https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
มุมมองของชาวต่างชาติซึ่งทำงานในประเทศไทยที่มีต่อชาวไทย MUSLIMTHAIPOST

 

มุมมองของชาวต่างชาติซึ่งทำงานในประเทศไทยที่มีต่อชาวไทย


780 ผู้ชม


มุมมองของชาวต่างชาติซึ่งทำงานในประเทศไทยที่มีต่อชาวไทย




    

หลังจากที่ผมได้มีโอกาสเขียนคอลัมน์ชื่อ Bridging the Gap  ในหนังสือพิมพ์  Bangkok Post   ในส่วนของ  Business Section  ซึ่งตีพิมพ์ทุกวันศุกร์มาตั้งแต่ปลายปี  2543  ซึ่งคอลัมน์มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเป็นไทยที่มีผลกระทบในการดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นที่จะช่วยให้ความรู้กับชาวต่างชาติ  เพื่อให้เขาทำงานร่วมกันกับชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น  โดยมีจุดมุ่งหมายว่าจะช่วยลดความเครียดของชาวไทยที่ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติเหล่านั้น    เมื่อเดือนพฤษภาคม  2544  ผมได้ออกแบบสอบถามไปยังผู้อ่านคอลัมน์  Bridging the Gap  ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทางอีเลคทรอนิคเมล์  (Email)  โดยส่งออกไปประมาณสามสิบท่านแยกเป็นชาวไทยและต่างชาติจำนวนเท่าๆกัน  มีผู้ตอบรับเป็นชาวไทยห้าท่านและชาวต่างชาติเจ็ดท่าน  จำนวนของผู้ตอบแบบสอบถามแม้ว่าจะมีไม่มากนักซึ่งไม่ถือว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ  แต่ก็ได้ภาพสะท้อนมุมมองในเชิงคุณภาพ  ซึ่งผมเห็นว่าสอดคล้องกับสิ่งที่เคยได้รับฟังมาจากชาวต่างชาติทั่วๆไป

 

          บทความต่อไปนี้คือบางส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับชาวไทย  โดยเป็นผลคำตอบจากคำถามที่ถามว่า  “ในฐานะที่ท่านเป็นชาวต่างชาติ  ท่านคิดว่าพฤติกรรมหรือบุคลิกเรื่องใดบ้างที่เป็นจุดอ่อนของเพื่อนร่วมงานชาวไทยในที่ทำงาน  ซึ่งท่านคิดว่าอยากให้เขาเลิกพฤติกรรมหรือเปลี่ยนบุคลิกเหล่านั้นเสีย”  สิ่งที่ชาวต่างชาติคิดว่าเป็นจุดอ่อนของชาวไทยในที่ทำงานมีดังต่อไปนี้

 

 ทัศนคติที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง 

-          ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลง  ชาวไทยชอบที่จะยึดติดกับวิธีการทำงานรูปแบบเดิมๆ  การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานใหม่ๆมักจะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญใจและรบกวนพวกเขาเสมอ

 

กล้าพูด / กล้าแสดงออก / กล้าแสดงความคิดเห็น / กล้าถาม Assertiveness / Initiative 

-          ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูดเมื่อเวลาทำการเจรจาต่อรอง  (น่าจะหมายความว่าเกรงใจไม่กล้าเจรจาต่อรอง  โดยยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้เปรียบเมื่อเจรจาต่อรองทั้งๆที่ทราบ  แต่ไม่กล้าจะพูดออกมา) 

 

 ไม่สามารถจะพูดสิ่งที่ควรพูดออกมาในช่วงเวลาที่ควรพูด 

-          ไม่กล้าที่จะเสนอแนะความเห็นเพื่อให้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น

-          อยากให้ชาวไทยกล้าที่จะถามมากว่านี้  ถามหากสงสัย  ถามหากไม่แน่ใจ  โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเป้าหมายของงาน

Accountability / Commitment  / Ownership 

 -        ความผูกพันรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย  โดยไม่ค่อยยอมตั้งเป้าหมายในขณะที่งานบางอย่างนั้นจะต้องทำให้ลุล่วงภายในกำหนดเวลา

-          ไม่ยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร

-          รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้  แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด  (ต้องให้มีการสั่งเสมอ)

คอยบอกแต่ข่าวดี

 -          ไม่บอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหาขึ้น  จนกระทั่งปัญหาบานปลายไปเกินแก้ไขได้  เช่นบางครั้งเรื่องเล็กน้อยไม่แจ้งให้ผู้บริหารทราบจนถึงขั้นพนักงานเกือบจะสไตร์คไปแล้ว

-          บอกในสิ่งที่คิดว่าผู้บังคับบัญชาต้องการฟัง  มีแต่เรื่องดีๆ  แทนที่จะบอกเล่าไปตามความเป็นจริง  เช่นบอกว่า  “งานนี้ผมทำเสร็จแน่นอนครับอาทิตย์หน้า”  แต่พอถึงเวลาจริงๆกลับไม่เสร็จ  และในความเป็นจริงไม่เคยเสร็จตามวันเวลาที่รับปากไว้เลย

-          ไม่กล้าที่จะบอกว่า  “มีปัญหาเกิดขึ้น”

 

ไม่เป็นไร  Pro-active / Mai pen rai / Wait and see 

-          รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้  แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด  (ต้องให้มีการสั่งเสมอ)

-          ทักษะในการวิเคราะห์  โดยเฉพาะการวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

-          ไม่สุขุมรอบคอบและไม่มองการณ์ไกล 

 

การบริหารเวลา 

- คนไทยมีจุดอ่อนในเรื่องการตรงต่อเวลา  และการบริหารเวลา

ทักษะในการทำงาน  

-          ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้

-          เรียนรู้และฝึกฝนทักษะในการทำงานเพียงเพื่อให้พอทำงานได้เท่านั้น  แม้ว่าอาจจะมีรายละเอียดของสิ่งที่จะต้องเรียนรู้มากก็ตาม  จะไม่ค่อยพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพสูง  และไม่ค่อยมุ่งมั่นและภาคภูมิใจสู่ความเป็นเลิศเท่าใดนัก

-        “พนักงานชาวไทยเท่าที่ผมรู้จัก  ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของโลกเท่าใดนัก  แม้กระทั่งเรื่องราวและความเคลื่อนไหวของประเทศไทยก็ตาม  ผมเพิ่งมาทำงานในประเทศไทยเพียงปีเดียวแต่ผมได้เห็นและสัมผัสเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ดีงามของเมืองไทยมากกว่าพนักงานชาวไทยหลายๆคนในบริษัทของผมเสียอีก  ผมคิดว่าหากคนไทยได้สัมผัสกับประเทศของตัวเองมากเพียงพอ  มันจะช่วยให้เขาแต่ละคนเข้าใจโครงสร้างและภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น  มิฉะนั้นแล้วแต่ละคนก็อาจจะมีโลกทัศน์เพียงแค่ในตำบลที่ตัวเองอาศัยอยู่เท่านั้น  (ผมต้องขอโทษหากผมพูดตรงหรือแรงไปบ้าง  แต่ผมพูดจากประสบการณ์และมุมมองของนักธุรกิจที่ทำงานระหว่างประเทศมามาก)”
 

ความซื่อสัตย์  

-          “ชาวไทยควรจะมีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่านี้  เช่นเวลากรอกใบสมัครงานส่วนใหญ่มักจะกรอกว่ามีทักษะการพูดภาษาอังกฤษดี  แต่ว่าพอถึงเวลาสัมภาษณ์จริงกับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว  พนักงานชาวไทยบอกกับผมว่าใครๆเขาก็ปฏิบัติกันอย่างนั้นเพราะส่วนใหญ่ถือว่าทักษะในข้อนี้มักจะไม่ได้มีการทดสอบกันแต่อย่างใด  คำตอบที่ว่านี้ผมไม่สามารถจะรับได้จริงๆ” 

 

ระบบพวกพ้องและอาวุโสนิยม 

-          “ชาวไทยมักจะชักนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสมอ  ผมไม่เคยชอบวิธีการดังกล่าวเลย  ตัวอย่างเช่นการจัดซื้อสิ่งต่างๆภายในสำนักงาน  พวกเขามักจะแนะนำเพื่อนๆมาก่อนโดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทที่ควรจะได้รับเลย  นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ผมประสบมา  การให้ความช่วยเหลือกับเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเลยเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเป็นอย่างมาก”

-          ปกป้องและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเมื่อเพื่อนพนักงานด้วยกันทุจริต

ยึดติดกับระบบอาวุโสนิยม  

-          เปลี่ยนทัศนคติจาก  “บอกฉันมาว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร  แล้วฉันจะลงมือทำตามที่บอก”  มาเป็น  “ผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้ฉันทำคืออะไร  และฉันมีทรัพยากรอะไรบ้างเพื่อช่วยให้ฉันทำงานนั้นลุล่วงได้ตามที่เราจะตกลงกัน”

-          อย่าหลับหูหลับตาทำตามที่หัวหน้าบอกทุกๆเรื่องโดยไม่ยอมใช้ความคิดของตนเอง

-          อย่าหวังพึ่ง  “พี่ชาย”  ให้คอยบอกให้ทำทุกๆอย่าง

 

แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว  

-        ไม่แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน 

-          สอดรู้สอดเห็น  โดยเฉพาะในเรื่องส่วนตัว

-        การพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานมากเกินไป  บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือและการติฉินนินทากันภายในสำนักงาน 

 

จุดอ่อนอื่นๆ 

-          ลาออกจากบริษัทโดยไม่แจ้งล่วงหน้า  แต่คาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที่

-          ไม่ยอมรับภารกิจและความรับผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ

-          ต้องการมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย

-        องค์กรควรจะมุ่งเน้นการจัดหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติตรงกับงาน  แทนที่จะสรรหาคนที่มีคุณสมบัติสูงล้นเกินลักษณะของงานที่รับผิดชอบ


ที่มา : สมาชิกเว็บไซต์
 

อัพเดทล่าสุด