https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
ตัดเงินเดือนดีกว่า..จริงๆ MUSLIMTHAIPOST

 

ตัดเงินเดือนดีกว่า..จริงๆ


850 ผู้ชม


ตัดเงินเดือนดีกว่า..จริงๆ




  คมชัดลึก :ถ้าเริ่มต้นให้ “ตัดเงินเดือน” นี่ เป็นใครคงก็ไม่ยอมให้ตัดกันง่ายๆ เป็นแน่แท้ ต่อให้ทำผิดกฎ กติกา มารยาท หรือมาทำงานสายหลายครั้งหลายหน แต่ถ้าเจ้านายจะตัดเงินเดือน เป็นต้องขอร้อง อ้อนวอน โอดครวญกันสุดชีวิต ให้ละโทษไว้ก่อน เพราะเรื่องเงินๆ เรื่องทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร

แต่ไม่ใช่ว่าเรื่อง “ตัดเงินเดือน” จะไม่ดีเสมอไปนะคะ เพราะคุยกันเรื่อง “ตัดเงินเดือน” วันนี้ รับรองว่า ดีแน่ๆ ค่ะ

 มีอยู่ครั้งหนึ่ง ดิฉันเคยได้รับเชิญไปเป็นผู้ดำเนินรายการสัมมนาของสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แล้วจำได้ว่า ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย ในขณะนี้ (ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นผู้บริหาร บลจ.อื่น) เล่าให้ฟังถึงชีวิตสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เป็นเศรษฐีเงินล้านแบบไม่รู้ตัว เพราะการ “ตัดเงินเดือน” นี่แหละค่ะ

 เรื่องของเรื่องคือ สามีภรรยาคู่นี้แกเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ แล้วก็อยากออมเงิน แต่ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยปรึกษากับเจ้านายและขอให้เจ้านายตัดเงินเดือน 10% แล้วนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนให้

 ดิฉันจำรายละเอียดไม่ได้มากนัก แต่โดยสรุปก็คือ สองสามีภรรยาสามารถเกษียณได้ก่อนวัย เพราะเงินเดือน 10% ที่ถูกตัดออกไปนั้น สามารถงอกเงยจนทำให้ทั้งคู่เป็นเศรษฐีเงินล้านได้ในเวลาอันรวดเร็ว

 เรียกว่าเป็น “มหัศจรรย์” ของการตัดเงินเดือนอย่างแท้จริง

 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ในระยะเวลาไม่นานมีคนมาเล่าเรื่องให้ฟังอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้จัดการสาขาแบงก์สาวสวยอัธยาศัยดี ดิฉันไม่ได้ทักท้วงว่าเคยฟังแล้ว เพราะไหนๆ ก็ตั้งใจมาพูดให้ฟัง เพราะไปอบรมมาทั้งที ก็อย่าให้เสียน้ำใจกัน แต่ที่กำลังจะบอกคือ เดี๋ยวนี้การตัดเงินเดือนผ่านธนาคารพาณิชย์ที่แต่ละออฟฟิศโอนเข้าไปทุกสิ้นเดือน กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งกระแสที่สร้างเศรษฐีย่อมๆ ได้ ไม่แพ้กันค่ะ

 ก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงไทยก็มีแคมเปญแบบนี้เหมือนกันคือ ตัดเงินเดือนอัตโนมัติแล้วก็นำเงินไปลงทุนต่อยอดให้แก่ลูกค้า รู้สึกว่าจะเป็นความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังมีอยู่หรือเปล่า หรืออย่างธนาคารไทยพาณิชย์ก็มีแคมเปญหักเงินเดือนไปลงทุนในกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ และล่าสุดเป็นคิวของแบงก์ทหารไทย ซึ่งเปิดโปรโมชั่น “ทีเอ็มบี ออโต้ ริช”

 คุณกาญจนา โรจวทัญญู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารทหารไทย บอกว่า โปรโมชั่นนี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า "ทำไมคุณจะเป็นเจ้าของเงินแสนหรือเงินล้านไม่ได้"

 เธอบอกว่า แคมเปญนี้จะนำเครื่องมือทางการลงทุนที่เรียกว่า ออโต้ อินเวสต์เมนท์ แพลน หรือบริการตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติเพื่อลงทุนในกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยสร้างวินัยในการบริหารการเงินให้ลูกค้าแบบง่ายๆ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มวัยทำงาน ผู้ที่มีเงินเหลือตั้งแต่ 2,000-15,000 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายประจำเดือนแล้ว และมีความสนใจในการออมหรือการลงทุนในกองทุน แต่ไม่มีเวลาที่จะบริหารเรื่องดังกล่าว และเปลี่ยนพฤติกรรมการ “ใช้ก่อนออม” มาเป็น “ออมก่อนใช้” ได้อีกด้วย

 “จากการทำวิจัยพฤติกรรมของลูกค้าในกลุ่มวัยเริ่มทำงานสร้างครอบครัว ส่วนใหญ่จะมีความฝันที่จะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ เพื่อช่วยสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตได้ตั้งแต่อายุที่ย่างเข้าเลข 3 แต่ในความเป็นจริงด้วยภาระค่าใช้จ่ายและความต้องการอุปโภคบริโภคส่วนตัว ทำให้ไม่สามารถเก็บเงินได้”

 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นปีที่ได้รับโบนัสพิเศษ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะนำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายต่างๆ เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ตัวเอง แต่หลังจากพ้นช่วงเวลาฉลองโบนัสแล้ว ก็จะกลับมาเสียดายเงินที่ใช้จ่ายไปโดยไม่ได้มีการแบ่งออมไว้เลย เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ทุกปี ดังนั้นแบงก์ทหารไทยจึงใช้จังหวะช่วงต้นปีแบบนี้นำเสนอแคมเปญดังกล่าว เพื่อที่จะช่วยสร้างวินัยในการเก็บออมเงิน

 ส่วนคำถามที่ว่า “เงินเดือนที่ถูกตัดแล้วไปไหน” เรื่องนี้ คุณจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธนบดีธนกิจ ธนาคารทหารไทย บอกว่า เงินดังกล่าวจะถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้ทุกประเภท ทั้งกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารทุน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) กองทุนหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) หรือกองทุนรวมต่างประเทศ

 หลักการลงทุนแบบนี้ เรียกว่า “ดอลลาร์ คอสต์ เอเวอเรจ” ซึ่งหมายถึงการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในเวลาเดียวกันซ้ำๆ เช่น ทุกวันที่ 1 ของเดือน หรือทุกวันที่ 15 ของเดือน ซึ่งแน่นอนว่า ระยะเวลา (วันที่ในแต่ละเดือน) เป็นวันที่เดียวกัน แต่ต้นทุนของการเข้าลงทุนจะไม่เท่ากัน ดิฉันเคยคุยกับคุณสุริพล เข็มจินดา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ ซึ่งยืนยันหนักแน่นว่า จากการเก็บข้อมูลย้อนหลังแล้ว การลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยหลักการ “ดอลลาร์ คอสต์ เอเวอเรจ” จะช่วยให้ผู้ลงทุนเฉลี่ยต้นทุนได้ในราคาที่เหมาะสมที่สุด เพราะในโลกของการลงทุนไม่มีใครรู้ว่าราคาใดเป็นราคาที่ต่ำที่สุด การถัวเฉลี่ยต้นทุนด้วยวิธีการนี้จึงอาจจะเรียกได้ว่าดีที่สุด

 ออกโรงการันตีกันขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่า แคมเปญ “ตัดเงินเดือน” แล้วนำไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยค่ะ สำหรับคนที่พร้อมจะลงทุน ดิฉันสนับสนุนให้คุณตัดเงินเดือนเพื่อลงทุนในกองทุนรวมที่ตรงกับสไตล์ส่วนตัวของคุณ

 ส่วนใครที่ไม่พร้อมลงทุน ก็ลอง “ตัดเงินเดือน” อย่างน้อย 10% แยกออกไปในชัดเจน รับรอง “เก็บก่อนแล้วค่อยใช้” ดีกว่า “ใช้ก่อนแล้วค่อยเก็บ” แน่นอนค่ะ

ขวัญชนก วุฒิกุล k_wuttikul@hotmail.com

ที่มา :   คมชัดลึก

อัพเดทล่าสุด