ตัวอย่างคำฟ้องคดีอาญา MUSLIMTHAIPOST

 

ตัวอย่างคำฟ้องคดีอาญา


9,446 ผู้ชม


ตัวอย่างคำฟ้องคดีอาญา
ความผิดต่อร่างกาย.ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และต่อเสรีภาพ


ข้อ ๑. จำเลยทั้งเจ็ด รับราชการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ประจำสถานีตำรวจ......................จังหวัด................. สังกัดกรมตำรวจกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบรอย จับกุม ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย จำเลยได้บังอาจใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยมิชอบได้กระทำผิดต่อกฎหมายอาญาหลายบท หลายกระทงต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ

                        ๑.๑  เมื่อวันที่ ..................... เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยที่ ๑, ที่ ๒, ที่ ๓, และที่ ๖ ได้ร่วมกันบังอาจใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ความเสียหายแก่โจทก์ คือ ในขณะที่โจทก์กำลังขับรถยนต์เก่งส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน .....................   มีนาย/นาง/นางสาว .....................  นาย/นาง/นางสาว ..................... และ นาย/นาง/นางสาว .......................... นั่งมาด้วย จะเข้าจอดในซอย................................. บริเวณ.......................ซึ่งเป็นทางสาธารณะที่เจ้าพนักงานกำหนดให้เป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว ในขณะเดียวกันนั้น ได้มีหญิงมีชื่อผู้หนึ่งขับรถเก๋งส่วนบุคคลผิดกฏจราจรย้อนศรสวนทางเดินรถมาขวางหน้ารถยนต์ของโจทก์ และให้สัญญาณบอกให้โจทก์ขับรถหลบหลีกทางให้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมหญิงคนดังกล่าวจึงได้ไปตามจำเลยที่ ๑, ที่ ๒, ที่ ๓, และ ที่ ๖ ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น พร้อมทั้งแจ้งและชี้ให้ทำการจับกุมตัวโจทก์ เมื่อโจทก์ชี้แจงว่า ไม่ได้กระทำความผิด ฝ่ายหญิงดังกล่าวต่างหากที่เป็นผู้ขับรถผิดกฏจราจร จำเลยที่ ๑, ที่ ๒, ที่ ๓, และที่ ๖ จึงใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ละเว้นไม่ทำการจับกุมหญิงคนขับรถค้นดังกล่าว กับแกล้งตรวจค้นรถยนต์ของโจทก์ นาย/นาง/นางสาว .....................  และ นาย/นาง/นางสาว .....................ควบคุมตัวไปสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง................................กล่าวหาว่า โจทก์มีอาวุธปืน พกพาอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต ใช้อาวุธปืนขู่เข็ญผู้อื่นให้ตกใจกลัวต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น โจทก์ไม่ได้กระทำความผิดดังกล่าวแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ ๑, ที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๖ เป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ ทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

                      ๑.๒  ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ ๑.๑  ขณะที่โจทก์ถูกควบคุมตัวอยู่บนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง..................... ต่อหน้าจำเลยที่ ๑, ที่ ๒, ที่๓ ที่ ๔ ที่๕และที่ ๗ โจทก์ได้ชี้แจงให้จำเลยดังกล่าวทราบว่า โจทก์มิได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่จำเลยที่ ๑,ที่ ๒, ที่ ๓, ที่ ๔, ที่ ๕ และที่ ๗ ไม่ยอมรับฟัง กลับบังอาจใช้ให้จำเลยที่ ๖ ทำร้ายร่างกายโจทก์ โดยใช้มือตบ ชกต่อยที่ท้องบริเวณหน้าอกและจับศีรษะของโจทก์กระแทกเข้ากับตู้เหล็กเก็บเอกสาร โดยที่จำเลยไม่มีอำนาจจะกระทำได้ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กาย เละมีบาดแผลที่ศีรษะ นิ้วมือซึ่งโจทก์จะได้อ้างหลักฐานการตรวจบาดแผลของแพทย์มาประกอบการพิจารณาต่อไป ทั้งนี้จำเลยที่ ๑, ที่ ๒ , ที่ ๓, ที่๔, ที่ ๕, และที่ ๗ รู้เห็นเป็นใจ มิได้ห้ามปรามจำเลยที่ ๖ ในการทำร้ายร่างกายโจทก์ การกระทำดังกล่าว เป็นการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์

                    ๑.๓  หลังจากที่จำเลยทั้งเจ็ดได้กระทำความผิดดังกล่าวในฟ้องข้อ ๑.๒  แล้วในเวลาต่อมาวันเดียวกัน จำเลยทั้งเจ็ดได้บังอาจร่วมกันนำโจทก์เข้าไปคุมขังในห้องคุมขังของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยที่จำเลยทั้งเจ็ดทราบอยู่แล้วว่า โจทก์มิได้กระทำความผิดอันเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายอีกเป็นเวลานาน

                    ๑.๔ ต่อมาในวันเดียวกันตามฟ้องข้างต้น หลังจากที่โจทก์ถูกทำร้ายร่างกายและถูกคุมขังแล้วโดยมิชอบ จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารบันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีได้บังอาจร่วมกันทำบันทึกข้อความลงในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีรับรองเป็นหลักฐานว่า “โจทก์มีอาวุธปืน” เครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนเข้ามาในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควร ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ และใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้อื่นให้เกิดความตกใจกลัว โดยจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ รู้อยู่แล้วว่า ข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น ความจริงโจทก์มิได้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง มิได้พกพา หรือใช้ขู่เข็ญผู้อื่น และมิได้ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานแต่อย่างใด

ข้อ ๒. เหตุความผิดดังกล่าวในฟ้องข้อ ๑.   ๑.๑    ๑.๒    ๑.๓ และ   ๑.๔  เกิดที่............................................

            การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดเห็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ได้ร้องทุกข์แล้ว แต่เพื่อความรวดเร็วจึงได้นำคดีมาฟ้องต่อศาลด้วยตนเอง
คำขอท้ายคำฟ้องอาญา

            การที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องนั้น ข้าพเจ้าถือว่าเป็นความผิดต่อกฎหมาย และบทมาตราดังนี้ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔, ๙๑, ๑๕๗, ๑๖๒, ๒๙๕, ๓๐๙, ๓๑๐.

            ขอศาลได้ออกหมาย.เรียก .จำเลยมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฏหมายและขอให้ศาลสั่งและบังคับจำเลยตามคำขอต่อในนี้

            ๑............................

            ๒.........................

            ๓...........................

            ๔............................

            ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาคำฟ้องโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกัน มาด้วย ๗ ฉบับ และรอฟ้งคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว

                                                                                                                        ...........................................โจทก์


อัพเดทล่าสุด