https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ เอดส์สายพันใหม่ ที่สุดในโลก พบในไทย MUSLIMTHAIPOST

 

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ เอดส์สายพันใหม่ ที่สุดในโลก พบในไทย


806 ผู้ชม

ศิริราช เผย พบสาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่รายแรกในโลก เป็นเชื้อผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ คาดติดจากชาวแอฟริกัน เชื้อระบาดง่าย-เร็วขึ้น แถมดื้อยาต้านไวรัส


พบ 2 สาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่ครั้งแรกในโลก (ไทยรัฐ)

ศิริราช เผย พบสาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่รายแรกในโลก เป็นเชื้อผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ คาดติดจากชาวแอฟริกัน เชื้อระบาดง่าย-เร็วขึ้น แถมดื้อยาต้านไวรัส ชี้หญิงไทยลอบขายบริการที่แอฟริกาใต้ ไม่ใช้ถุงยางอนามัย

วันนี้ (9 มิ.ย.) ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเชื้อเอชไอวีที่ระบาดในไทยมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ

- สายพันธุ์เอ-อี (A/E)

- สายพันธุ์บี (B)

    โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ เอดส์สายพันใหม่ ที่สุดในโลก พบในไทย

    โดยในปีนี้มีการทำวิจัยต่อเนื่องตามปกติปรากฏว่าพบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 ราย จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 ราย เนื่องจากถอดรหัสออกมาแล้วพบว่าเป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ต่างออกไปจากเดิม และอาจเป็นสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ก็ได้

    1. โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D)

    2. รายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)

     ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าวว่า ตัวอย่างทั้ง 2 รายมาจากหญิงฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เป็นเชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ ที่ไม่เคยมีรายงานการพบมาก่อน สายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะไนจีเรีย ส่วนของไทยจะเป็นเออี ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่าเป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คนได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง ที่น่าเป็นห่วงคือ สายพันธุ์เอชไอวี จากแอฟริกา จะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสเอดส์ในสารคัดหลั่งมากกว่าทำให้ผู้สัมผัสติดเชื้อได้ง่ายและแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น

     ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา แนะนำว่า การพบเชื้อเอดส์พันธุ์ใหม่ 2 ชนิดจากตัวอย่าง 44 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 2 เป็นตัวเลขที่สูงมากกระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งเก็บตัวอย่างเลือดของผู้ติดเอดส์มาวิเคราะห์โมเลกุล เพื่อสืบหาสายพันธุ์ลูกผสมว่า มีการแพร่ระบาดมากน้อยเพียงไร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เสพยาเสพติดและหญิงบริการ เพราะถ้าใครมีเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์ เมื่อแพร่เชื้อออกไปผู้ติดเชื้อใหม่ก็จะได้รับเชื้อตัวนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหากผู้ใดมีเชื้อเอดส์เอ-อี หรือบีอยู่ในตัว แล้วได้รับเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์เข้าไปก็อาจจะกลายเป็นเชื้อผสม 4-5 สายพันธุ์ได้ เพราะเคยมีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วที่แอฟริกา โดยพบผู้ติดเชื้อเอดส์ 5 สายพันธุ์ผสมกัน หรือที่เรียกว่า ซีพีเอกซ์ (CPX)

   ศ.ดร.พ.ญ.รวงผึ้ง กล่าวด้วยว่า ยาต้านไวรัสที่ผู้ป่วยเอดส์กินในปัจจุบัน สามารถใช้ได้ผลกับเชื้อเอดส์ลูกผสม แต่อาจมีความเสี่ยงจากภาวะดื้อยาได้ง่าย รวมถึงความเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาสอาจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์มีความเข้มข้นในน้ำเมือกหรือสารคัดหลั่งมาก อาจนำไปในสู่การระบาดของเชื้อเอดส์ระลอกใหม่ได้ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งศึกษาความเป็นมา และผลกระทบของเชื้อเอดส์ลูกผสมทั้ง 2 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในไทย

   โดยเฉพาะเร่งทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมางบประมาณป้องกันเอดส์จะเน้นไปที่ยาต้านไวรัสและการเผยแพร่ข้อมูลมากกว่าเน้นการวิจัยด้านสายพันธุ์ ทำให้องค์ความรู้ด้านยาสายพันธุ์เอดส์ในไทยมีน้อย นอกจากนี้ ยังต้องควบคุมการแพร่เชื้อเอดส์สายพันธุ์ต่างถิ่น โดยเฉพาะแอฟริกาไม่ให้เข้ามาระบาดในไทยด้วย

   ด้านเจ้าหน้าที่จากกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุลกระทรวงต่างประเทศ ให้ข้อมูลว่า ทวีปแอฟริกาประกอบด้วย 53 ประเทศ แต่ที่คนไทยนิยมไปอยู่คือแอฟริกาใต้ ไนจีเรีย มาดากัสการ์ ฯลฯ แบ่งเป็นแรงงานประเภทต่างๆ กับหญิงที่ประกอบอาชีพบริการ นอกจากนี้ยังมีหญิงไทยที่ลักลอบค้าประเวณี ทั้งโดยสมัครใจและไม่สมัครใจอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะที่สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ในแต่ละปีจะมีการร้องเรียนให้ช่วยเหลือหญิงไทยในแอฟริกาใต้ ไม่ต่ำกว่า 100-150 กรณี ส่วนใหญ่เป็นญาติมาติดต่อให้ช่วยลูกสาวหรือหลานสาวที่ถูกกักขังอยู่ในแหล่งค้าประเวณี เมื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือก็จะพบหญิงไทยอีกหลายสิบคนตกอยู่สภาพเดียวกัน ปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือลูกค้าไม่นิยมใส่ถุงยางอนามัย

   "ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ที่ไปค้าประเวณีที่แอฟริกาใต้จะรู้ตัวก่อน แต่พอไปถึงต้องทำงานหนัก รับลูกค้าจำนวนมาก ถูกกักขัง ได้ค่าแรงไม่คุ้มค่า ก็จะหาวิธีลักลอบติดต่อญาติให้มาขอความช่วยเหลือที่กองคุ้มครองฯ เราก็จะประสานไปยังสถานทูตไทยที่นั่นให้เข้าไปช่วยเหลือ ทำให้รู้ว่าแต่ละครั้งหญิงไทยจะได้เงินประมาณ 1,000 บาท แต่ลูกค้ามักเสนอขอไม่ใส่ถุงยางอนามัย แล้วจะเพิ่มให้อีก 250 บาท ด้วยความอยากได้เงินมาปลดหนี้บางรายก็ยอม แม้จะรู้ว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีได้' เจ้าหน้าที่กล่าว

    เพื่อเป็นการช่วยเหลือหญิงไทยกลุ่มดังกล่าว ทางสถานทูตไทยในแอฟริกาใต้ได้ประสานไปยังองค์กรเอกชนที่ช่วยเหลือด้านสุขภาพ ให้เข้ามาดูแลและให้คำแนะนำ บางรายก็ขอตรวจเลือด จากสถิติจะพบผู้ติดเชื้อเอชไอวี 1-2 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งกลุ่มหญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่อยู่ประเทศไทย และกลุ่มหญิงไทยที่เพิ่งได้รับเชื้อเอชไอวีขณะอยู่ในแอฟริกาขณะนี้กองคุ้มครองฯ กำลังพยายามให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้หญิงไทยและแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตระหนักและระมัดระวังเรื่องการติดโรคและเชื้อต่างๆ จากทวีปแอฟริกา ขณะที่ ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า ในปี 2551 ชาวแอฟริกันเดินทางเข้ามาประเทศไทย 584 ราย เป็นชาวไนจีเรีย 1,270 ราย มาดากัสการ์ 3,909 ราย เอธิโอเปีย 3,512 ราย

ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมฯยังไม่ทราบตัวเลขว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมนี้มากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อมีการตรวจพบความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ก็จะต้องมีการเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมฯ ไม่สามารถสอบสวนโรคกลับไปได้ว่าผู้ป่วยทั้ง 2 รายนั้น มีเส้นทางการติดเชื้อมาอย่างไร

    เนื่องจาก งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการตรวจสอบเชื้อจากเลือดของผู้ป่วยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร จึงตรวจสอบย้อนกลับไปไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของเลือดที่ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสม แต่คาดว่าผู้ติดเชื้ออาจจะเคยเดินทางไป หรือ มีแฟนเป็นคนในประเทศแถบทวีปแอฟริกา และว่าที่ผ่านมากรมฯได้มีการศึกษาเรื่องการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เพื่อให้ทราบว่าแต่ละปีมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อไปมากน้อยเพียงใด เนื่องจากทั่วโลกมีไวรัสเอชไอวีกว่า 20 สายพันธุ์ หากศึกษาพบว่าสายพันธุ์ใหม่ส่งผลต่อการป้องกันและควบคุมโรคก็จำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการป้องกันโรคใหม่ แต่ปัจจุบันยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่ที่ส่งผลจนจำเป็นต้องเปลี่ยนการป้องกัน เท่ากับว่า การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ ที่พบในประเทศไทยรวมถึงสายพันธุ์ผสมนี้ด้วย ยังสามารถกระทำได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

   รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า การตรวจพบผู้ป่วยเอดส์สายพันธุ์ผสมในประเทศไทยไม่ได้กระทบต่อระบบป้องกันและควบคุมโรคของไทย เนื่องจากจากการวิเคราะห์ของนักวิชาการพบว่า เอดส์สายพันธุ์ผสมนี้สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่ คือ ยาสูตรพื้นฐาน และยาสูตรดื้อยาได้ผลเช่นเดียวกับสายพันธุ์ไทย มีความแตกต่างกันตรงที่มีจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งมากกว่าสายพันธุ์ไทย

   นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการเก็บข้อมูลผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย เพื่อศึกษาเกี่ยวกับอัตราเชื้อดื้อยา พบว่า ยังเป็นไปตามปกติ คือ ผู้ป่วยเอดส์ที่ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทยดื้อยา ประมาณ 10 % เป็นผลมาจากการที่เชื้อพัฒนาจนดื้อยา และผู้ป่วยรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง และคาดการว่าเชื้อสายพันธุ์ผสมมีอัตราการดื้อยาที่ 10 % เท่ากัน ซึ่งปัจจุบันยาต้านไวรัสที่ให้กับผู้ป่วยเอดส์ มี 2 สูตร ได้แก่ สูตรพื้นฐานและสูตรดื้อยา โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัสประมาณ 2 แสนคน รับยาสูตรพื้นฐานประมาณ 1.5 -1.6 แสนคน อีกราว 4-5 หมื่นคนรับยาสูตรดื้อยา

ด้าน พญ.พัชรา ศิริวงศ์รังสรร ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะติดเชื้อสายพันธุ์ อี 80-90 % ที่เหลืออีกราว 10-20 % ติดเชื้อสายพันธุ์บี ที่มาจากประเทศในแถบตะวันตก และจากการเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของไวรัสเอชไอวีในประเทศไทย พบว่าที่ผ่านมามีการตรวจพบผู้ป่วยเอดส์ที่ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ลูกผสมอื่นๆ ประมาณ 0.5 -1.8 % แต่การตรวจพบสายพันธุ์ผสม 3 สายพันธุ์ ที่คาดว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกา เพิ่งจะพบเป็นครั้งแรก ซึ่งการติดตามความเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสจะทำให้ทราบถึงธรรมชาติของการระบาดวิทยาของแต่ละสายพันธุ์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีแนวโน้มความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และมีอัตราการดื้อยาเป็นเช่นไร

'ในการตรวจผู้ป่วยจะดำเนินการเพียงแค่ตรวจหาปริมาณระดับเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือด หรือ ซีดีโฟร์ และ ดูอาการของผู้ป่วยว่าจำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัสหรือไม่ หากแพทย์เห็นว่าต้องให้ยา ก็จะให้ทันที โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ได้แยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์ไหน ขณะนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่กรมฯจะสำรวจหาจำนวนผู้ป่วยเอดส์ที่ติดเชื้อไวรัส 3 สายพันธุ์ เพราะยังมีปริมาณที่น้อยมาก แต่จะต้องเฝ้าระวังว่าผู้ป่วยที่ได้รับยามีการตอบสนองดีหรือไม่ และเชื้อสายพันธุ์นี้และสายพันธุ์อื่นๆ ดื้อยาที่มีอยู่หรือไม่ ทั้งนี้ หากในอนาคตพบผู้ป่วยสายพันธุ์นี้จำนวนมากขึ้นก็อาจจะมีอัตราดื้อยาที่สูงขึ้น ถึงตอนนั้นจึงค่อยมาพิจารณาเปลี่ยนสูตรยาให้ใช้ได้ผลกับแต่ละสายพันธุ์ แต่ขณะนี้ยาที่มีอยู่ยังใช้ได้ผลกับสายพันธุ์ผสมนี้' พญ.พัชรากล่าว


อัพเดทล่าสุด