https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
20 วิธีลดน้ำหนักเด็ด ๆ ที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง MUSLIMTHAIPOST

 

20 วิธีลดน้ำหนักเด็ด ๆ ที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง


2,754 ผู้ชม


20 วิธีลดน้ำหนักเด็ด ๆ ที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง

วิธีลดน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์  หลายสำนักพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง ถ้าใครเคยพยายามมาด้วยวิธีอื่นแล้วยังไม่ผอมสมใจ วิธีเหล่านี้อาจทำให้ไปถึงฝั่งฝันไวขึ้นนะ
          ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้เคล็ดลับการลดน้ำหนักมีมากมายจนนับแทบไม่หวาดไม่ไหว บางวิธีก็ดีกับสุขภาพ บางวิธีก็ดูแล้วน่าจะส่งผลเสียมากกว่า หรือไม่ก็แปลกจนไม่คิดว่าจะสามารถทำให้น้ำหนักลดได้จริง แต่วันนี้เรามีวิธีการลดน้ำหนักที่ได้รับการพิสูจน์จากทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าทำแล้วได้ผลมาฝากกัน ใครที่ลดน้ำหนักมาสารพัดรูปแบบแล้วแต่ยังไม่รู้สึกโอเคเท่าไร ลองให้วิธีลดน้ำหนักเหล่านี้เป็นทางเลือกใหม่ ๆ ให้คุณสิ บางทีอาจจะทำให้ผอมลงกว่าเดิมก็ได้นะคะ
1. ตกแต่งตู้เย็นด้วยรูปอาหารแคลอรีต่ำ
          อาจดูเป็นวิธีที่แปลก แต่การที่เราได้เห็นรูปของอาหารที่มีแคลอรีต่ำนั้นส่งผลดีมากกว่าที่คิด โดยผลการศึกษาพบว่า ภาพอาหารเหล่านั้นจะช่วยให้คนที่กำลังลดน้ำหนักตระหนักถึงเป้าหมายในการลดน้ำหนักในขณะที่กำลังหิวแบบหน้ามืดตามัวได้ ถ้าอยากได้ตัวช่วยเรื่องการควบคุมอาหาร ลองหาภาพอาหารเพื่อสุขภาพที่มีแคลอรีต่ำไปติดหน้าตู้เย็นดูนะคะ ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยดึงสติคุณได้อีกเยอะ
2. ดูโทรทัศน์ให้น้อยลง
          โฆษณาอาหารและรายการทำอาหารถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของการลดน้ำหนักเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อไรที่เราได้ดูก็จะรู้สึกหิวจนต้องไปหยิบขนมมารับประทานเสียทุกที นี่ยังไม่รวมถึงการดูโทรทัศน์ขณะที่รับประทานอาหารอีกด้วยนะ ซึ่งวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณกลับมาเข้าร่องเข้ารอยก็คือการดูทีวีให้น้อยลงถ้าทำได้ พฤติกรรมการรับประทานอาหารก็จะเปลี่ยนและทำให้น้ำหนักลดลงได้แล้วล่ะค่ะ
3. ทาสีห้องรับประทานอาหารใหม่
          เราอาจจะเคยได้ยินกันมาแล้วว่าการรับประทานอาหารที่มีสีฟ้า หรือการใช้ภาชนะใส่อาหารที่มีโทนสีฟ้าจะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ ซึ่งนอกเหนือจากนี้ การทาสีห้องรับประทานอาหาร หรือบริเวณที่รับประทานอาหารเสียใหม่ด้วยสีฟ้า ก็สามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายลงได้เหมือนกัน อีกทั้งยังส่งผลให้เรารับประทานอาหารช้าลง เมื่อเทียบกับการใช้สีเหลืองหรือแดงในการตกแต่งห้อง เพราะทั้ง 2 สีนี้ จะยิ่งทำให้เรารับประทานอาหารเยอะและไวกว่าเดิม ซึ่งเป็นสาเหตุของความอ้วน อยากลดน้ำหนักทั้งทีก็ลงทุนระยะยาวกันไปเลยค่ะ รับรองว่าช่วยได้
 
4. ทำสมาธิ
          การกินสามารถช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวลได้ก็จริง แต่นั่นก็เป็นการบ่อนทำลายเป้าหมายในการลดน้ำหนักที่เลวร้ายเช่นกัน ลองเปลี่ยนจากการกินเพื่อแก้เครียด มาทำสมาธิเพื่อให้จิตใจผ่อนคลายลงก่อนที่จะรับประทานอาหาร การันตีได้เลยว่าได้ผลดีทั้งต่อจิตใจและการลดน้ำหนักเลยล่ะ
5. คอยกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอ 
          การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งแน่นอนว่าเราอาจจะต้องรู้สึกท้อกันบ้าง และถึงแม้กำลังใจจากผู้อื่นจะช่วยกระตุ้นเราได้ แต่ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ดีที่สุดเท่ากับตัวเราเองแน่นอน ดังนั้นหมั่นให้กำลังใจตัวเองด้วยการพูดกับตัวเองอยู่เสมอว่า "ฉันต้องทำได้ !" หรือจะเขียนข้อความให้กำลังใจดี ๆ คำคมที่เกี่ยวกับการลดน้ำหนักลงในโพสต์อิท แล้วแปะไว้ตรงที่ที่คุณสามารถเห็นได้บ่อย ๆ แล้วคุณจะรู้ว่า สิ่งเหล่านี้นี่ล่ะคือกำลังใจชั้นเยี่ยมที่ทำให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จ
6. เบี่ยงเบนความสนใจที่มีต่ออาหารด้วยการคิดถึงเรื่องอื่น ๆ 
          ทุกครั้งที่คุณพยายามจะหักห้ามใจจากอาหารแสนอร่อยตรงหน้า หรือยับยั้งไม่ให้เผลอไปหยิบของหวานเข้าปากอีกชิ้น ลองคิดถึงสิ่งที่ทำให้คุณเพลิดเพลินและมีความสุขที่ไม่ใช่การรับประทานอาหาร อย่างเช่น เรื่องที่เม้าท์กับเพื่อนเมื่อวันก่อน ภาพยนตร์ที่คุณเพิ่งไปดูมาล่าสุด หรือทริปสุดสนุกที่คุณไปมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความคิดเหล่านั้นจะช่วยทำให้คุณละความสนใจจากอาหารได้ดีเลยทีเดียว และเมื่อคุณหมดความสนใจกับอาหารตรงหน้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะกินเยอะจนอ้วนอีกต่อไป 
7. ฟังเพลงโปรดขณะออกกำลังกาย

          การออกกำลังกายและการฟังเพลงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันได้ดี เพราะช่วยให้เราเพลิดเพลินกับการออกกำลังกาย แต่ถ้าอยากให้ได้ประโยชน์ที่มากขึ้นในการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักละก็ ลองเพิ่มลิสต์เพลงโปรดของคุณเข้าไปในการออกกำลังกายดูค่ะ การฟังเพลงที่คุณชอบจะช่วยทำให้คุณลืมความเหน็ดเหนื่อยและอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ รวมทั้งเพิ่มการเผาผลาญให้ร่างกายอีกด้วย ที่สำคัญที่สุดก็คือจะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้อย่างมีความสุขมากขึ้นเลยล่ะ 
8. สวมเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายเป็นประจำ
          มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นได้เปิดเผยผลการวิจัยเรื่องอิทธิพลในการสวมใส่เสื้อผ้าต่อการลดน้ำหนักไว้ว่า การสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นให้เรานึกถึงเป้าหมายในการลดน้ำหนักอยู่เสมอ ทำให้เราเลือกทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ควรจะเป็นชุดออกกำลังกายที่มิดชิดหน่อยก็น่าจะดีนะ

9. ใช้แก้วทรงผอมสูงเมื่อดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า 
          แก้วที่ใช้ใส่เครื่องดื่มนั้นมีผลต่อการลดน้ำหนักอยู่ไม่น้อย เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลพบว่า การใช้แก้วที่มีลักษณะผอมสูงจะช่วยลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มอื่น ๆ นอกเหนือจากน้ำเปล่าได้ ยิ่งโดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะคนมักจะคิดว่าปริมาณเครื่องดื่มในแก้วทรงผอมสูงนั้นมากกว่าแก้วทรงเตี้ย แต่จริง ๆ แล้วมีปริมาณเท่ากัน ทำให้เราไม่เติมเครื่องดื่มบ่อย ๆ
10. ฉีดน้ำหอมกลิ่นวานิลลาที่หลังมือ
          จากการศึกษาของโรงพยาบาล St.George's ในกรุงลอนดอนพบว่า ความรู้สึกที่อยากรับประทานของหวาน สามารถระงับได้ด้วยกลิ่นวานิลลา โดยในการศึกษาได้ให้อาสาสมัครฉีดน้ำหอมที่มีกลิ่นวานิลลาไว้ที่หลังมือ และผลที่ได้ก็คืออาสาสมัครเหล่านั้นสามารถควบคุมความอยากอาหารได้ดีขึ้น ในเวลา 2 เดือนสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 2.2 กิโลกรัมเลยทีเดียว ถ้าคิดว่าตัวเองหยุดกินของหวานไม่ได้แล้วอยากจะผอม รีบหาน้ำหอมกลิ่นวานิลลามาใช้โดยด่วน !
11. คิดถึงประโยชน์ที่จะได้ในระยะยาว
          ถ้าคุณกำลังรู้สึกท้อกับการลดน้ำหนัก ลองเปลี่ยนจากการมองเป้าหมายในระยะสั้นจากแค่ตัวเลขน้ำหนักที่จะลดลง มานึกว่าถ้าลดน้ำหนักได้ ความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง ก็จะลดลงตามไปด้วย ร้อยทั้งร้อยคุณก็จะกลับมาฟิตลดน้ำหนักได้เหมือนเดิมแน่นอน
12. จัดโต๊ะทำงาน
          โต๊ะทำงานที่เป็นระเบียบไม่ได้เพียงแค่ทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้น แต่ยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตาพบว่า คนที่นั่งทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นระเบียบจะมีแนวโน้มเลือกอาหารที่ดีกับสุขภาพมากกว่า รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจได้มากขึ้น
13. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
          การดื่มน้ำเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ง่ายที่สุดเลยล่ะค่ะ แค่เพียงดื่มน้ำอย่างเพียงพอก็จะช่วยลดความอยากอาหารและเครื่องดื่มหวาน ๆ ได้ นอกจากนี้ก็ยังไปกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากภาวะขาดน้ำได้อีก ยิ่งถ้าดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร ก็จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง และอิ่มเร็วขึ้น ดีกับการลดน้ำหนักขนาดนี้ยังจะไปมองหาเครื่องดื่มลดน้ำหนักกันอยู่อีกทำไมล่ะเนอะ
14. หรี่ไฟในห้องลงเวลารับประทานอาหาร
          การศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลดน้ำหนักของมหาวิทยาลัยคอร์เนลทำให้เราได้ทราบว่าการรับประทานอาหารในห้องที่มีแสงสว่างน้อยและมีเพลงเบา ๆ บรรเลงคลอไปด้วย ช่วยให้เรารับประทานอาหารลดลงกว่าการรับประทานอาหารในห้องที่มีเสียงดังและแสงสว่างจ้าถึง 14% เพราะบรรยากาศเหล่านั้นทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และเราก็จะรับประทานช้าลง ผลที่ได้ก็คือช่วยให้เราอิ่มโดยไม่ต้องรับประทานอาหารเยอะ เนื่องจากกระเพาะของเราจะใช้เวลาในการส่งสัญญาณความอิ่มไปยังสมองประมาณ 20 นาที เรียกได้ว่าอิ่มแบบไม่ต้องกินเยอะแถมยังได้อยู่ในบรรยากาศสบาย ๆ อีกด้วย
15. ขยับเขยื้อนร่างกายไปด้วยขณะที่ดูภาพยนตร์
          ในวันหยุดหากคุณมีเวลาว่างหยิบภาพยนตร์เรื่องโปรดขึ้นมาดู อย่าให้เวลานับชั่วโมงนี้กลายเป็นเวลาเพิ่มน้ำหนักด้วยการหยิบของว่างมารับประทานไปด้วยขณะที่ดู หรือปล่อยให้เสียเปล่าด้วยการนั่งดูเฉย ๆ เลยค่ะ ลองยืดเหยียดร่างกายไปด้วยขณะที่ดู ขอบอกเลยว่าสามารถช่วยเบิร์นได้ไม่ใช่น้อย ๆ โดยการฝึกโยคะ 1 ชั่วโมง ก็สามารถเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 300 กิโลแคลอรีเลยนะ 
16. ดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยสะระแหน่
          กลิ่นก็เป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมความอยากอาหาร โดยมีนักวิจัยจาก Wheeling Jesuit University พบว่าการดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยสะระแหน่สามารถช่วยลดปริมาณแคลอรีที่กินเข้าไปได้ ซึ่งในการทดลอง นักวิจัยได้ให้อาสาสมัครดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยสะระแหน่ทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยที่ยังให้อาสาสมัครรับประทานอาหารได้ตามปกติ เมื่อสิ้นสุดการทดลอง อาสาสมัครสามารถลดปริมาณแคลอรีที่กินเข้าไปรวม 5 วันได้ถึง 3,000 กิโลแคลอรี ก็ถือว่าไม่ใช่น้อย ๆ เลย ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รู้สึกอยากอาหารน้อยลงก็เพราะกลิ่นของสะระแหน่ที่ดมนี่ล่ะค่ะ เมื่อได้กลิ่นบ่อย ๆ ก็จะทำให้เราชินกับกลิ่นและได้กลิ่นอื่น ๆ น้อยลง ใครที่อดทนกับกลิ่นหอม ๆ ของอาหารไม่ไหวใช้วิธีนี้ก็ดีไม่หยอกเลยค่ะ
17. จ่ายค่าอาหารด้วยเงินสด
          อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก แต่การควักเงินสดจ่ายค่าอาหารแทนที่จะใช้บัตรเครดิต จะช่วยให้เรายั้งคิดในเรื่องการสั่งอาหารหรือการหยิบอาหารใส่รถเข็นได้ โดยการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนล ที่ได้ทำการติดตามพฤติกรรมในการซื้ออาหารของนักศึกษา 2,000 คน พบว่า นักศึกษาเกือบครึ่งหนึ่งที่ใช้จ่ายด้วยเงินสด จะเลือกซื้ออาหารที่ดีและมีประโยชน์มากกว่ากลุ่มที่ใช้บัตรเครดิต อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด และจำเป็นต้องทำการศึกษาต่อไป 
18. นอนหลับในที่ที่มีอากาศเย็นกว่าปกติ
          ข้อดีของการนอนหลับในที่ที่มีอากาศเย็นสบาย ไม่ได้แค่ทำให้นอนหลับได้สนิทมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นด้วย ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าเมื่อคนเราอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นมาก ๆ ร่างกายก็จำเป็นจะต้องเผาผลาญมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นนั่นเอง


19. กินอาหารหน้ากระจก

          การส่องกระจกจะไม่ใช่แค่การเช็กความเรียบร้อยของตัวเองอีกต่อไป เพราะการส่องกระจกยังช่วยลดน้ำหนักได้ โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแอริโซนาพบว่า การรับประทานอาหารในบริเวณที่มีกระจกสะท้อนจะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง เพราะจะเหมือนเป็นการเตือนสติตัวเองไปในตัวนั่นเอง อยากกินให้น้อยลงก็ลองไปนั่งรับประทานอาหารหน้ากระจกดูนะคะ 
20. จดบันทึกทุกอย่างที่รับประทานเข้าไป
          การวิจัยจากสถาบัน Fred Hutchinson Cancer Research Center ได้เปิดเผยให้เราทราบว่าการจดบันทึกว่าเราทานอะไรเข้าไปบ้างสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่า โดยในการศึกษานี้ได้ให้อาสาสมัครจดบันทึกอาหารทุกอย่างที่รับประทานเข้าไป รวมถึงขนาด รายละเอียด และวิธีการจัดเตรียมอาหารเหล่านั้น ผลที่ได้รับคือกลุ่มอาสาสมัครที่จดบันทึกสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่มีการจดบันทึกถึงเกือบ 3 กิโลกรัมเลยทีเดียว เห็นผลดีแบบนี้ เตรียมสมุดและปากกาติดตัวไว้ แล้วเริ่มจดบันทึกซะ คุณอาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ของตัวคุณเองค่ะ
          วิธีลดน้ำหนักที่หยิบมานี้ก็ล้วนแต่เป็นวิธีที่เห็นแล้วอาจจะทำให้รู้สึกแปลกใจ ซึ่งต้องย้ำอีกครั้งว่าได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยได้จริง ที่สำคัญยังปลอดภัยกับสุขภาพด้วย ใครสนใจวิธีไหนก็ลองนำไปใช้ได้ แต่ก็ต้องทำควบคู่กับปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายด้วยนะถึงจะได้ผลที่ดียิ่งขึ้นค่ะ

ที่มา: กระปุกออนไลน์

อัพเดทล่าสุด