https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
อาการคนท้อง กับ ริดสีดวงทวาร มักจะเกิดจากการขับถ่าย กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ MUSLIMTHAIPOST

 

อาการคนท้อง กับ ริดสีดวงทวาร มักจะเกิดจากการขับถ่าย กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ


907 ผู้ชม


อาการคนท้อง กับ ริดสีดวงทวาร มักจะเกิดจากการขับถ่าย ไม่ถูกสุขลักษณะ

อาการคนท้อง
 



         อาการริดสีดวงทวารมักจะเกิดจากการขับถ่ายไม่ถูกสุขลักษณะ การอั้นหรือบ่งถ่ายเป็นเวลานานจนทำให้เกิดแผลหรือการบวมของเส้นเลือดและมีเลือดออกจากบริเวณทวารหนัก ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ก็มักจะมีอาการของริดสีดวงทวารจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ขับถ่ายลำบากและเจ็บปวดบริเวณทวารหนัก ก่อให้เกิดความรำคาญและกังวลใจ  แต่อาการของริดสีดวงทวารไม่ได้รุนแรงหรือเป็นอันตรายกับการตั้งครรภ์ หากคุณแม่ดูแลเรื่องการขับถ่ายให้ดีค่ะ
ทำไมจึงเป็นริดสีดวงทวาร?
         ริดสีดวงทวารเป็นเส้นเลือดที่โป่งพองขึ้นมาบริเวณทวารหนัก (คล้ายกับการเป็นเส้นเลือดขอดที่ขา) ซึ่งสาเหตุที่คุณแม่มักจะเป็นริดสีดวงทวารก็เพราะฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป บางท่านที่ไม่เคยเป็นริดสีดวงมาก่อนก็อาจเพิ่งมาเป็นในช่วงตั้งครรภ์ที่ปริมาณและการไหลเวียนของเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้น (โดยเฉพาะร่างกายส่วนล่าง) แต่ระบบไหลเวียนเลือดไม่สะดวกเพราะมดลูกที่ขนาดใหญ่ขึ้นไปกดทับเส้นเลือดดำในบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือดดำและเกิดการบวมบริเวณทวารหนัก
         นอกจากสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหารที่มีกากใยน้อย อาการท้องผูกขับถ่ายไม่สะดวกจึงต้องเบ่งถ่ายนาน การยกของหนัก การนั่งหรือยืนนาน ๆ ก็มีส่วนทำให้เป็นริดสีดวงทวารในช่วงตั้งครรภ์ได้มากขึ้นเช่นกัน
 
ริดสีดวงทวารกับคุณแม่หลังคลอด
         หากคุณแเป็นริดสีดวงทวารในช่วงตั้งครรภ์ก็ยังสามารถคลอดแบบธรรมชาติได้ตามปกติ ซึ่งแพทย์จะเพิ่มความระมัดระวังในการตัดฝีเย็บเพื่อไม่ให้ไปโดนริดสีดวง และไม่ให้มีการฉีกขาดของช่องคลอดมากเกินไป
         ส่วนใหญ่อาการริดสีดวงทวารมักจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด แต่บางรายอาจเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งแพทย์มักจะรอให้คลอดก่อนแล้วจึงจะพิจารณาว่าควรผ่าตัดรักษาหรือไม่ ดังนั้นหลังคลอดจึงควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่ต้องกลัวว่าการขับถ่ายจะทำให้แผลเย็บฉีกขาด เน้นการกินอาหารที่มีกากใยและการเดินก็จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น
อาการของริดสีดวงทวาร

         ริดสีดวงทวารถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายใดๆ กับการตั้งครรภ์ แต่มักจะทำให้เกิดความรำคาญ คันรอบทวารหนัก เจ็บและมีเลือดติดปนมาเวลาถ่ายอุจจาระหรือหลังถ่าย ซึ่งริดสีดวงอาจออกมาเฉพาะเวลาที่เบ่งถ่ายและหดกลับไปหลังถ่ายเสร็จ หรือบางคนอาจเป็นก้อนอยู่ภายนอกยื่นออกมาจากทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ ทำให้ระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมากอาจมีอาการซีดได้
         คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะอายไม่กล้าปรึกษาแพทย์จนอาการริดสีดวงเป็นมากขึ้น จึงควรสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่
         เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระมีมูกหรือเลือดปนออกมา (ถ้ามีเลือดออกจากทวารหนักไม่ว่ากรณีใดก็ตาม คุณแม่ต้องรีบไปพบแพทย์)
         มีอาการคันหรือเจ็บมากบริเวณรอบทวารหนัก 
         รู้สึกว่ามีก้อนหนัก ๆ ถ่วงบริเวณทวารหนัก
         มีก้อนยื่นออกมาจากทวารหนัก มีอาการเจ็บก่อนหน้า ระหว่างหรือหลังถ่ายอุจจาระ หรือกดแล้วเจ็บ 
 
        หากมีอาการเหล่านี้หรือสงสัยว่าจะเป็นริดสีดวงทวารควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที
บรรเทาและป้องกันอาการริดสีดวงทวาร
         หากเป็นริดสีดวงมาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์หรือเพิ่งเริ่มเป็นในช่วงตั้งครรภ์ การใช้ยารักษาริดสีดวงทวารอาจเป็นเรื่องยากเพราะมียาไม่กี่ชนิดที่สามารถใช้ได้ระหว่างตั้งครรภ์ จึงไม่ควรซื้อยารักษาเอง แต่ควรปรึกษาสูติแพทย์ว่าครีม ขี้ผึ้งหรือยาเหน็บสำหรับรักษาริดสีดวงทวารชนิดใดที่สามารถใช้ได้บ้าง เพราะยาบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
         การป้องกันและบรรเทาอาการริดสีดวงทวารไม่ให้เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์หรือไม่ให้อาการลุกลาม จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและสามารถทำได้เอง ดังนี้
         ใช้ความร้อน-ความเย็น การแช่น้ำอุ่นโดยนำอ่างขนาดพอดีใส่น้ำอุ่นแล้วนั่งแช่ประมาณ 10-15 นาที ทำวันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยลดความเจ็บปวด การบวมและการอักเสบของริดสีดวงทวารได้ หรือใช้การประคบเย็นโดยนำผ้าหนา ๆ ห่อน้ำแข็งหรือแผ่นเจลสำเร็จรูปแช่ให้เย็น แล้วนำมาประคบก็ช่วยลดความเจ็บปวดและอาการบวมได้เช่นกัน 
         หลังการขับถ่ายทุกครั้ง ควรทำความสะอาดรอบทวารหนักโดยใช้น้ำสะอาดล้าง หรือสำลีชุบน้ำเช็ดเบา ๆ แล้วซับให้แห้ง อย่าถูแรงเพราะจะทำให้เจ็บและริดสีดวงบวมมากขึ้น และควรเลือกใช้กระดาษชำระชนิดที่อ่อนนุ่ม ไม่ยุ่ยเกินไป ไม่มีกลิ่นหอม หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ แป้งโรยตัวที่มีส่วนผสมของน้ำหอมในบริเวณรอบทวารหนัก เพราะสารเคมีที่อยู่ในน้ำหอมอาจทำให้ระคายเคืองบริเวณแผลได้
         ดูแลอย่าให้ท้องผูก กินอาหารที่มีกากใยสูง หมั่นกินผักและผลไม้โดยเฉพาะในช่วงมื้อเย็น และดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้ว โดยเฉพาะหลังตื่นนอนตอนเช้า 10-15 นาที จะทำให้ระบบทางเดินอาหารบีบตัวมากขึ้น ช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวก
         พยายามควบคุมการขับถ่ายให้เป็นปกติ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และเข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สึกปวดท้อง อย่ากลั้นไว้นานเพราะจะทำให้ถ่ายออกลำบาก หลีกเลี่ยงการเบ่งแรง ๆ และการนั่งในห้องน้ำเป็นเวลานาน
         หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน ๆ ไม่ยกของหนักเพราะอาจทำให้ริดสีดวงแตกหรือมีเลือดออกมาก และควรนอนตะแคงซ้ายทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือยกขาพาดกับเก้าอี้ประมาณ 15 นาที เพื่อลดแรงดันในช่องท้อง 
         ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินหรือว่ายน้ำวันละเล็กน้อย จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
         การดูแลเรื่องระบบขับถ่ายจึงเป็นอีกเรื่องที่ควรใส่ใจเพื่อไม่ให้เป็นริดสีดวงทวาร และวิธีเหล่านี้ยังสามารถใช้ได้จนถึงหลังคลอดเช่นกันค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.motherandcare.in.th

อัพเดทล่าสุด