https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
อันตรายถึงชีวิต ! เตือนผู้ป่วย โรคไต ห้ามกินมะเฟืองเด็ดขาด MUSLIMTHAIPOST

 

อันตรายถึงชีวิต ! เตือนผู้ป่วย โรคไต ห้ามกินมะเฟืองเด็ดขาด


2,556 ผู้ชม

พืชจะแสดงออก 5 กลุ่มอาการ คือการระคายเคือง เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้ ระบบประสาท ระบบหัวใจ และระบบไต...


อันตรายถึงชีวิต ! เตือนผู้ป่วย โรคไต ห้ามกินมะเฟืองเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการรวบรวมรายชื่อพืชพิษในประเทศไทย พบว่ามีพืชที่คนไทยได้รับอันตรายบ่อยที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ สบู่ดำ/สบู่ขาว ร้อยละ 54.1 กลอย ร้อยละ 8.7 มันสำปะหลัง ร้อยละ 5.9 ลำโพง หรือมะเขือบ้า ร้อยละ 4.2 โพธิ์ศรี/โพธิ์ทะเล/โพธิ์ฝรั่ง ร้อยละ4.1 ฝิ่นต้น ร้อยละ 2.8 มะกล่ำตาหนู ร้อยละ2.5 บอน ร้อยละ 2.1 ละหุ่ง ร้อยละ1.4 และสาวน้อยประแป้ง ร้อยละ1.2 นอกจากนี้ยังมีพืชอื่น ๆ ที่ประชาชนปรึกษาเข้ามาที่ศูนย์อีก 89 ชนิด ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับพิษจากพืชจะแสดงออก 5 กลุ่มอาการ คือการระคายเคือง เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้ ระบบประสาท ระบบหัวใจ และระบบไต 
ศ.นพ.วินัย กล่าวอีกว่า สำหรับอาการระคายเคืองจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือการระคายเคืองผิวหนัง และภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนโดยที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง คือ พืชที่มีน้ำยางใส ประกอบด้วย บอนสาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี และเผือก เพราะมีสารแคลเซียมออกซาเลต พืชที่ทำให้เกิดผื่นนูนแดงจากการสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช เพราะปล่อยสารฮีสเทมีน ได้แก่ ขนของหมามุ่ย และตำแย ส่วนพืชที่รับประทานแล้วทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน แยกเป็นส่วนที่เป็นพิษจากเมล็ด คือ สบู่ดำ ฝิ่นต้น สบู่แดง และโพธิ์ฝรั่ง และเป็นพิษทุกส่วนคือ บอน สาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี นอกจากนี้ยังมีพืชที่มีน้ำยางขาวซึ่งมีสารฟอบอล ไดเตอพีนอยด์ เมื่อรับประทานเข้าไปบางรายอาจถึงแก่ชีวิตคือพญาไร้ใบ สลัดได โป๊ยเซียน และคริสต์มาส รวมถึงพืชกลุ่มที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วทำให้แบ่งเซลล์ไม่ได้ เสียชีวิตเช่นกัน ได้แก่ มะกล่ำตาหนู ละหุ่ง ดองดึง
หัวหน้าศูนย์พิษวิทยาฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนพืชที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้คือ รากมันสำปะหลัง โล่ติ้น,หางไหล หน่อไม้ และผักเสี้ยน ขณะที่เมล็ดมันแกวหากรับประทานจะคลื่นไส้อาเจียน สับสน วุ่นวาย มีอาการทางหัวใจ และเสียชีวิต สำหรับพืชที่ทำให้เกิดพิษต่อสมอง ทั้งฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนหลัง อาทิ ฝิ่น กัญชา เห็ดขี้ควาย กระท่อม ต้นแสลงใจ ลำโพง เป็นต้น และพืชที่มีผลต่อระบบหัวใจทำให้ชีพจรเต้นช้าเมื่อรับประทานเข้าไปคือ ยี่โถ รำเพย ชวนชม พันซาด และสุดท้ายพืชที่ทำให้เกิดพิษต่อไต ทำให้ไตวายเฉียบพลัน ได้แก่ ลูกเนียง เกิดอาการหลังได้รับ 2-14 ชั่วโมง ทั้งนี้ผู้ที่มีปัญหาโรคไตห้ามรับประทานมะเฟือง เพราะมีอันตรายมาก ซึ่งมีรายงานว่าผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตแม้กินมะเฟือง 1 ชิ้น ทำให้เกิดอันตรายใน 2.5-14 ชั่วโมง ส่วนคนปกติสามารถดื่มน้ำมะเฟืองได้ 1.5-3 ลิตรต่อวัน “นอกจากนี้อยากให้ประชาชนระวังพิษจากสมุนไพรด้วย โดยเฉพาะสสารเสริมอาหารที่สกัดจากสมุนไพร 4 ชนิด คือเซนต์จอห์นเวิร์ต กระเทียม แปะก๊วย และโสม เนื่องจากหากรับประทานตามธรรมชาติอาจออกฤทธิ์ประมาณร้อยละ 1-2 แต่เมื่อนำมาสกัดเป็นแบบแคปซูลจะทำให้ความเข้มข้นของสารในสมุนไพรดังกล่าวสูงขึ้น และมีโอกาสที่จะทำปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นที่รับประทานอยู่ด้วยได้ ทำให้ฤทธิ์แรงเกินเกิดภาวะเป็นพิษ อันตรายกับคนไข้ ดังนั้นการกินสารเสริมอาหารจากสมุนไพร แม้จะเป็นสารธรรมชาติก็ไม่ได้ปลอดภัย 100 % ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ”ศ.นพ.วินัย กล่าว

เดลินิวส์ออนไลน์

อัพเดทล่าสุด