https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
CEO Voice : มีลูกน้องมากขึ้นช่วยแบ่งเบาภาระของเราได้มากขึ้น MUSLIMTHAIPOST

 

CEO Voice : มีลูกน้องมากขึ้นช่วยแบ่งเบาภาระของเราได้มากขึ้น


752 ผู้ชม


CEO Voice : มีลูกน้องมากขึ้นช่วยแบ่งเบาภาระของเราได้มากขึ้น




 “เอทูแซด” เกิดจากความคิดที่ต้องการทำเสื้อผ้าที่เหมาะกับผู้หญิงทุกระดับ ดังนั้นจะเห็นเสื้อผ้าของที่นี่มีตั้งแต่ราคา 199 บาทไปจนถึงราคา 1,000 บาท
       
        เอทูแซดขายดีมากแม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้นแม้วันนี้มีวิกฤติการณ์น้ำมันเกิดขึ้น เอทูแซดก็ไม่มีผลกระทบ จริงๆ แล้วสินค้าของเอทูแซดเป็นเรื่องสวนกระแส และก็เน้นบุกต่างประเทศมาก จึงมีแต่โตขึ้น และเราก็มองว่าข้างหน้ายังมีช่องว่างของตลาดสำหรับเราอยู่อีกมาก
       
        ถ้ามองไปในด้านพลังงาน โดยนโยบายเรามีการคุมตั้งแต่ช่วงของฟองสบู่แตกเมื่อหลายปีก่อน ตรงนั้นก็ยังเป็นมาตรฐานของเราอยู่จนวันนี้ ดังนั้นพอเกิดภาวะน้ำมันแพง เรารัดเข็มขัดมากขึ้นมั้ย จุดนี้เราไม่ได้ทำ เพราะเรายังอยู่ในภาพของขาขึ้นที่ต้องการเสริมกำลังพล ในขณะที่ช่องว่างทางการตลาดที่เราต้องเข้าไปก็ยังมีอีกมาก
       
        สำหรับหลักการทำงาน ขอให้ตั้งใจจริงๆ ขยัน และรักที่จะทำ การที่เรามีลูกน้องมากขึ้นก็เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของเราได้มากขึ้น ทำให้เราสามารถทำงานใหญ่ๆ ได้ ทั้งนี้ลักษณะของผู้นำปัจจุบันคิดว่าข้อแรกต้องเข้าใจธุรกิจของตัวเองก่อนและมีความเป็นมืออาชีพ ข้อที่สองต้องรักลูกน้อง และข้อสามต้องกล้าตัดสินใจ
       
        ในส่วนของการบริหารงานนั้น จะให้อิสระในการบริหาร ให้ลูกน้องสามารถเสนอความคิดในการบริหารของตัวเองได้ ตั้งแต่การคิดถึงงบประมาณ การบริหาร ทุกอย่างจะให้เป็นอิสระหมด
       
        เมื่อก่อนตอนที่บริษัทยังเล็ก ยอดขายก็ยังไม่โต ก็ยังไม่มีการแบ่งเป็นแผนกเป็นฝ่าย ผมเข้ามาดูแลทุกแผนกเอง แต่ปัจจุบันไม่ต้องแล้ว เรามีการแบ่งเป็นแผนกเป็นฝ่าย ซึ่งตรงนี้ช่วยแบ่งเบาภาระของผมไปได้เยอะเลย แน่นอนว่าเมื่อธุรกิจใหญ่มากขึ้น มียอดขายมากขึ้น การที่ผมจะดูแลคนเดียวคงไม่พอ สมาธิ และกำลังคงจะไม่ถึง เราคิดว่าถ้าเราทำอย่างนี้ต่อไปจะไม่ไหว เพราะเวลาไม่เอื้ออำนวย และทำให้งานเราออกมาไม่ดี ถ้าทุกอย่างต้องรอเราคนเดียว
       
        การแบ่งเป็นแผนกเป็นฝ่ายนี้เราทำตรงนี้มามากกว่า 5 ปีแล้ว เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำ เราพัฒนาให้แต่ละฝ่าย มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ ทำให้มีคนมาแบ่งเบาภาระ และทำงานได้ดีขึ้น เช่น ฝ่ายการตลาดก็จะมีผู้รับรองในเชิงการตลาด ฝ่ายออกแบบก็จะมีคนที่ดูแลในเรื่องของการออกแบบ ฯลฯ ยิ่งปัจจุบันคนรุ่นใหม่ก็เก่งๆ มากขึ้น ถ้าเราเอาเขาเข้ามาแล้วให้เขาเข้าใจในวัฒนธรรม และทิศทางของเรา เขามาช่วยเราทำให้บริษัทโตได้เร็วขึ้น
       
        ทั้งนี้วัฒนธรรมของเอทูแซด คือ จะทำงานอย่างอิสระ และทุกคนมีเป้าหมายของตัวเองนั้นคือการทำงานให้ดีที่สุด
       
        ทิศทางการบริหารงานปีนี้ เรามุ่งขยายไปตลาดต่างประเทศมากขึ้น ตอนนี้เราก็พยายามสร้างอิมเมจ สร้างแบรนด์ เพื่อให้ต่างประเทศชอบ และก็มาขอลิขสิทธิ์ ซึ่งเราจะเห็นทางอ้อมที่จะบุกตลาดได้อีกมาก อันนี้คือเป้าหมายที่เรามองไว้ และในประเทศเราจะมีการปรับตัวให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นเพื่อเราจะได้ไปสู่ตลาดโลกได้ชัดเจนขึ้น
       
        มืออาชีพในความหมายของเรา ต้องมีระบบการจัดการในเชิงของตลาดทั้งหมดให้ทันสมัย อย่างชอปเราก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจนเทียบเท่ามาตรฐานของมืออาชีพจริงๆ ปริมาณชอปที่มากขึ้นไม่ทำให้งานเราหนัก เพราะเรามีผู้รับผิดชอบโดยตรงแล้ว ซึ่งตรงนี้จะต่างจากเมื่อก่อนหน้านี้ที่เราต้องทำคนเดียว เราก็ต้องลงไปดูทุกชอปด้วยตัวเอง

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

อัพเดทล่าสุด