อาการแพ้ท้องระยะแรก เริ่มเมื่อไหร่ ถึงเริ่มตั้งครรภ์ MUSLIMTHAIPOST

 

อาการแพ้ท้องระยะแรก เริ่มเมื่อไหร่ ถึงเริ่มตั้งครรภ์


1,527 ผู้ชม


ทำอย่างไรไม่ให้มีอาการแพ้ท้อง
เนื่อง จากเราไม่ทราบสาเหตุของการแพ้ท้องจึงยังไม่สามารถป้องกันได้ แต่จากการสังเกตเราจะพบว่าเมื่อตั้งครรภ์จะมีอาการหิวบ่อย อ่อนเพลียง่าย ปัสสาวะบ่อยขึ้น มีความไวต่อกลิ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะกลิ่นอาหารที่อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ (การชอบหรือไม่ชอบชนิดอาหารขณะตั้งครรภ์ อาจเปลี่ยนไปจากก่อนตั้งครรภ์)
ถ้า หิวแล้วบางคนจะกระวนกระวายมาก และถ้าไม่ได้รับประทานอาหารทันทีขณะหิวจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนรับประทาน อะไรไม่ได้และหิวเป็นวงจรให้คลื่นไส้อาเจียนเรื่อย ๆ ได้ อาการแพ้ท้องมักมีมากขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนเพลียด้วย
ข้อแนะนำ คือ
1. พักผ่อนให้เพียงพอทั้งทางร่างกายและจิตใจ
2. เมื่อหิวควรหาอาหารรับประทานทันที ไม่ควรรอเวลาหรือรอให้หิวจัด จะพบว่าจะเริ่มหิวทุก 2-3 ช.ม. ไม่ว่าจะรับประทานอาหารมากหรือน้อยก่อนหน้านี้ จึงควรนำอาหารที่ชอบ พกพาสะดวกติดตัวไว้ด้วยเสมอเพื่อหยิบรับประทานได้ทันทีที่หิว ไม่ควรรับประทานครั้งละมาก ๆ ควรรับประทานแค่หายหิวในแต่ละครั้ง ดื่มน้ำทีละน้อย บ่อย ๆ ป้องกันร่างกายขาดน้ำ
3. ในระยะนี้เลือกรับประทานอาหารที่ชอบก่อน ยังไม่ต้องคำนึงว่ามีประโยชน์มากน้อยเพียงใด
4. การรับประทานวิตามินรวมจะช่วยให้อาการแพ้ท้องดีขึ้น โดยเฉพาะวิตามินบี 6 ยังไม่ควรรับประทานยาบำรุงเลือดที่เข้าแร่เหล็ก เพราะจะทำให้คลื่นไส้ได้ เลือกรับประทานยี่ห้อที่มีกลิ่นรสที่เราชอบ
5. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด มีเครื่องเทศมาก
6. ควรรับประทานอาหารเบาๆ (เช่น แครกเกอร์) และ/หรือ เครื่องดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอน จะทำให้หลับสบาย ควรเตรียมไว้ที่ห้องนอน เผื่อลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกแล้วรู้สึกหิว จะได้ดื่ม-รับประทานได้ ตอนเช้าควรดื่มเครื่องดื่มที่เตรียมไว้ หรือรับประทานแครกเกอร์เมื่อตื่นนอนขึ้นทันทีก่อนลุกจากเตียงไปทำกิจวัตร ประจำวัน

การรับประทานยาแก้แพ้ท้อง
ยาที่ป้องกันอาเจียนมีหลายชนิด แต่ที่นับว่าปลอดภัยมีอยู่ 2-3 ชนิด ท่านควรปรึกษากับแพทย์ที่ดูแล
ถ้าแพ้ท้องมากจนเสียความสมดุลย์น้ำและเกลือแร่ ท่านจะมีอาการอ่อนเพลียมาก ควรนอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือแร่ทดแทน
เมื่อไรควรรีบไปโรงพยาบาลจากอาการแพ้ท้อง
1. เมื่อปัสสาวะออกน้อย (< 500 ซซ./วันหรือ 20 ซซ./ชม.) และมีสีเหลืองเข้ม
2. ดื่มน้ำไม่ได้เลยทั้งวัน
3. มีอาการหน้ามืดเมื่อลุกขึ้นยืน
4. อาการใจสั่น เต้นแรงมาก
5. อาเจียนมีเลือดปนออกมา แสดงว่ามีอาการแพ้ท้องมากเกิน เข้าเขตอันตรายแล้ว

ที่มา

https://www.vibhavadi.com


วิธีการรักษาอาการแพ้ท้องที่ใช้ได้ผลมี ดังนี้

  • รับประทานของขบเคี้ยวง่ายๆ และไม่หวานมากทันทีที่คุณตื่นนอน เช่น บิสกิตหรือขนมปังกรอบจะช่วยได้อย่างมาก จากนั้น ให้นอนพักอีก 20-30 นาที ก่อนลุกออกจากเตียง
  • ในช่วงที่เหลือระหว่างวัน พยายามรับประทานครั้งละน้อยๆ แต่รับประทานบ่อยๆ ทานอะไรสักหน่อย ดีกว่าไม่ได้ทานอะไรเลยหรือซื้อของขบเคี้ยวมาเก็บไว้ เช่น ขนมปังกรอบหรือโยเกิร์ตไว้รับประทานเวลาหิว
  • อาหารที่มีโปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรตสูงสามารถช่วยป้องกัน อาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ เพราะฉะนั้น พยายามรับประทานอาหารทั้งสองชนิดนี้ร่วมกัน เช่น รับประทานไข่สุกกับขนมปังปิ้ง
  • ดื่มน้ำมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเปล่า น้ำผลไม้ นม ชาผลไม้ น้ำอะไรก็ตามที่คุณสามารถดื่มได้ น้ำขิงหรือชาขิงจะช่วยให้อาการคลื่นไส้อาเจียนลดลงและทำให้หายจากอาการแพ้ ท้องได้ ที่สำคัญ อย่าลืมหาเวลาผ่อนคลายเพื่อกำจัดความเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน การพูดคุยกับว่าที่คุณแม่คนอื่นๆ ที่มีอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกันก็สามารถช่วยผ่อนคลายได้

อาการแพ้ท้องเกิดจากอะไร

เชื่อกันว่าอาการแพ้ท้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่าง กาย ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "HCG" (Human Chorionic Gonadotropin) ที่เพิ่มสูงขึ้น และประสาทรับกลิ่นมีความไวมากขึ้น แม้แต่สภาพอารมณ์หรือระดับความเครียดก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้เช่น กัน ดังนั้นคุณแม่จึงควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียดให้มากๆ  ถึงแม้ว่าอาการแพ้ท้องอาจทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวล แต่หากคุณสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ อาการแพ้ท้องก็จะไม่เป็นอันตรายกับลูกน้อยของคุณอย่างแน่นอน แต่หากคุณไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้เลยหรือรู้สึกเบื่ออาหารทุก ชนิด ควรปรึกษาสูติแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ของคุณพวกเขาสามารถช่วยคุณได้แน่นอน

ที่มา

https://www.dumex.co.th


 

อัพเดทล่าสุด