https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง MUSLIMTHAIPOST

 

สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง


540 ผู้ชม


สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง

 

 

 


โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน(Acute bronchitis)

หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม ทำให้ต่อมเมือกของหลอดลมโตขึ้นและหลั่งเมือก (เสมหะ) ออกมามากกว่าปกติ เกิดอาการไอมีเสมหะ บางครั้งอาจอุดกั้นให้ช่องทางเดินของหลอดลมแคบลง เกิดอาการหอบเหนื่อยได้ หลอดลมอักเสบ แบ่งเป็น ชนิดเฉียบพลัน (ซึ่งเกิด จากการติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่) และชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่จัดเป็นส่วนใหญ่ มักมีอาการไอมีเสมหะติดต่อกันทุกวัน นานมากกว่า 3 เดือนใน 1 ปี และเป็นติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี)

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งมักเป็นเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกับที่ก่อให้เกิดไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ จึงมักพบหลังเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ (เช่น Mycoplasma pneumoniae, Clamydia pneumoniae , Streptococcus pneumoniae , Hemophilus influenza )บางครั้งอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ทำให้เสมหะเปลี่ยนจากสีขาว (จากการติดเชื้อไวรัส) เป็นสีเหลืองหรือสีเขียว บางรายอาจเกิดจากการถูกสิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ไอเสียรถยนต์ ฝุ่นละออง สารเคมี เป็นต้น นอกจากนี้ ในผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน
ก็อาจมีน้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดไหลย้อนลงมาระคายเคืองต่อหลอดลมได้ เหล่านี้ทำให้ต่อมเมือกของหลอดลมโตขึ้น และมีเสมหะมากขึ้น

 

อาการ

หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
https://thaiwonders.com/pharma/index.php?option=com_content&task=view&id=171&Itemid=49

ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ที่ติดเชื้อจะไม่มีอาการ ในผู้มีอาการจะเริ่มมีอาการไข้ต่ำ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมา 1-2 วัน จะมีอาการปวดหู เจ็บบริเวณขากรรไกร จากนั้นต่อมน้ำลายหน้าหูจะโตขึ้นจนคลำได้ โดยค่อยๆ โตขึ้นจนถึงบริเวณหน้าหูและขากรรไกร บางรายโตขึ้นจนถึงระดับตา ประมาณ 1 สัปดาห์ จะค่อยๆ ลดขนาดลง

 

 


แหล่งที่มา : bcnpy.ac.th

อัพเดทล่าสุด