ใครโยนเปลือกหัวหอมทิ้งเสียดายแย่เลย...เพราะมีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงโรคเหล่านี้ได้ MUSLIMTHAIPOST

 

ใครโยนเปลือกหัวหอมทิ้งเสียดายแย่เลย...เพราะมีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงโรคเหล่านี้ได้


5,922 ผู้ชม

หัวหอมเป็นสิ่งที่เรานำมาใช้ในอาหารแทบทุกชนิด โดยไม่อาจหาอะไรมาแทนที่มันได้ แต่พวกเรามักจะโยนเปลือกของมันทิ้งไปเป็นประจำ ซึ่งนั่นถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่เราได้ทำลงไป


ใครโยนเปลือกหัวหอมทิ้งเสียดายแย่เลย...เพราะมีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงโรคเหล่านี้ได้

ใครโยนเปลือกหัวหอมทิ้งเสียดายแย่เลย...เพราะมีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงโรคเหล่านี้ได้


หัวหอมเป็นสิ่งที่เรานำมาใช้ในอาหารแทบทุกชนิด โดยไม่อาจหาอะไรมาแทนที่มันได้ แต่พวกเรามักจะโยนเปลือกของมันทิ้งไปเป็นประจำ ซึ่งนั่นถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่เราได้ทำลงไป

ในเปลือกหัวหอมมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย มันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง 
เส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ และฟลาโวนอยด์จำนวนมาก ถูกพบในเปลือกชั้นนอกสีน้ำตาล สารต่างๆเหล่านี้ล้วนมีคุณประโยชน์ต่อผิว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เปลือกของหัวหอมจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากกว่าตัวหัวหอมเองซะอีก 
เปลือกหัวหอมยังมีเควอซิทินอีกด้วย ซึ่งสารประเภทนี้ช่วยสร้างเม็ดสีที่ยอดเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ มันช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และช่วยลดความดันโลหิตสูง อีกทั้งยังช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านมะเร็ง และต้านเชื้อรา ในเปลือกหัวหอมยังมีฟลาโวนอยด์รวมอยู่ด้วย ซึ่งสารต่างๆเหล่านี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี 
ดังนั้น เปลือกหัวหอมจะช่วยกระตุ้นสุขภาพของคุณให้ดีขึ้น และจะช่วยลดความเสี่ยง ดังต่อไปนี้ 
- โรคอ้วน
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- ปัญหาระบบทางเดินอาหาร
สูตรในการทำชาเปลือกหัวหอม
- นำเปลือกหัวหอมทั้งหมดใส่ลงในเหยือก
- ในการทำชา ควรนำเปลือกหัวหอมห้าหกชิ้นใส่ลงในชาม จากนั้นเทน้ำร้อนลงไปและปิดฝา
- แช่ทิ้งไว้ 15 นาที
- กรองกากทิ้งและดื่ม ควรดื่มเป็นประจำก่อนนอน
มันดีสำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง เพราะมีคุณสมบัติเป็นยากล่อมประสาท 
เรายังสามารถนำมันใส่ลงไปในซุปและเคี่ยวให้เปื่อย เนื่องจากมันไม่สามารถกินสดๆได้ 
เพราะว่ามันมีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยในเรื่องของการบีบรูดตัวและการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ ผิวของหัวหอมจึงได้รับการพิจารณาว่าดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เส้นใยนี้ช่วยล้างพิษร่างกาย ปรับค่าพีเอชให้สมดุล และป้องกันการเจริญเติบโตของมะเร็ง 
หมายเหตุ: คนท้องและคุณแม่ที่เลี้ยงลูกไม่ควรกิน 

ขอบคุณที่มา : www.rak-sukapap.com

อัพเดทล่าสุด