https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาท การทำงานหน้าที่ของระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ MUSLIMTHAIPOST

 

โครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาท การทำงานหน้าที่ของระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ


856 ผู้ชม


โครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาท การทำงานหน้าที่ของระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ

 

โครงสร้างและการทำงานของระบบประสาท..

ระบบประสาท

 ระบบประสาท (nervous system) คือ ระบบการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของสัตว์ ทำให้สัตว์สามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างรวดเร็ว  ช่วยรวบรวมข้อมูลเพื่อให้สามารถ ตอบสนองได้   สัตว์ชั้นต่ำบางชนิด เช่น ฟองน้ำ  ไม่มีระบบประสาท  สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิดเริ่มมีระบบประสาท  สัตว์ชั้นสูงขึ้นมาจะมีโครงสร้างของระบบประสาทซับซ้อนยิ่งขึ้น  ระบบประสาทของมนุษย์แบ่งออกเป็น  2  ส่วน คือระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก

     

 ระบบประสาทส่วนกลาง

 

                    ระบบประสาทส่วนกลาง(the central nervous system หรือ  somatic nervous system ) เป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของร่างกาย  ซึ่งทำงานพร้อมกันทั้งในด้านกลไกและทางเคมีภายใต้

           อำนาจจิตใจ  ซึ่งประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง  โดยเส้นประสาทหลายล้านเส้นจากทั่วร่างกายจะส่งข้อมูลในรูปกระแสประสาทออกจากบริเวณศูนย์กลาง  มีอวัยวะที่เกี่ยวข้องดังนี้

                    1.  สมอง(brain)  เป็นส่วนที่ใหญ่กว่าส่วนอื่นๆ ของระบบประสาทส่วนกลาง  ทำหน้าที่ควบคุมการทำกิจกรรมทั้งหมดของร่างกาย  เป็นอวัยวะชนิดเดียวที่แสดงความสามารถด้านสติปัญญา

            การทำกิจกรรมหรือการแสดงออกต่างๆ สมองของสัตว์มีกระดูกสันหลังที่สำคัญแบ่งออกเป็น  3  ส่วนดังนี้

                        1.1  เซรีบรัมเฮมิสเฟียร์(cerebrum hemisphere) คือสมองส่วนหน้า  ทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมที่ซับซ้อนเกี่ยวกับความรู้สึกและอารมณ์  ควบคุมความคิด  ความจำ  และความเฉลียวฉลาด  

           เชื่อมโยงความรู้สึกต่างๆ เช่น การได้ยิน  การมองเห็น การรับกลิ่น  การรับรส  การรับสัมผัส  เป็นต้น

                       1.2  เมดัลลาออบลองกาตา(medulla oblongata)  คือส่วนที่อยู่ติดกับไขสันหลัง  ควบคุมการทำงานของระบบประสาทอัตโนวัติ  เช่น  การหายใจ  การเต้นของหัวใจ  การไอ  การจาม

           การกะพริบตา  ความดันเลือด เป็นต้น

                       1.3  เซรีเบลลัม(cerebellum) คือสมองส่วนท้าย  เป็นส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและการทรงตัว ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ  เช่น การเดิน  การวิ่ง  การขี่จักรยาน  เป็นต้น

ติวเข้ามหาลัย

      2.ไขสันหลัง (spinal cord) เป็นเนื้อเยื่อประสาทที่ทอดยาวจากสมองไปภายในโพรงกระดูกสันหลัง กระแสประสาทจากส่วนต่างๆ ของร่างกายจะผ่านไขสันหลัง  มีทั้งกระแสประสาทเข้า และกระแสประสาทออกจากสมอง  และกระแสประสาทที่ติดต่อกับไขสันหลังโดยตรง
 
 
      3. เซลล์ประสาท(neuron)  เป็นหน่วนที่เล็กที่สุดของระบบประสาท  เซลล์ประสาทมีเยื่อหุ้มเซลล์ไซโทพลาสซึมและนิวเคลียสเหมือนเซลล์อื่นๆ แต่มีรูปร่างและลักษณะแตกต่างออกไปเซลล์ประสาทประกอบด้วยตัวเซลล์และเส้นใยประสาทที่มี  2  แบบคือ เดนไดรต์(dendrite) ทำหน้าที่นำกระแสประสาทเข้าสู่ตัวเซลล์และแอกซอน(axon)ทำหน้าที่นำกระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ไปยังเซลล์ประสาทอื่นๆ เซลล์ประสาทจำแนกตามหน้าที่การทำงานได้  3 ชนิด คือ
                         3.1  เซลล์ประสาทรับความรู้สึก  รับความรู้สึกจากอวัยวะสัมผัส  เช่น จมูก  ตา  หู  ผิวหนัง  ส่งกระแสประสาทผ่านเซลล์ประสาทประสานงาน
                         3.2  เซลล์ประสาทประสาน เป็นตัวเชื่อมโยงกระแสประสาทระหว่างเซลล์รับความรู้สึกกับสมอง  ไขสันหลัง  และ เซลล์ประสาทสั่งการ พบในสมองและไขสันหลังเท่านั้น
                         3.3  เซลล์ประสาทสั่งการ  รับคำสั่งจากสมองหรือไขสันหลัง  เพื่อควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ
 
 
การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง
 
                สิ่งเร้าหรือการกระตุ้นจัดเป็นข้อมูลที่เส้นประสาทนำไปยังระบบประสาทส่วนกลางเรียกว่า “กระแสประสาท” เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่นำไปสู่เซลล์ประสาททางด้านเดนไดรต์ และเดินทางออกอย่างรวดเร็วทางด้านแอกซอน  แอกซอนส่วนใหญ่มีแผ่นไขมันหุ้มไว้เป็นช่วงๆ แผ่นไขมันนี้ทำหน้าที่เป็นฉนวนและทำให้กระแสประสาทเดินทางได้เร็วขึ้น  ถ้าแผ่นไขมันนี้ฉีกขาดอาจทำให้กระแสประสาทช้าลง  ทำให้สูญเสียความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อ  เนื่องจากการรับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางได้ไม่ดี
 
 
ระบบประสาทรอบนอก
                       ระบบประสาทรอบนอก (peripheral nervous system)  ทำหน้าที่รับและนำความรู้สึกเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง  ได้แก่  สมองและไขสันหลัง  จากนั้นนำกระแสประสาทสั่งการจากระบบประสาทส่วนกลางไปยังหน่วยปฏิบัติงาน  ซึ่งประกอบด้วยหน่วยรับความรู้สึกและอวัยวะรับสัมผัส  รวมทั้งเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่อยู่นอกระบบประสาทส่วนกลาง  ระบบประสาทรอบนอกจำแนกตามลักษณะการทำงานได้  2  แบบดังนี้
                      1.  ระบบประสาทภายใต้อำนาจจิตใจ  เป็นระบบควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อที่บังคับได้รวมทั้งการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
                      2.  ระบบประสาทนอกอำนาจจิตใจ  เป็นระบบประสาทที่ทำงานโดยอัตโนวัติ  มีศูนย์กลางควบคุมอยู่ในสมองและไขสันหลัง  ได้แก่  การเกิดรีเฟลกซ์แอกชัน(reflex action) และเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นที่อวัยวะรับสัมผัสเช่น ผิวหนัง  กระแสประสาทจะส่งไปยังไขสันหลัง  และไขสันหลังจะสั่งการตอบสนองไปยังกล้ามเนื้อโดยไม่ผ่านไปที่สมอง ดังรูป เมื่อมีเปลวไฟมาสัมผัสที่ปลายนิ้ว  กระแสประสาทจะถูกส่งผ่านไปยังไขสันหลังโดยไม่ผ่านไปยังสมอง  ไขสันหลังทำหน้าที่สั่งการให้กล้ามเนื้อที่แขนเกิดการหดตัว  เพื่อดึงมือออกจากเปลวไฟทันที

ติวเข้ม

 พฤติกรรมของมนุษย์ที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า  
                         พฤติกรรมการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของมนุษย์เป็นปฏิกิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อการตอบโต้ต่อสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอกร่างกาย  เช่น 
                          - สิ่งเร้าภายในร่างกาย  เช่น ฮอร์โมน  เอนไซม์  ความหิว  ความต้องการทางเพศ เป็นต้น
                         -  สิ่งเร้าภายนอกร่างกาย  เช่น แสง  เสียง  อุณหภูมิ  อาหาร  น้ำ  การสัมผัส  สารเคมี  เป็นต้น
                         กิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกอาศัยการทำงานที่ประสานกันระหว่างระบบประสาท  ระบบกล้ามเนื้อ  ระบบต่อมไร้ท่อ  และระบบต่อมมีท่อ  ดังตัวอย่างต่อไปนี้
                          1.  การตอบสนองเมื่อมีแสงเป็นสิ่งเร้า
                               -  เมื่อได้รับแสงสว่างจ้า  มนุษย์จะมีพฤติกรรมการหรี่ตาเพื่อลดปริมาณแสงที่ตาได้รับ
                          2.  การตอบสนองเมื่ออุณหภูมิเป็นสิ่งเร้า
                               -  ในวันที่มีอากาศร้อนจะมีเหงื่อมาก เหงื่อจะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายเพื่อปรับอุณหภูมิภายในร่างกายไม่ให้สูงเกินไป
                               -  เมื่อมีอากาศเย็นคนเราจะเกิดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ  หรือ เรียกว่า”ขนลุก”
                          3.  เมื่ออาหารหรือน้ำเข้าไปในหลอดลมเกิดพฤติกรรมการไอหรือจาม เพื่อขับออกจากหลอดลม
                          4.  การเกิดพฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์  เป็นพฤติกรรมการตอบสนองหรือตอบโต้ทันทีเพื่อความปลอดภัยจากอันตราย เช่น
                               -  เมื่อฝุ่นเข้าตามีพฤติกรรมกะพริบตา
                               -  เมื่อสัมผัสวัตถุร้อนจะชักมือจากวัตถุร้อนทันที
                               -  เมื่อเหยียบหนามจะรีบยกเท้าให้พ้นหนามทันที


แหล่งที่มา : clickforclever.com

อัพเดทล่าสุด