https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
7 วิธีช่วยลดความมันบนใบหน้า ลดหน้ามัน ลดการเกิดสิว MUSLIMTHAIPOST

 

7 วิธีช่วยลดความมันบนใบหน้า ลดหน้ามัน ลดการเกิดสิว


1,397 ผู้ชม


7 วิธีช่วยลดความมันบนใบหน้า ลดหน้ามัน ลดการเกิดสิว

วันนี้มีเคล็ดลับที่ไม่ลับสำหรับการลดความมันบนใบหน้า ต้นเหตุของการเกิดสิวด้วย "7 วิธีช่วยลดความมันบนใบหน้า" สูตรง่ายๆที่จะช่วยให้ความมันบนใบหน้าลดน้อยลง ช่วยให้รูขุมขุนกระชับ และช่วยทำความสะอาดผิวหน้าไปในตัวด้วย

การที่หน้าของเรามันมากๆก็มีสาเหตุมาจากการที่ผิวหน้าของเราขับของเสียออกมาผ่านทางผิวหนัง โดยออกมาในรูปของกรดไขมัน หรือน้ำมันที่เยิ้มอยู่บนหน้าของเรานั่นเอง บวกกับคนที่มีขนาดรูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะผู้ชายซึ่งจะทำให้ความมันไหลออกมามากกว่าคนที่มีรูขุมขนเล็ก สังเกตได้ง่ายว่าผู้ชายมันจะหน้ามันมากกว่าผู้หญิงก็เพราะสาเหตุนี้ เมื่อหน้ามันมากๆโอกาสการเกิดสิวก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ฉะนั้นลองมาดูสูตรช่วยลดความมันบนหน้าทั้ง 7 ข้อกันดีกว่าว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

7 สูตรลดหน้ามัน

1. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง

การล้างหน้ามีผลต่อความมันบนใบหน้าอย่างมาก เพราะการที่เราล้างหน้าบ่อยๆจำทำให้หน้าของเราแห้งตึงกว่าปกติ ผิวหน้าก็จะเร่งสร้างน้ำมันเพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษาความสมดุลของผิวหน้า กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้หน้ามันเข้าไปอีก การล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หน้าสะอาด หากหน้ามันระหว่างวันก็ใช้กระดาษซับมันซับออกแทนจะดีกว่า

2. มาร์คหน้าด้วยมะเขือเทศ


ในมะเขือเทศมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวอยู่หลายตัว และช่วยดูดซับความมัน กระชับรูขุมขนได้ดีอีกด้วย วิธีมาร์คหน้าก็ง่ายๆแค่นำมะเขือเทศไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็นำมาทาให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันบนหน้าได้เป็นอย่างดี

3. พอกหน้าด้วยโคลน

ไม่ใช่ให้ไปเอาโคลนที่ไหนมาพอกหน้าก็ได้นะครับ ก็เอาพวกมาร์คหน้าที่เป็นมาร์คแบบโคลน (clay-base mask) มามาร์คหน้าเท่านั้นเอง โดยที่พวกมาร์คแบบโคลนจะมีจุดเด่นในเรื่องช่วยดูดซับความมัน และทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี แต่อย่าทำบ่อยมากนักเพราะจะทำให้ผิวแห้งมากเกินไป ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ช่วยลดความมันได้อย่างเหลือเฟือแล้ว

4. พอกหน้าด้วยดินสอพอง


ดินสอพองมีสรรพคุณช่วยดูดซับความมันได้ดี แค่นำไปผสมกับมะนาวและน้ำผึ้ง จากนั้นก็นำไปพอกหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก จะรู้สึกว่าหน้าเนียน นุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

5. พอกหน้าด้วยวุ้นว่าหางจระเข้


ว่านหางจระเข้นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้แล้ว ยังช่วยลดความมันบนหน้าได้ด้วย วิธีการก็นำว่านหางจระเข้มาปลอกเปลือกออกให้เหลือแต่ตัววุ้น จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด ย้ำเลยนะครับว่าต้องล้างให้สะอาดจริงๆ ไม่งั้นอาจโดนยางกัดหน้าได้ เมื่อได้ตัววุ้นก็นำมาสไลด์ให้เป็นแผ่นบางๆหลายๆแผ่นและจัดการนำมาแปะไว้ที่หน้า จะรู้สึกว่าหน้าเย็นๆ ช่วยให้ผิวไม่มัน และทำให้หน้าชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย

6. ทายารักษาสิว


ลองหายารักษาสิวที่มีส่วนประกอยของ Resorcinol ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการเกิดสิวได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความมันบนหน้าได้ดีอีกด้วย หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปครับ

7. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ


การดื่มน้ำสะอาดเป็นการลดความมันบนใบหน้าที่ประหยัดที่สุด และได้ผลดีมากๆอีกวิธีหนึ่ง เพียงแค่จิบน้ำในระหว่างวันบ่อยๆ ค่อยๆจิบทีละน้อย ไม่ควรดื่มมากๆในครั้งเดียว จะไม่มีประโยชน์ เพราะร่างกายจะรับได้เพียงเล็กน้อย ที่เหลือก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะไปหมด แต่การค่อยๆจิบจะช่วยให้ร่างกายนำน้ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า คือการดื่มน้ำเยอะจะช่วยให้ร่างกายได้ทำความสะอาดจากภายใน และขับของเสียออกมาได้สะดวกขึ้น ทำให้หารขับของเสียออกทางผิวหนัง ก็คือขับของเสียออกมาในรูปของไขมันน้อยลง การขับถ่ายดีขึ้น สิวก็ลดลงโดยอัตโนมัติ
     เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ 7 วิธีช่วยลดความมันบนใบหน้า หวังว่าคงจะชอบกันนะครับ ลองเลือกเอาวิธีที่สะดวกที่สุดไปใช้ก็ได้หรือจะทำทั้ง 7 วิธีก็ไม่ผิดกฎหมายใด ความมันบนหน้าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เป็นกันทั้งนั้น เพราะหน้ามันแล้วทำให้เป็นสิวได้ง่าย ผมยังเบื่อเลยครับแบบว่าเป็นคนหน้ามันมากๆ แต่ถ้าได้ลองสูตรที่ให้ไปรับรองว่า "มันหายไปแน่นอน"

ที่มาและภาพประกอบ: acnedefend

อัพเดทล่าสุด