งความพิเศษของมันอยู่ที่ความจัดจ้าน ทั้งกลิ่นหอมที่โดดเด่น และความเผ็ดร้อนของขิง จะช่วยปลุกรสชาติของอาหารให้มีชีวิตชีวา

นอกจากนี้ ขิง ยังขึ้นชื่อในเรื่องสรรพคุณด้านสมุนไพร หลายทศวรรษมาแล้วที่ขิงถูกใช้ในทางการแพทย์จีนเพื่อรักษาโรคหวัด อาการปวดท้อง คลื่นไส้ แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย และท้องเสีย ขิงหั่นหรือขิงขูดต้มในน้ำร้อนจะช่วยป้องกันอาการเริ่มแรกของโรคหวัดรวมถึงอาการคลื่นไส้เมื่อการใช้ยาไม่ได้ผลด้วย (เราสามารถวางขิงที่ฝานสดใหม่ไว้ได้ทั้งในปากหรือบนสะดือพร้อมกับผ้าพันแผล) ปัจจุบันขิงก็ยังเป็นยาสมุนไพรสำหรับคนที่เชื่อในการรักษาแผนโบราณ และนี่คือคุณประโยชน์ของเครื่องเทศชนิดนี้

1. ต้านการอักเสบ 
ขิงอุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์นานาชนิดเพื่อช่วยต้านการอักเสบ เช่น สารจินเจอรอล เนื่องจากการอักเสบเป็นต้นตอของโรคเรื้อรังต่างๆรวมทั้งโรคอ้วน เบาหวาน อาการปวด และโรคหัวใจ
2. ลดริ้วรอย 
ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับกลูต้าไธโอนในร่างกายและต่อสู้กับสภาวะความเครียดออกซิเดชั่น นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อีกด้วย
3. ช่วยลดอาการปวดจากการออกกำลังกาย 
การรับประทานขิงก่อนขี่จักรยานจะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
4. ช่วยลดน้ำหนัก 
ชาขิงจะช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญและบรรเทาอาการหิวซึ่งหมายถึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก
5. รักษาโรคโลหิตจาง 
ขิงและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของมันซึ่งได้แก่จินเจอรอลและโชกาออลจะช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดในร่างกายและทำให้อาการของโรคโลหิตจางดีขึ้น
6. รักษาโรคเบาหวาน 
ขิงสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบอีกว่าการดื่มขิงผสมน้ำผึ้งจะช่วยลดสภาวะความเครียดออกซิเดชั่นและภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย
7. ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ 
ตั้งแต่ยุคโบราณมักจะมีการนำขิงมาใช้ในการป้องกันโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอายุรวมถึง อาการสมองตื้อและระบบประสาทเสื่อม ขณะที่การศึกษาล่าสุดได้เน้นประโยชน์ในการใช้ขิงเพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์
8. บรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม 
ในการแพทย์ของอินโดนีเซียขิงแดงถูกจัดให้เป็นยาเพื่อบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบ ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าการรักษาโดยใช้ลูกประคบแบบดั้งเดิมหรือแผ่นแปะที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อมเรื้อรังได้
9. ป้องกันโรคตับ 
โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา (NAFLD) คือโรคตับทั่วไปที่กลายเป็นโรคระบาดอย่างรวดเร็วและภาวะต้านทานอินซูลินก็เป็นอาการหลักของผู้ป่วย NAFLD แต่สารจินเจอรอลในขิงจะช่วยบรรเทาภาวะต้านทานต่ออินซูลินซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติในการป้องกัน NAFLD
วิธีเติมรสชาติในชีวิตด้วยขิง 
หาซื้อรากขิงที่สมบูรณ์ในแผนกผัก เมื่อสัมผัสแล้วต้องไม่นิ่ม ไม่เหี่ยว แห้ง หรือขึ้นรา สำหรับขิงสดอย่างแรกให้ปอกเปลือกและตัดรากสีเหลืองออก นำมาสับละเอียดและใช้ได้ทันที นอกจากนี้คุณยังสามารถทำเป็นชาขิงสดโดยเพิ่มขิงสับละเอียดลงไปในน้ำเดือด ทิ้งไว้ 2-3 นาทีจากนั้นก็กรองเอาขิงออก 
เครดิต: https://issue247.com

อัพเดทล่าสุด