https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การรักษาโรคกระเพาะอาหาร อาหารรักษาโรคกระเพาะ MUSLIMTHAIPOST

 

วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การรักษาโรคกระเพาะอาหาร อาหารรักษาโรคกระเพาะ


711 ผู้ชม


วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การรักษาโรคกระเพาะอาหาร อาหารรักษาโรคกระเพาะ

 

 

 


เมื่อเป็นโรคกระเพาะ
หากเกิดอาการปวดท้อง สาเหตุหนึ่งที่มักจะพบบ่อยเห็นจะได้แก่ การเป็นโรคกระเพาะ หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร ทั้งนี้ ก็เนื่องจากเยื่อบุกระเพาะอาหารถูกกัดทำลาย โดยกรดที่อยู่ในน้ำย่อยอาหารนั่นเอง ซึ่งถ้าปล่อยไว้โดยไม่เยียวยารักษา อาการปวดท้องชนิดปวดแสบปวดร้าวก็อาจจะเป็นหนักขึ้น บางครั้งอาจถึงขั้นคลื่นไส้ อาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ถึงตอนนี้หากยังไม่รักษาก็รีบไปพบแพทย์ตรวจดูอาการเสียเถอะ ดีไม่ดีอาการปวดท้องนั้นอาจไม่ได้เกิดจากการเป็นโรคกระเพาะ เพราะยังมีอวัยวะอื่น ๆ ในช่องท้องอีกมากมาย ถ้ายังไงเสียจะได้รักษาทันก่อนที่จะสายเกินแก้

การที่เป็นโรคกระเพาะอาหารนั้น คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเกิดจากเยื่อยุกระเพาะอาหารถูกกัดทำลายโดยกรดที่อยู่ในน้ำย่อย แต่ท่านจะทราบไหมว่า สาเหตุที่มีการหลั่งกรดมากัดกระเพาะนั้นเกิดจากอะไร สาเหตุก็มีหลายประการด้วยกัน

- ประการแรก เกิดจากการกินอาหารไม่ตรงเวลา

- ประการที่สอง เกิดจากการกินยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน , ยาชุด , ยาที่ใช้รักษาโรคข้อ , โรคความดัน ซึ่งเป็นยาที่ทำให้เกิดภาวะความเป็นกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้นจนเป็นแผล

- ประการที่สาม เกิดจากความเครียด

- ประการสุดท้าย เกิดจากการรับประทานเหล้า เบียร์ หรือกาแฟ ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ และยังทำให้คนที่เป็นโรคกระเพาะไม่รุนแรงกลับเป็นมากขึ้นได้อีกด้วย

เมื่อใดก็ตามที่ทราบว่า ท่านกำลังเป็นโรคกระเพาะ สิ่งที่ควรคำนึงถึงประการหนึ่ง ได้แก่ อาหารการกิน อาหารที่มีสารโปรตีนน้อย, อาหารที่ไม่มีกากมาก , อาหารที่ไม่มีรสเผ็ดร้อน, รสจัด และอาหารทอด ถ้าเป็นโรคกระเพาะถึงขั้นเป็นแผลล่ะก็ ควรจะได้รับประทานอาหารที่จัดได้ว่า เป็นอาหารอ่อนชนิดที่จะช่วยผสมกับกรดในกระเพาะอาหารให้เจือจางได้ เช่น ข้าวต้ม ไข่ลวกนม หรือขนมปัง เป็นต้น

โรคกระเพาะนั้นเมื่อเป็นแล้วก็ควรใช้ยาในการรักษาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ยาลดกรดนั่นเอง

ยาลดกรดมีรูปลักษณะที่ต่างกัน มีทั้งชนิดน้ำและชนิดเม็ด ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการรักษาที่ต่างกัน ยาชนิดเม็ดนั้นพกพาได้สะดวกแต่มีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่า ทั้งนี้ ก็เพราะยาเม็ดจะต้องอาศัยเวลาในการแตกตัวเสียก่อน จึงจะออกฤทธิ์ได้ดี ดังนั้น การรับประทานยาลดกรดชนิดเม็ด จึงควรเคี้ยวก่อนกลืนทุกครั้ง

ยาลดกรดที่นิยมใช้กันนั้นมักจะได้แก่ ยาลดกรดชนิดน้ำ เพราะออกฤทธิ์ได้ดี แต่มีข้อระวังในการใช้ เช่น ก่อนใช้ยาลดกรดชนิดน้ำทุกครั้ง จะต้องเขย่าขวดของยาเสียก่อน เพราะยาประเภทนี้เป็นยาน้ำแขวนตะกอน เมื่อตั้งทิ้งไว้ผงจะตกตะกอนอยู่ก้นขวด การเขย่าขวดจะทำให้ผงยากระจายตัวอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังเป็นตัวบอกได้ว่ยาหมดอายุหรือยังด้วย เพราะถ้าเขย่าขวดแล้วยากระจายตัวยาก หรือจับกันเป็นก้อนแข็งอยู่ก้นขวด ก็แสดงว่ายานี้เสื่อมคุณภาพแล้ว ไม่ควรใช้

เมื่อท่านต้องการใช้ยาลดกรด ต้องจำเวลาในการรับประทานยาไว้เสมอว่า ยาลดกรดนี้จะออกฤทธิ์ได้ดีในขณะที่ท้องว่าง เวลาของการรับประทานยาลดกรดจึงควรเป็นเวลาก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหารประมาณ 2 ชั่วโมง และก่อนนอน ส่วนในกรณีที่ผู้ป่วยโรคกระเพาะมีอาการรุนแรง ก็ควรใช้ยาตามเวลาที่แพทย์สั่ง

เมื่อมีอาการของการเป็นโรคกระเพาะ ควรใช้ยาลดกรด เพื่อบรรเทารักษาอาการป่วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องรู้จักการใช้ เช่น จะต้องรับประทานยาลดกรดตอนท้องว่างถึงจะได้ผล และต้องระมัดระวังในการรับประทานยาลดกรดร่วมกับยาอื่น เพราะจะทำให้ผลของยาอื่นลดลงได้ เช่น ยาเตตร้าซัยคลิน และวิตามินบางชนิด ดังนั้น หากต้องการใช้ร่วมกับยาอื่นดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรเสียก่อน อย่างไรก็ตามการรับประทานยาลดกรดเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ทำให้โรคหายก็ได้ ท่านควรจะต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องด้วย เช่น รับประทานอาหารให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ พยายามพักผ่อนให้เพียงพอก็ช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น

 

แหล่งที่มา : horapa.com

อัพเดทล่าสุด