https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
ใบสมัคร MUSLIMTHAIPOST

 

ใบสมัคร


685 ผู้ชม


ใบสมัคร




ใบสมัคร(Application blanks) เป็นเครื่องมือการคัดเลือกที่ใช้กันในเกือบทุกองค์กร นับเป็นหลักฐานในการแจ้งความจำนงในการขอสมัครงานของผู้ที่ประสงค์จะทำงานในแต่ละองค์กร รายละเอียดในใบสมัครจะประกอบไปด้วยคำถามซึ่งใช้ในการพิจารณาตัดสินความเหมาะสมในการจ้างงาน ฟิชเชอร์ (Fisher) เชอนเฟลท์ (Shoenfeldt) และชอว์ (Shaw) กล่าวว่า ข้อมูลที่ต้องการจะต้องเป็นความจริงและสามารถตรวจสอบได้ เช่นคุณวุฒิทางการศึกษาสูงสุดที่ได้รับ หรือวันที่ที่เริ่มงาน เป็นต้น เพราะในบางครั้งการตรวจสอบเพื่อขอคำยืนยันความถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็น

รายละเอียดข้อมูลที่ต้องการเกี่ยวกับผู้สมัคร เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน ความสามารถหรือความเชี่ยวชาญพิเศษ บุคคลรับรอง และอื่นๆ

ตัวอย่างแบบฟอร์มใบสมัครที่ใช้กันในหน่วยงานดังแสดงในแผนภาพ

 ข้อมูลที่ได้จากใบสมัครได้นำไปใช้ในหลายลักษณะ ดังนี้

 

1. เพื่อกลั่นกรองผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบเกณฑ์ขั้นต่ำ เช่น  คุณวุฒิด้านการศึกษา หรือ ประสบการณ์ในการทำงานเป็นต้น

2. เพื่อใช้ในการประเมินใบสมัครอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อดูว่าผู้สมัครคนไดบ้างที่มี แวว น่าสนใจสมควรเชิญมาสัมภาษณ์

3. เพื่อใช้ข้อมูลเบื้องต้นในการเตรียมคำถามมนการสัมภาษณ์ว่าควรจะถามภูมิหลังของผู้สมัครเพิ่มเติมในเรื่องใดบ้าง

4. เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบประวัติจากผู้รับรองที่ระบุไว้ในใบสมัคร

5. เพื่อใช้ข้อคำถามในการกำหนดค่าน้ำหนักจากค่าสหสัมพันธ์ระหว่างข้อคำถามแต่ละข้อกับความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ซึ่งสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกและตัวพยากรณ์ เป็นการช่วยให้กระบวนการคัดเลือกมีประสิทธิภาพและมีความเที่ยงตรงสองชั้น

ใบสมัคร

ใบสมัครที่ใช้ในการสมัครงานจะมี 2 แบบ คือ
 
1. ใบสมัครถามข้อมูลประวัติส่วนตัว (Biographical information blank : BIB)
     ปัจจุบันนี้องค์การส่วนใหญ่จะนิยมใช้ BIB แทนใบสมัครแบบเดิม คำถามที่ถามในใบสมัครแบบ BIB จะมีรายละเอียดเติมจากใบสมัครแบบเดิม ผู้สมัครจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลชีวประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ทักษะหรือความชำนาญพิเศษ ประสบการในการทำงานที่ผ่านมา ทัศนคติ และสุขภาพคำถามจะเป็นแบบกำหนดตัวเลือกให้ผู้สมัครเลือกตอบ และคำถามจะแตกต่างจากใบสมัครแบบเดิม ตัวอย่างเช่น เกี่ยวกับการศึกษา และการทำงาน จะถามว่า
คุณจบการศึกษาระดับวิทยาลัยเมื่ออายุเท่าไร
    ก.       20-21 ปี
    ข.       22-23 ปี
    ค.       24-24 ปี
    ง.        สูงกว่า 25 ปี
คุณรู้สึกอย่างไรกับการทำงานที่ต้องย้ายไปต่างจังหวัด
    ก.       ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
    ข.       ยอมรับการย้ายถ้าจำเป็น
    ค.       ไม่ยอมรับการย้าย
    ง.        ยังไม่แน่ใจ
คุณมีประสบการกับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มากน้อยเพียงใด
    ก.       สามารถพัฒนาโปรแกรมได้
    ข.       สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปได้
    ค.       สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปได้บ้าง
    ง.        ไม่มีประสบการณ์
เมื่อผู้สมัครตอบคำถามในใบสมัครแล้ว  ต่อจากนั้นจะมีการให้คะแนน ในการใช้ใบสมัครแบบ BIB จะต้องมีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคำถามแต่ละข้อกับเกณฑ์การคัดเลือกที่มีอำนาจเชิงพยากรณ์ความสำเร็จในการปฏิบัติงาน เพาระจะช่วยให้การคัดเลือกพนักงานประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น
2. ใบสมัครแบบการให้น้ำหนักคะแนน (weighted application blank : WAB)
 
     การจัดทำใบสมัครแบบ WAB จะใช้เวลานานกว่าแบบ BIB เพราะจะต้องมีกระบวนการกำหนดค่าน้ำหนักให้กับคุณลักษณะที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ค่าน้ำหนักของคุณลักษณะได้มาโดยการแบ่งพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนั้นออกเป็นกลุ่มตามระดับผลการปฏิบัติงาน ซึ่งวัดจากข้อมูลที่รวบรวมจากสถิติผลผลิตของการทำงาน รวมถึงผลการประเมินของผู้นิเทศงาน และอัตราการลาออกจากงาน ระดับผลการปฏิบัติงานแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีผลการปฏิบัติงานระดับสูงและกลุ่มที่มีผลการปฏิบัติงานระดับต่ำ หรืออาจแบ่งเป็น 3 กลุ่ม อันจำแนกเป็นกลุ่มระดับสูง กลุ่มระดับปานกลาง และกลุ่มระดับต่ำ คุณลักษณะต่างๆ ของแต่ละกลุ่มจะถูกตรวจสอบแล้วนำมาศึกษาเปรียบเทียบเชิงสหสัมพันธ์กับระดับผลการปฏิบัติงานของแต่ละกลุ่ม และจะกำหนดค่าน้ำหนักคะแนนตามผลความแตกต่าง ดังนี้
    2.1 คุณลักษณะที่ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มจะกำหนดค่าน้ำหนัก= 0
    2.2  คุณลักษณะที่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มบ้างจะกำหนดค่าน้ำหนัก= +1
    2.3 คุณลักษณะที่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มมากจะกำหนดค่าน้ำหนัก= +2
ต่อจากนั้นจะให้คะแนนตามค่าน้ำหนักที่กำหนด แล้วจึงรวมคะแนน ผู้สมัครที่มีคะแนนผลบวกสูงสุดจะได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับการจ้างงาน เนื่องจากมีคะแนนถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ซึ่งพนักงานในอดีตหรือปัจจุบันได้แสดงศักยภาพเชิงประจักษ์ว่าสามารถปฏิบัติงานได้ในระดับที่ไดมาตรฐาน
 อย่างไรก็ตาม คุณลักษณะที่มีอำนาจเชิงพยากรณ์สำหรับแต่ละอาชีพจะแตกต่างกัน ดังนั้น ค่าน้ำหนักคะแนนจะต้องได้รับการทบทวนเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ ใบสมัครแบบ WAB จะนิยมใช้กับการคัดเลือกในโรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล และธนาคาร
เมื่อเปรียบเทียบการใช้แบบใบสมัครที่ 2 แบบ พบว่าองค์กรส่วนใหญ่จะใช้แบบ  BIB และน้อยกว่า 1/3 ใช้แบบ WAB หรือแบบอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม การตัดสินใจ การคัดเลือกยังต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆประกอบด้วย เช่น การใช้แบบทดสอบ และการสัมภาษณ์ เป็นต้น


อัพเดทล่าสุด