เนื้อหาเกี่ยวกับ บทบาทหน้าที่ของครู teachers บทบาทหน้าที่ของครูในการแก้ปัญหา หน้าที่ของครูพี่เลี้ยง MUSLIMTHAIPOST

 

เนื้อหาเกี่ยวกับ บทบาทหน้าที่ของครู teachers บทบาทหน้าที่ของครูในการแก้ปัญหา หน้าที่ของครูพี่เลี้ยง


675 ผู้ชม


เนื้อหาเกี่ยวกับ บทบาทหน้าที่ของครู teachers บทบาทหน้าที่ของครูในการแก้ปัญหา หน้าที่ของครูพี่เลี้ยง

 

Teachers’ Corner/มุมครู

เมื่อกล่าวถึงแฟ้มผลงานของครู  ทุกวันนี้มีการจัดทำกันอย่างทั่วหน้า  ถ้าใครไม่มีแฟ้มผลงานเป็นของตนเองจะเรียกว่าเป็นครูล้าสมัยตกรุ่นไปแล้ว  ตั้งแต่มีการปฏิรูปการศึกษาเป็นต้นมา  การวัดประเมินผลก็เปลี่ยนไป  เน้นการวัดกระบวนการทำงาน  และผลงานที่เกิดขึ้น  วัดจากผลงาน  วัดจากแฟ้มผลงาน  บรรดานักเรียนและครูต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดทำแฟ้มผลงานของตนเองเป็นการใหญ่  ภาคธุรกิจเอกชนได้โอกาสผลิตแฟ้มเอกสารหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ครูและนักเรียนเลือกซื้อหามาเก็บสะสมแฟ้มผลงานของตนเอง  มองดูภายนอกสวยงามน่าจับต้องน่าอ่านยิ่งนัก

เมื่อมีการวัดประเมินผลงาน  โดยเฉพาะผลงานของครู  ไม่ว่าจะประเมินเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ  หรือเพื่อการประกวดแข่งขันการเป็นครูดีเด่นในด้านต่างๆ  บรรดาคุณครูก็จะนำแฟ้มผลงานมาประกอบเป็นเอกสารหลักฐานอ้างอิง  คนละเล่มสองเล่มก็ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าการวัดผลประเมินผลมีความน่าเชื่อถือ  แต่ต่อมาพักหลังๆ นี้  มีการแข่งขันจัดทำแฟ้มผลงานกันอย่างหลากหลาย  เริ่มมีหลายเล่ม  แต่ละเล่มมีหลายร้อยหน้า  บางเล่มหนาเป็นคืบ  จะส่งผลงานแต่ละครั้งต้องหากล่องมาบรรจุใส่ท้ายรถไปให้กรรมการตรวจ  แต่ละคนมีผลงานของตนนับสิบเล่ม  แต่ละเล่มพิมพ์ปกด้วยตัวอักษรและภาพสีสวยงาม  ปกหุ้มพลาสติก  อาบพลาสติก  เข้าปกเรียบร้อยสวยงาม  ภายในเล่มถ้าจะมีภาพถ่ายก็ต้องเป็นภาพสี  ส่วนภาพขาวดำล้าสมัยไปแล้ว  ก็เป็นที่น่าชื่นชมยินดีว่าครูของเราช่างเก่งกาจสามารถ  ผลิตผลงานมากมายก่ายกองเก็บได้เป็นกล่องๆ  นักเรียนคงจะเรียนเก่งกันทั่วหน้า  แต่เหตุใดเล่าไม่ว่าจะเป็นสำนักใดประเมินต่างก็บอกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน  ทุกระดับ  ทุกวิชา  ต่ำลงๆ ทุกปี

เมื่อเปิดอ่านแฟ้มผลงานของครูแต่ละคนเกือบทุกคนจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน  ซึ่งผู้เขียนขออนุญาตวิพากษ์วิจารณ์  เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  เท่าที่พบเห็นแฟ้มผลงานแต่ละคนแต่ละเล่มหนาๆ กันทั้งนั้น  แต่เมื่อเปิดดูเนื้อหาสาระ  ส่วนใหญ่จะเป็นคำสั่งที่โรงเรียน  หรือหน่วยงานต่างๆ  แต่งตั้งครูไปดำเนินการเรื่องนั้นๆ ครูท่านก็นำมาทั้งฉบับ  ใช้ปากกาเน้นคำเขียนทับชื่อของท่านในคำสั่ง  ว่าท่านได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ใด  แล้วใส่คำสั่งลงไปเก็บไว้ในแฟ้มผลงานทั้งฉบับ  แต่ละปีได้รับคำสั่งให้ทำอะไรๆ ตั้งหลายครั้ง  ยิ่งเป็นคำสั่งระดับอำเภอ  ระดับจังหวัด  คำสั่งแต่ละฉบับมีหลายสิบหน้า  จะไม่ให้แฟ้มผลงานมันเป็นเล่มหนาๆ ได้อย่างไร  เมื่อเห็นคนหนึ่งทำก็ทำตามกันเท่านั้น  อยากจะบอกทุกท่านว่าบรรดาคำสั่งแต่งตั้งให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ นั้นเพียงสะท้อนให้ทราบว่าผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายงานให้ท่านปฏิบัติหน้าที่อะไรบ้าง  ปฏิบัติกี่ครั้ง  งานอะไร เป็นงานระดับใด  เท่านั้น  ไม่ได้สะท้อนว่าท่านได้ปฏิบัติงานตามคำสั่งหรือไม่  ปฏิบัติแล้วงานสำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายหรือไม่  ผลงานของท่านมีคุณภาพระดับใด  ใครได้รับประโยชน์บ้าง  การที่ท่านลงทุนลงแรงซื้อแฟ้มสวยๆ พร้อมกับถ่ายเอกสารคำสั่ง  หรือสารพัดเอกสารทั้งหลาย  รวมทั้งภาพถ่ายต่างๆ  หมดเงินไปตั้งหลายบาทเพื่อนำไปเก็บไว้ในแฟ้มผลงานนั้น  ในสายตาของผมว่ามันไม่คุ้มค่าเลยนะ

ลองมาทำแบบใหม่  แบบง่ายๆ  แต่สะท้อนคุณภาพของเจ้าของผลงานดูไหมครับ  ถ้าท่านได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ก็ตาม  หลังจากปฏิบัติงานตามคำสั่งแล้ว  ให้ท่านทำบันทึกข้อความสักฉบับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้นทราบ  แล้วนำบันทึกรายงานฉบับนี้เก็บไว้ในแฟ้มสะสมงานจะดีกว่า  ไม่ว่าท่านจะได้รับคำสั่งให้รับผิดชอบงานเล็กงานใหญ่  ทุกงานก็มีความสำคัญทั้งนั้น  บางคนได้รับคำสั่งให้ทำงานเล็กๆ ไม่ค่อยพอใจ  ถือว่าไม่สมศักดิ์ศรี  สมมุติว่าท่านได้รับคำสั่งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิคม  มีหน้าที่บริการน้ำดื่มในงานแข่งขันกีฬาสีภายในโรงเรียน  บางท่านอาจคิดว่าเป็นหน้าที่เล็กๆ ไม่สมศักดิ์ศรี  ไม่เป็นไรเราจะทำงานเล็กๆ นี้ให้มีศักดิ์ศรี  เราจะไม่หอบคำสั่งทั้งฉบับไปเก็บไว้ในแฟ้มผลงาน  ถ้าอย่างนั้นเมื่อท่านปฏิบัติงานสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว  ให้ท่านเขียนบันทึกข้อความรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น  ว่าท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งแล้ว  จึงเรียนมาเพื่อทราบ  ถ้าท่านทำเพียงแค่นี้  ถ้าคะแนนเต็ม  ๑๐  คะแนน  จะให้  ๓  คะแนน  เพราะถ้าเขียนเพียงเท่านี้มันสะท้อนว่าท่านมีศักยภาพเพียงเท่านี้  แต่ถ้าท่านอยากจะสะท้อนให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่าท่านนั้นไม่ใช่คนธรรมดานะ  มีคุณภาพคับแก้วทีเดียว  ให้ท่านลองนึกไตร่ตรองดูว่าพอท่านได้รับคำสั่งแล้ว  ท่านได้ดำเนินการเป็นกระบวนการเป็นขั้นเป็นตอนอย่างไร  สมมุติว่าท่านใช้กระบวนการ  PDCA  เข้ามาทำงาน  ท่านรายงานเลยว่าท่านได้วางแผนอย่างไร  ใช้ปัจจัยอะไรบ้าง  เช่น  ใช้คน  เงิน  วัสดุ  อุปกรณ์อย่างไร  สมมุติว่าได้เตรียมนักเรียนสำหรับเสิร์ฟน้ำอย่างไร  คุณสมบัติเป็นอย่างไร   ใช้นักเรียนกี่คน  ฝึกฝนนักเรียนให้เสิร์ฟน้ำอย่างถูกต้องอย่างไร  ใครฝึก  ฝึกเอง  หรือประสานกับครูคหกรรมเป็นผู้ฝึกให้  ด้านวัสดุปกรณ์ท่านได้เตรียมการ  หรือดำเนินการอย่างไร  เพื่อให้การดำเนินงานมีความพร้อม  เกิดความเรียบร้อย  เหล่านี้เป็นต้น  ส่วนขั้นลงมือปฏิบัติ  ท่านได้ให้นักเรียนปฏิบัติอย่างไร  ท่านควบคุมอย่างไร  โดยวิธีใด  ใครควบคุม  ท่านเตรียมวิธีการแก้ปัญหาไว้อย่างไร  เตรียมไว้กี่วิธี ถ้าท่านรายงานแบบนี้  ก็พอจะได้สัก  ๕  คะแนน  มาถึงขั้นประเมินผล  ท่านประเมินผลโดยวิธีใด  ใช้เครื่องมือใดประเมิน  ใครประเมิน  ประเมินเมื่อใด  แบบนี้อาจได้สัก  ๖  คะแนน  แต่ถ้าท่านรายงานต่อว่า  ท่านได้ประเมินหลายวิธีหรือท่านหาคุณภาพของเครื่องมือในการประเมินอย่างไร  กลุ่มตัวอย่างของท่านเป็นตัวแทนของประชากรได้หรือไม่เพียงใด  เพราะเหตุใด  อาจได้สัก ๗  คะแนน  ถ้าท่านบอกสถิติที่ใช้เปรียบเทียบความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง  อาจได้สัก ๘  คะแนน  แต่ถ้าท่านอภิปรายผล  และให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานในครั้งต่อไป  อาจได้ถึง ๙  คะแนน  หรือเต็ม  ๑๐  คะแนน  เห็นไหมครับว่า  งานเล็กงานใหญ่ไม่สำคัญ  แต่สำคัญที่คนทำมีคุณภาพเพียงใด  งานอย่างเดียวกันถ้ามอบให้คนที่มีคุณภาพทำ  ผลงานจะออกมาอย่างมีคุณภาพ  สะท้อนให้เห็นทักษะความรู้ความสามารถของผู้ปฏิบัติงาน  เมื่อเสร็จงานก็ทำบันทึกข้อความรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ  นำบันทึกข้อความฉบับนี้แหละไปเก็บไว้ในแฟ้มผลงาน  ไม่ต้องยกคำสั่งมาทั้งฉบับ  ผู้บังคับบัญชาเองก็โปรดให้ความสนใจกันบ้าง  อย่าเพียงให้ความเห็นว่า “ทราบ  ขอบคุณ”  หัดชมผลงานลูกน้องบ้างถ้าเขาทำได้ดีตั้งอกตั้งใจทำ  อาจบอกว่า “ดีมาก  ถือเป็นแบบอย่างได้  ขอบคุณ”  อะไรทำนองนี้  เพียงเท่านี้  ก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับผู้ใต้บังคับบัญชา  เห็นไหมครับว่างานทุกงานจะมีคุณภาพถ้าคนที่มีคุณภาพทำ  ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่า  ผลงานเรื่องเดียวกันคนหนึ่งประเมินผ่านฉลุย  แต่อีกคนแก้แล้วแก้อีก  เยียวยาแล้วเยียวยาอีกก็ยังไม่ผ่าน

 ผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่มักพบในแฟ้มผลงาน  คือรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการ  งาน  หรือกิจกรรมต่างๆ  อันนี้ก็ยกมาเก็บทั้งเล่มได้  แต่บางเล่มหนามาก  แต่เป็นความหนาแบบขาดสาระสำคัญ  ส่วนใหญ่ที่มักจะพบเห็น  เช่น  มีคำนำสารบัญเรียบร้อย  หน้าถัดไปก็จะเป็นกำหนดการจัดงาน  หน้าต่อไปเป็นคำกล่าวรายงานต่อประธาน  คำกล่าวเปิดของประธาน  และส่วนที่เป็นรายงานผลการดำเนินงานก็มี  แต่บางครั้งอุตส่าห์ทำแบบสอบถามเพื่อประเมินผลเป็นอย่างดี  และมักพบเห็นว่าแบบสอบถามนี้ออกแบบมาสำหรับใช้ประเมินทุกโครงการในโรงเรียน  ส่วนมากก็จะมีข้อมูลประเภท  อาหารดี  ดนตรีเพราะ  ผู้ร่วมงานพึงพอใจอย่างยิ่ง  ไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆ  ส่วนสาระสำคัญที่เป็นหัวใจของโครงการที่น่าจะประเมิน  คือวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ  ไม่อยู่ในสายตาเลย  ยังมีภาคผนวกแถมให้ด้วย  คือมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ  คระทำงานทุกคณะ  และปิดท้ายต้องมีภาพถ่ายประกอบ  เป็นภาพสีสวยงาม  ที่ขาดมิได้คือภาพประธานกำลังเดินทางมาถึง  ก้าวออกจากรถประจำตำแหน่ง  ภาพประธานจุดธูปเทียน  ภาพผู้กล่าวรายงาน  ภาพประธานกล่าวเปิด  ภาพพิธีปิดคล้ายพิธีเปิดนั้นแหละ  ถือเป็นภาพภาคบังคับ  ภาพกิจกรรมอื่นๆ ตามสมควร  แต่ที่ขาดไม่ได้คือรายงานชิ้นนี้  ปกต้องเป็นภาพสี   อาบพลาสติก  หุ้มพลาสติก  ถ้างานนี้มีผู้รับผิดชอบหลายฝ่ายต้องทำหลายเล่มแจกจ่ายกันให้ทั่วหน้า  เพราะถ้าวันดีคืนดีมีผู้มาตรวจราชการหรือต้องรับการประเมิน  จะได้ไม่เกิดศึกแย่งภาพถ่ายกัน  ผมว่ามันไม่คุ้มค่ากับความตั้งใจที่ลงทุนลงแรงไปนะครับ  แต่ก็มีช่องทางที่จะพัฒนาให้ดีให้มีคุณภาพกว่านี้  ไม่ถึงกับต้องทำการประเมินโครงการแบบเต็มรูปแบบก็ได้  ขอเพียงแต่ท่านนำวัตถุประสงค์ของโครงการทุกข้อมาแจกแจงวิเคราะห์ทำเป็นเครื่องมือวัดประเมินผล  แล้วประมวลผล  และวิเคราะห์ข้อมูล รายงานสรุปผล  อภิปรายผล  พร้อมข้อเสนอแนะ  แบบกระชับแต่ครอบคลุมทุกประเด็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการ  หรือกิจกรรม  จะประเมินบริบทอื่นๆ บ้างก็ไม่เป็นไร  จะมีภาพถ่ายลายเซ็นประกอบบ้างก็ได้  จะทำเป็นรูปเล่มก็ไม่เป็นไร  แต่ต้องไม่สิ้นเปลือง  ให้ท่านแนบรายงานฉบับนี้ไปพร้อมกับบันทึกข้อความรายงานผลการปฏิบัติงาน  ให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ  นำผลงานชิ้นนี้แหละสอดไว้ในแฟ้มผลงาน  ที่สำคัญคือการออกแบบเครื่องมือวัดประเมินผล  ทำอย่างไรจะให้ได้เครื่องมือที่มีคุณภาพพอรับได้  ข้อมูลที่ได้รับ  และการประเมินจึงจะไม่เป็นขยะ

 อีกชิ้นหนึ่งที่พบบ่อยๆ ในแฟ้มผลงาน  คือบรรดาประกาศนียบัตร  เกียรติบัตรวุฒิบัตร  ที่ผ่านการฝึกอบรมสัมมนา  ศึกษาดูงาน  หรือแม้แต่อนุโมทนาบัตร  บางคนมีเกือบร้อยแผ่น  สอดไว้ในแฟ้มผลงาน  มันสะท้อนให้เห็นแต่เพียงว่าท่านได้รับการพัฒนาเรื่องใดมาบ้างเท่านั้น  ไม่สะท้อนให้เห็นคุณภาพของตัวท่านเองว่า  เมื่อท่านได้ผ่านการอบรม  สัมมนาศึกษาดูงานแล้ว  ท่านได้นำความรู้ประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่องานในหน้าที่  ต่อตัวท่านเองอย่างไร  ได้รับผลอย่างไร  ดังนั้นเมื่อท่านผ่านการอบรมสัมมนาศึกษาดูงานมาแล้ว  ก็ทำบัญชีว่าท่านผ่านการอบรมสัมมนาเรื่องอะไร  เมื่อไหร่  และที่ใดบ้างก็น่าจะพอ  หรือจะให้ผู้บังคับบัญชาลงนามรับรองก็ได้  และที่สำคัญเรื่องใดที่ท่านผ่านการอบรมสัมมนาแล้ว  ท่านได้นำความรู้ประสบการณ์เหล่านั้นมาพัฒนางาน  มาพัฒนาตนเอง  จนเกิดประโยชน์ต่องานในหน้าที่  เกิดประโยชน์ต่อตัวท่านเอง  และเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างไรบ้าง  ทำเป็นรายงานอย่างเป็นระบบและกระชับ  นำเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับให้รับทราบ  แล้วนำไปเก็บไว้ในแฟ้มผลงาน  จะเป็นผลงานที่สะท้อนว่าท่านเป็นคนที่มีคุณภาพ  มีผลงาน  มีคุณงามความดี  มากกว่านำประกาศนียบัตร  เกียรติบัตร  ทั้งหลายทั้งปวงมาเก็บไว้ในแฟ้มผลงานเป็นไหนๆ

 เอกสารประเภทภาพถ่ายต่างๆ  ก็เหมือนกัน  บางคนเฉพาะสมุดรวมภาพถ่ายก็มีหลายเล่ม  ท่านสามารถพัฒนาภาพถ่ายให้สะท้อนคุณสมบัติคุณภาพของเจ้าของภาพถ่ายได้  เช่น  ที่พบเห็นบ่อยๆ  เมื่อนักเรียนได้รับรางวัลดีเด่น  ก็จะมีภาพถ่ายนักเรียนขึ้นไปรับโล่รางวัล  พอลงจากเวทีครูขอถ่ายภาพร่วมกับนักเรียนด้วยจะได้นำไปเก็บไว้ในแฟ้มผลงานครู  กลับมาถึงโรงเรียนผู้อำนวยการโรงเรียนก็ขอถ่ายภาพกับนักเรียนและครูบ้าง  ท่านก็มีแฟ้มผลงานของท่านเหมือนกัน  ต่างคนต่างภูมิใจในผลงานของตนเอง  ต่างคนต่างเก็บภาพถ่ายเหล่านั้นไว้ในแฟ้มผลงานของตน  ท่านทำเพียงเท่านี้ไม่พอ  เพราะภาพถ่ายจะกลายเป็นเพียงขยะสะสมไว้ในแฟ้มผลงานของท่านเท่านั้น  นักเรียนจะต้องบันทึกรายงานประกอบภาพถ่ายการรับโล่รางวัลว่า  ตนเองได้ใช้ทักษะกระบวนการความวิริยะอุตสาหะความพยายามอย่างไรจึงได้รับโล่รางวัลนั้น  ส่วนครูก็ต้องบันทึกรายงานประกอบภาพถ่ายของท่านกับนักเรียนว่าท่านได้ใช้เทคนิคกระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างไร  ต้องทุ่มเทเสียสละอุทิศตนอย่างไรจึงส่งผลให้นักเรียนคนนี้ได้รับโล่รางวัล  สำหรับผู้บริหารท่านก็บันทึกประกอบภาพถ่ายของท่านด้วยว่า  ได้ใช้ทักษะกระบวนการบริหารจัดการอย่างไร  จึงทำให้ครูในกลุ่มสาระฯ นี้  หรือครูคนนี้สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  สามารถทำให้นักเรียนคนนี้ได้รับโล่รางวัล  ครับผลงานความสำเร็จชิ้นเดียวกัน  บทบาทหน้าที่ต่างกัน  เราเสพความสำเร็จกันคนละแบบ  ตามบทบาทหน้าที่ของตน

 แฟ้มผลงานยังมีความสำคัญ  และมีความจำเป็นต่อการวัดผลประเมินผล  เพราะเป็นสิ่งสะท้อนคุณลักษณะของเจ้าของแฟ้มผลงานได้ดีที่สุด  เพียงแต่ว่าท่านจะใช้แฟ้มผลงานของท่านสะท้อนให้เห็นตัวตนของท่านว่าท่านเป็นคนมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด  ท่านนำเสนอให้คนอื่นรับรู้รับทราบคุณลักษณะของท่านอย่างตรงประเด็นตามที่ท่านต้องการนำเสนอเพียงใด  ไม่เช่นนั้นในทางตรงกันข้ามถ้าท่านบรรจุสิ่งต่างๆ  บรรดาบารมีของท่านไว้ในแฟ้มผลงานทุกอย่าง  โดยขาดการวิเคราะห์พิจารณาพัฒนาปรับปรุง  มันสะท้อนให้เห็นว่าท่านมีความรู้ความสามารถเพียงแค่นี้เองหรือ  คุณภาพของแฟ้มผลงานอยู่ที่ประสิทธิภาพในการนำเสนอผลสำเร็จของงาน  และคุณประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับจากผลงานของท่านต่างหาก  ที่พูดมานี้ก็เพียงแต่ไม่อยากเห็นแฟ้มผลงานมีแต่ขยะเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนอย่างทุกวันนี้  เท่านั้นเอง

 


แหล่งที่มา : withayajarn.com

อัพเดทล่าสุด