https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
อาการของโรคหัด - อาการโรคหัดเยอรมัน และ วิธีรักษาโรคหัด ที่สมบูรณ์ MUSLIMTHAIPOST

 

อาการของโรคหัด - อาการโรคหัดเยอรมัน และ วิธีรักษาโรคหัด ที่สมบูรณ์


2,868 ผู้ชม



(Measles)

Morbillivirus measles infection.jpg

โรคหัด (Measles/Rubeola) พบมากในเด็กอายุ 2-14 ปี มักไม่พบในทารกอายุต่ำกว่า 6-8 เดือน เนื่องจากยังมีภูมิต้านทานที่ได้รับจากแม่ตั้งอยู่ในครรภ์ เป็นโรคที่แพร่หลายได้รวดเร็วมาก มักจะพบในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน แต่ก็อาจพบได้ประปรายตลอดปี

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสรูบิโอลา (rubeola virus) ซึ่งจะพบมากในน้ำลายของผู้ป่วยติดต่อโดยการไอ จาม หายใจรดกัน หรือการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ร่วมกัน ระยะฟักตัว 9-11 วัน

  อาการโรคหัด

มีอาการตัวร้อนขึ้นทันทีทันใด ในระยะแรกมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่ผิดกันตรงที่จะมีไข้สูงตลอดเวลา กินยาลดไข้ ไข้ก็ไม่ลด เด็กจะซึม กระสับกระส่าย ร้องกวน เบื่ออาหาร มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ น้ำตาไหล ไม่สู้แสง หนังตาบวม จะมีอาการถ่ายเหลวบ่อยครั้งเหมือนท้องเดินในระยะก่อนที่จะมีผื่น หรืออาจชักจากไข้สูงผื่นของหัดจะขึ้นจากตีนผม ซอกคอก่อน แล้วลามไปตามใบหน้าลำตัวและแขนขา ลักษณะเฉพาะของหัดคือจะมีผื่นขึ้นหลังมีไข้ 3-4 วัน มักจะขึ้นในวันที่ 4 ของไข้ เป็นผื่นเท่าหัวเข็มหมุดที่ตีนผมก่อนและซอกคอ ผื่นนี้จะจางหายได้เมื่อดึงรั้งผิวหนังให้ตึง เป็นแผ่นกว้าง รูปร่างไม่แน่นอน อาจมีผื่นคันเล็กน้อย ผื่นจะไม่จางหายไปในทันที จะจางหายไปใน 4-7 วัน และจะเหลือให้เห็นเป็นรอยสีน้ำตาล บางราย

สิ่งตรวจพบ

ไข้ 38.5-40.5 องศาเซลเซียส หรือบางรายอาจสูงกว่านั้นก็เป็นได้ หน้าแดง ตาแดง หน้าตาบวมคู่ เปลือกตาแดง บางรายมีอาการปวดตาเมื่อกลอกตาสุด ระยะ 2 วันหลังมีไข้ พบจุดสีขาวๆ เหลือง หรือ แดงขนาดเล็กๆ คล้ายเม็ดงาที่กระพุ้งแก้มด้านในริเวณใกล้ฟันกรามล่าง หรือ ฟันกรามด้านบนสองซี่สุดท้าย เรียกว่าจุดค็อปลิก (Koplik's spot) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของหัดและจะหายไป หลังไข้ขึ้น 2-4 วันจะพบผื่นที่หน้า หลังหู ซอกคอ ลำตัว โดยเริ่มขื้นจากด้านบนก่อน ต่อมน้ำเหลืองที่คอด้านซ้ายและขวาบวมขื้น ปอดจะมีเสียงปกติ ยกเว้นถ้ามีโรคปอดอักเสบแทรก เมื่อใช้เครื่องฟังจะได้ยินเสียงกรอบแกรบ (crepitation)

อาการแทรกซ้อน

มักจะพบในเด็กขาดสารอาหารร่างกายอ่อนแอ ที่พบบ่อยคือ ปอดอักเสบ ท้องเดิน ซึ่งมักจะพบหลังผื่นขึ้น หรือไข้เริ่มทุเลาลงแล้ว ที่รุนแรงถึงตายได้ คือ สมองอักเสบ นอกจากนี้ ยังทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงมีโอกาสเป็นวัณโรคปอดได้ง่ายขึ้น

การรักษา

  1. ปฏิบัติตัวเหมือนไข้หวัด คือ พักผ่อนมากๆ ไม่อาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบตัวเมื่อมีไข้สูง ดื่มน้ำและน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ให้มากๆ
  2. ให้ยารักษาตามอาการ เช่นยาลดไข้ Paracetamol ผู้ใหญ่ ครั้งละ 1-2 เม็ด (500 มิลลิกรัม) เด็กให้ชนิดน้ำเชื่อม (120 มิลลิกรัมต่อช้อนชา ) เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ให้ครั้ง ครึ่งช้อนชา อายุ 1-4 ปี ให้ 1 ช้อนชา
  3. ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะ ตั้งแต่ระยะแรกเพราะไม่มีความจำเป็น
  4. ถ้ามีอาการไอมีเสลดข้นหรือเขียว ไอ ปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) หรือเสียงอีด ให้ยา Amoxycillin ผู้ใหญ่ ให้ครั้งละ 250-500 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร และก่อนนอน เด็กให้วันละ 30-50 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือแบ่งให้ตามน้ำหนักตัว หรือให้ Erythromycin ผู้ใหญ่ให้ครั้งละ 250-500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง เด็ก ให้วันละ 30-50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แบ่งให้ทุก 6 ชั่วโมง

ข้อแนะนำ

  1. ควรแยกผู้ป่วย ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย
  2. โรคนี้ส่วนใหญ่จะหายได้เอง พบภาวะแทรกซ้อนเป็นส่วนน้อย
  3. ไม่มีของแสลง กินอาหารที่มีประโยชน์ บำรุง ได้ตามปกติ.

การป้องกัน และ อาการโรคหัด

โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยรับการฉีดวัคซีน เมื่ออายุ 9-12 เดือน ฉีดเพียงครั้งเดียวสามารถป้องกันได้ตลอดไป วัคซีนมีทั้งชนิดเดี่ยว และรวมกับหัดเยอรมันและคางทูม (MMR) ขอรับการฉีดได้ที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลทั่วไป

ที่มา  th.wikipedia.org

อัพเดทล่าสุด