https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
(ถามหมอ) อาการเริ่มแรกของคนท้อง (สังเกตุง่ายๆ) - อาการเริ่มแรกของคนท้อง 1 เดือน MUSLIMTHAIPOST

 

(ถามหมอ) อาการเริ่มแรกของคนท้อง (สังเกตุง่ายๆ) - อาการเริ่มแรกของคนท้อง 1 เดือน


2,898 ผู้ชม


หากคุณสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ ลองตรวจสอบสัญญาณเริ่มต้นได้ที่นี่ค่ะ

 

ประจำเดือนขาด


นับเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ชัดเจนที่สุด หากปกติแล้วประจำเดือนของคุณมักมาตรงเวลา
ควรลองทดสอบ การตั้งครรภ์ได้แล้ว

(ถามหมอ) อาการเริ่มแรกของคนท้อง (สังเกตุง่ายๆ) - อาการเริ่มแรกของคนท้อง 1 เดือน

แพ้ท้อง สัญญาณบ่งบอกว่าคุณตั้งครรภ์

อาการแพ้ท้อง มักแตกต่างกันไปในแต่ละคน คุณแม่บางท่าน อาจมีอาการคลื่นไส้หรือรู้สึกไม่สบาย โดยมักจะเกิดขึ้นหลังจากตั้งครรภ์ได้สัก 2-3 สัปดาห์ แต่บางท่านก็มีอาการเพียงแค่ไม่กี่วันหลังตั้งครรภ์ ถ้าโชคดี คุณอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็ได้ และการแพ้ท้องอาจเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเช้าเสมอไป

ปัสสาวะบ่อยขึ้น

ถ้าคุณสังเกตเห็นว่าตัวเองเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณที่น่ายินดีว่าคุณกำลังเริ่มตั้งครรภ์แล้ว ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในช่วง 3เดือนแรกจะทำให้คุณปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ

รู้สึกเหนื่อยง่ายหรือเปล่า

สัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ที่พบเห็นได้บ่อยอีกประการหนึ่งก็คือความ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหมดเรี่ยวแรง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกาย ดังนั้นหากคุณรู้สึกเหนื่อยง่ายโดยไม่มีสาเหตุลองตรวจสอบดูว่าเป็นเพราะคุณ กำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า

รสชาติแปลกๆ ในปาก

คุณแม่บางท่านเล่าว่าครั้งแรกที่ตั้งครรภ์จะรู้สึกขมเฝื่อนหรือมีรสชาติ แปลกๆในปากขณะที่คุณแม่อีกหลายท่านก็รู้สึกเหม็นหรือทนไม่ได้กับอาหารหรือ เครื่องดื่มที่เคยทานอยู่ทุกวันเช่นชาหรือกาแฟ

การเปลี่ยนแปลงของเต้านม

ผิวหนังบริเวณรอบเต้านมหรือที่เรียกว่าลานนมจะมีสีคล้ำขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น

มีเลือดออกโดยไม่คาดคิดหรือเป็นตะคริว

ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วจะเดินทางจากท่อนำไข่เพื่อไปฝังตัวที่ผนังมดลูกและรอ การเติบโต กระบวนการนี้เรียกว่า การฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว และมักจะเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 และ 4 ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียง เช่น การเป็นตะคริว และมีเลือดออกกะปริดกะปรอย โดยเลือดอาจมีสีแดงสด สีชมพู หรือสีน้ำตาล

ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยการทดสอบการตั้งครรภ์

แน่นอนว่าหนทางเดียวที่จะแน่ใจว่าคุณตั้งครรภ์แล้วก็คือการทดสอบการตั้ง ครรภ์โดยผลทดสอบนับจากวันแรกที่ประจำเดือนขาดไปหากเป็นผลบวกก็มั่นใจได้ว่า ตั้งครรภ์แน่นอน 

--------

ประจำเดือนขาด นับเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ชัดเจนที่สุด หากปกติแล้วประจำเดือนของคุณมักมาตรงเวลา ควรลองทดสอบ การตั้งครรภ์ได้แล้ว แพ้ท้อง สัญญาณบ่งบอกว่าคุณตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้อง มักแตกต่างกันไปในแต่ละคน คุณแม่บางท่าน อาจมีอาการคลื่นไส้หรือรู้สึกไม่สบาย

โดยมักจะเกิดขึ้นหลังจากตั้งครรภ์ได้สัก 2-3 สัปดาห์ แต่บางท่านก็มีอาการเพียงแค่ไม่กี่วันหลังตั้งครรภ์ ถ้าโชคดี คุณอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็ได้ และการแพ้ท้องอาจเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเช้าเสมอไป ปัสสาวะบ่อยขึ้น ถ้าคุณสังเกตเห็นว่าตัวเองเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณที่น่ายินดีว่าคุณกำลังเริ่มตั้งครรภ์แล้ว ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในช่วง 3เดือนแรกจะทำให้คุณปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ รู้สึกเหนื่อยง่ายหรือเปล่า สัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ที่พบเห็นได้บ่อยอีกประการหนึ่งก็คือความรู้สึก เหน็ดเหนื่อยหมดเรี่ยวแรง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกาย

ดังนั้นหากคุณรู้สึกเหนื่อยง่ายโดยไม่มีสาเหตุลองตรวจสอบดูว่าเป็นเพราะคุณ กำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า รสชาติแปลกๆ ในปาก คุณแม่บางท่านเล่าว่าครั้งแรกที่ตั้งครรภ์จะรู้สึกขมเฝื่อนหรือมีรสชาติแปลกๆใน ปากขณะที่คุณแม่อีกหลายท่านก็รู้สึกเหม็นหรือทนไม่ได้กับอาหารหรือเครื่อง ดื่มที่เคยทานอยู่ทุกวันเช่นชาหรือกาแฟ การเปลี่ยนแปลงของเต้านม ผิวหนังบริเวณรอบเต้านมหรือที่เรียกว่าลานนมจะมีสีคล้ำขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น มีเลือดออกโดยไม่คาดคิดหรือเป็นตะคริว ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วจะเดินทางจากท่อนำไข่เพื่อไปฝังตัวที่ผนังมดลูกและรอการเติบ โต กระบวนการนี้เรียกว่า การฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว และมักจะเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 และ 4 ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียง

เช่น การเป็นตะคริว และมีเลือดออกกะปริดกะปรอย โดยเลือดอาจมีสีแดงสด สีชมพู หรือสีน้ำตาล ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยการทดสอบการตั้งครรภ์ แน่นอนว่าหนทางเดียวที่จะแน่ใจว่าคุณตั้งครรภ์แล้วก็คือการทดสอบการตั้งครรภ์ โดยผลทดสอบนับจากวันแรกที่ประจำเดือนขาดไปหากเป็นผลบวกก็มั่นใจได้ว่าตั้ง ครรภ์แน่นอน

อัพเดทข้อมูลโดย...สิริกัญญา นรินทร์

------

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตั้งครรภ์ อันนี้ก็แล้วแต่คนค่ะ ผู้หญิงบางคนรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ แต่ผู้หญิงบางคน กว่าจะแน่ใจก็ต้องรอดู อาการ หรือทดสอบการตั้งครรภ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก สำหรับผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตา คอยเจ้าตัวน้อยมาเป็น โซ่ทองคล้องใจของครอบครัว อาจรอถึงเดือนที่ 2 ที่ 3 ไม่ไหว วันนี้เรามีอาการ 10 ข้อ ที่เป็นสัญญาณการตั้งครรภ์มาฝาก
สัญญาณการตั้งครรภ์ 10 ประการ
สำหรับผู้ที่ใจร้อน หากคุณรู้สึกไม่แน่ใจว่าตนเองตั้งครรภ์ หรือไม่ลองสังเกตตามอาการ 10 ข้อนี้ อาการเหล่านี้ เป็นอาการทั่วไป ที่บอกเป็นนัยๆ ว่า คุณกำลังตั้งครรภ์เท่านั้น แต่อย่าลืมนะคะ ว่าแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเป็นครบทุกอาการที่กล่าวมา แต่บางคนอาจมีเพียงข้อ สองข้อ เท่านั้น
1. มีเลือดไหลกะปริดกะปรอยออกจากช่องคลอด หรือปวดเกร็งมดลูก เมื่อล่วงไปครึ่งหนึ่งของช่วงรอบเดือน คือ หลังจาก หมดประจำเดือนไปแล้ว ประมาณ 8-10 วัน และถึงกำหนดมีประจำเดือนครั้งต่อไปไม่นาน คุณ อาจจะพบเลือดไหล กะปริดกะปรอย ออกมาจากช่องคลอดเป็นจุดสีชมพูจางๆ
เนื่องจากในขณะนั้นตัวอ่อนกำลงฝังตัวเข้ากับผนังมดลูก เลือดที่เกิดจาก ไข่ฝังตัวนี้แตกต่างจากเลือดประจำเดือน ตรงที่มีสีอ่อน และมีปริมาณน้อยมากๆ ในขณะที่เลือดประจำเดือน จะมีสีแดงเข้ม มีปริมาณมาก และมีรูป แบบการมาที่แน่นอน คือ มาน้อย-มามาก-มาน้อย มดลูกเกร็งตัว ก็เป็นอาการอีกอย่างหนึ่ง ที่พบบ่อยในช่วงแรก ของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีอาการหดเกร็งของมดลูก เหมือนกับเวลามีประจำเดือน จนกว่าถึงเวลาที่ตัวอ่อน จะฝังตัวได้ตำแหน่ง ที่กระดูกเชิงกรานสามารถรองรับได้ ในช่วง 3-6 เดือนแรก อาการปวดเกร็งมดลูกนี้ จะเป็นอยู่ตลอด และจะเป็นมากขึ้นเมื่อออกกำลังกาย, มีเพศสัมพันธ์ หรือเปลี่ยนอิริยาบถในบางครั้ง
2. แพ้ท้อง อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงต้นๆ ของการตั้งครรภ์ คือภายใน 5-10 สัปดาห์หลังการตั้งครรภ์ และจะหายไป เมื่อเข้าช่วงสัปดาห์ที่ 16 คุณจะมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ และมีน้ำลายมากกว่าปกติ ซึ่งมักเป็นตอนเช้า อาการเวียนศีรษะ เกิดจากร่างกายคุณแม่มีปริมาณโลหิตไหลเวียนมากขึ้น มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจทำงานหนัก แต่เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง เนื่องจากเลือดจำนวนมาก ถูกกักอยู่ในช่องท้อง เพื่อใช้เลี้ยงทารกในครรภ์
นอกจากนี้ ทารกในครรภ์ยังต้องการธาตุเหล็กมาก บางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อ ความต้องการของคุณแม่ อีกทั้งการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำลงด้วย จึงก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ส่วนอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นอาการ ที่เกิดจากระดับ ฮอร์โมนที่สูงขึ้นรวดเร็ว อันส่งผลโดยตรงต่อกระเพาะอาหารค่ะ
3. ฐานเต้านมมีสีเข้มขึ้นกว่าเดิม ช่วงต้นๆ ของการตั้งครรภ์ ประมาณช่วงที่คุณคาดว่าจะมีรอบเดือน คุณอาจจะสังเกตเห็นว่า ฐานรอบๆ หัวนมจะเริ่มมีสีเข้ม และขยายวงกว้างออก มามากขึ้น เชื่อกันว่าสีเข้มนี้จะช่วยให้ทารกเกิดใหม่ หาหัวนมดูดได้ง่าย นอกจากนั้น คุณยังอาจสังเกตเห็นว่า เส้นเลือดบริเวณเต้านมกับตุ่มรอบหัวนม เล็กๆ ที่กระจายไปตามฐานนมมีจำนวน และขนาดเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยฐานเต้านมข้างหนึ่ง จะมีตุ่มเหล่านี้ประมาณ 4-28 ตุ่ม
4. คัดและเจ็บหน้าอก เจ็บหัวนม ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ (หลังจากหระจำเดือนคลาดไปประมาณ 1 สัปดาห์) คุณอาจจะรู้สึกว่าหน้าอกบวมใหญ่ขึ้น เหมือนที่คุณรู้สึก ตอนกำลังจะมีรอบเดือน แต่สำหรับผู้ตั้งครรภ์เต้านมจะคัดตึงมากกว่า เพราะเตรียมสร้างน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูก อาการนี้จะหายไปหลังจากตั้งครรภ์ ผ่านไป 12 สัปดาห์
5. ปัสสาวะบ่อย หลังจากประจำเดือนขาดไป 1-2 สัปดาห์ (หรือในช่วง 3 เดือนแรก) คุณจะพบว่าคุณปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น และมดลูกโตขึ้น จึงต้องการเลือดไปเลี้ยงมดลูกมากกว่าปกติ ทำให้ไต กลั่นกรองปัสสาวะเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงปรับตัวให้มีเลือดเพิ่มขึ้น ชีพจรเต้นเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เลือด ผ่านไตมากกว่าเดิม ส่งผลให้ไตกลั่นกรองปัสสาวะออกมากขึ้น
อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทารกในครรภ์ขยายตัว ไปกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้จุ ปัสสาวะได้น้อยลง อาการนี้ผ่านไปสักระยะ จะเป็นน้อยลงจนจางหายไป เพราะมดลูกอยู่สูงขึ้น ไม่มากดทับกระเพาะปัสสาวะ และจะเป็นอีก ครั้งเมื่อใกล้คลอด
6. เหนื่อยง่าย อาการอ่อนเพลียพบได้ในระยะ 8-10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เวลาตั้งครรภ์ร่างกายคุณจะเปลี่ยนแปลง ระบบเมตาบอลิซึ่ม เพื่อปรับร่างกายให้ เหมาะสมกับการเจริบเติบโตของทารก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว อาการเหนื่อยง่ายนี้จะหายไปในสัปดาห์ที่ 12
7. ท้องผูก คุณอาจจะพบว่าท้องไส้ของคุณผิดปกติ ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ความผิดปกตินั้น เกิดจากร่างกาย ผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่มีฤทธิ์ลด ประสิทธิภาพการหดตัวของลำไส้ลดลง ออกมามากเกินไป ในระหว่างตั้งครรภ์
8. อุณหภูมิของช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้น มั่นใจได้เลยว่า คุณเป็นคุณแม่คนใหม่แน่ ถ้าอุณหภูมิของร่างกาย ช่วงล่างของคุณ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าล่วงเวลาที่ประจำเดือนคุณควรจะมาแล้ว การที่ อุณหภูมิช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้น แสดงว่าไข่ กำลังเดินทาง ไปตามท่อรังไข่ไปฝังตัวที่มดลูก
ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ นี่คือช่วง เวลาที่ร่างกายของคุณ รับรู้แล้วว่า คุณกำลังตั้งครรภ์ เวลาที่ไข่ เดินทางออกมา เป็นเวลาที่คุณแม่ส่วนใหญ่พบว่า อุณหภูมิของลำตัวช่วงล่างสูงขึ้นเป็น ครั้งที่ 3 ซึ่งจะห่างจากครั้งแรกประมาณ 7-12 วัน และมีเลือดคั่งอยู่ที่บริเวณช่วงล่างมาก และการไหลเวียนเลือดไม่ดี คุณแม่จะต้องระวังเส้นเลือด โป่งพอง ซึ่งเมื่อผนวกกับอาการท้องผูกไปด้วย อาจทำให้เป็นริดสีดวงทวารได้
9. ประจำเดือนขาด ถ้าร่างกายคุณเป็นปกติดี นี่อาจจะเป็นสัญญาณแรก ที่เป็นเกณฑ์บอกคุณได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ถ้าคุณประจำเดือนขาดและมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใด ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ร่วมด้วย คุณก็มั่นใจได้โดยไม่ต้องทดสอบแล้วว่า คุณตั้งครรภ์แน่นอน
10. ผลทดสอบการตั้งครรภ์ที่เป็นบวก ถ้าประจำเดือนคุณขาดไปไม่ถึงวันดี แต่คุณอยากรู้แล้วละ ว่าคุณท้องหรือเปล่า การทดสอ บการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะจะแม่นยำในช่วง 10-14 วัน หลังจากปฏิสนธิ ถ้าคุณทนรอจนถึงเวลา ที่ประจำเดือนขาดไม่ได้ การทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยเลือด จะมีผลแม่นยำในช่วงวันที่ 8-10 หลังการปฏิสนธิ
ให้พึงระลึกไว้ด้วยว่า ผลการทดสอบการตั้งครรภ์ไม่ได้แม่นยำ 100% แม้ว่าจะทดสอบจากเลือดก็ตาม ถ้าคุณได้ผลออกมาเป็นลบ แต่ยังรู้สึกว่าตนเองยังตั้งครรภ์อยู่ ให้ลองทดสอบใหม่หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์
แล้วอย่าลืมบอกข่าวดีแก่คนที่คอยห่วงใยคุณด้วยนะคะ

https://brightlives.th.88db.com/health/health_pregnant.htm

อัพเดทล่าสุด