อาหารประจําชาติสิงคโปร์ อาหารประจําชาติในกลุ่มประเทศอาเซียน

สิงคโปร์ ประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่เป็นเกาะเล็ก (มาก) แต่ประชากรมีฐานะทางเศรษฐกิจดีเยี่ยม

 เชฟชาวสิงคโปร์ที่มาอยู่เมืองไทย 10 ปี บอกว่า อาหารสิงคโปร์เกิดจากการผสมผสานของคน 3 เชื้อชาติ ได้แก่ ชาวจีน มาเลย์ และชาวอินเดีย ประกอบกันเป็นชาวสิงคโปร์ ดังนั้นอาหารจึงเป็นลูกผสม บางอย่างเป็นจีนแท้ บางอย่างเป็นจีนผสมแขก (มุสลิมและฮินดู) อย่างเช่นวันนี้เชฟทำ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ เมนูยอดฮิตของชาวจีนไหหลำ หรือไหหนาน ที่มีน้ำจิ้มพริกตำสีส้มสด ไม่มีเต้าเจี้ยว กลิ่นหอมอ่อน ๆ รสเผ็ดเล็กน้อย เชฟมีต้นหอมสับ ขิงสับละเอียดผสมกระเทียมกับน้ำมันงาให้ราดเนื้อไก่ให้ชุ่มฉ่ำก่อนหม่ำด้วย ยังมีซอสถั่วเหลืองสีดำข้น กับน้ำซุป  วิธีทำให้เนื้อไก่นุ่มคือต้มไก่แล้วช็อกในน้ำเย็นทันที สูตรของเชฟต้องต้มไก่ไฟอ่อนมาก ใช้ไก่ขนาด 1.6-1.8 กก. ไม่ใช้ไก่ตอนหรือไก่ตัวใหญ่เพราะเนื้อจะเหนียว ต้มแล้วนำขึ้นแช่น้ำแข็งทันที 10-20 นาที แล้วต้มไก่อีกครั้งให้น้ำเดือดก่อนค่อยใส่ไก่ทั้งตัวลงไป ต้มต่ออีก 1.45 ชม. แล้วเอามาแช่น้ำเย็นอีกครั้งจะทำให้หนังกรอบ เชฟบอกอีกว่า พยายามปรุงให้รสชาติใกล้เคียงกับข้าวมันไก่ที่สิงคโปร์มากที่สุด แต่ยากตรงที่พันธุ์ไก่ ที่สิงคโปร์ใช้ไก่จากมาเลย์ เป็นคนละสายพันธุ์กับไก่เมืองไทย

 โลจั๊ก ยำผลไม้สดกับผักต่างๆ เดรสซิ่งแปลกออกไปเพราะเป็นน้ำซอสข้นๆ สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ โรยถั่วลิสง น้ำพริกเผา รสชาติหวานซ่อนเค็ม มีรสเปรี้ยวจากน้ำมะขาม จานนี้กินเป็นออเดิร์ฟก็ได้ แต่เชฟบอกว่าคนสิงคโปร์ไม่มีอาหารเรียกน้ำย่อยและจานหลัก อยากกินอะไรก็สั่งเป็นจาน ๆ และนิยมกินอาหารนอกบ้าน หรืออย่าง ลักซา ที่หน้าตาเหมือนก๋วยเตี๋ยวแกงของชาวมุสลิม เชฟบอกว่า ลักซาเป็นชื่อน้ำซุป ส่วนผสมมากมาย มีน้ำพริกตำ ขิง ขมิ้น หอมแดง กระเทียม ข่า กุ้งแห้ง ผัดจนแตกมัน ใส่กะทิกับน้ำสต็อก เคี่ยวเป็นน้ำซุป แล้วใส่ซีฟู้ด จุดเด่นคือต้องมีผักแพวโรยหน้าด้วย และชาวสิงคโปร์เรียกผักแพวว่า Luksa leave บะกุดเต๋ ต้มกระดูกหมูยาจีน สูตรนี้มีหลากหลาย ทำกันหลายเจ้า และอย่างที่ว่า แม่บ้านชาวสิงคโปร์ก็ไม่ค่อยทำกินเองที่บ้าน หาซื้อกินข้างนอกง่ายกว่า เพราะขายกันทุกตลาด สูตรใครก็สูตรมัน บะกุดเต๋กินกับข้าวสวยร้อนๆ หรือใช้ปาท่องโก๋จิ้มกินก็ได้ มีอาหารข้างทางและตามร้านตลาดทั่วไปอย่างอื่นอีกเช่น โกวตั๊ก เป็นเนื้อปลาผสมกุ้งบดผสมสมุนไพรเช่น ขมิ้น พริก ใบมะกรูด เสียบไม้ย่างจนหอม ซื้อเดินไปกินไป สะเต๊ะ สูตรของเชฟแตกต่างที่เครื่องหมัก เชฟใส่เยอะมาก มีหอมแดงบดละเอียด กระเทียม ลูกผักชีบด ขมิ้น พริกชี้ฟ้าสด แคนดี้นัท (ถั่วชนิดหนึ่งคล้ายแมคคาเดเมีย) น้ำตาล หมักให้เข้าเนื้อก่อนเอาไปปิ้ง และไม้เสียบควรแช่น้ำ 2 วัน เวลาเอาไปปิ้งแล้วไม้จะไม่แตก ส่วนเนื้อวัว หมู หรือไก่ ที่จะทำสะเต๊ะหมักกับเครื่องที่ว่านี้อย่างน้อย 1 ชม. ส่วนน้ำจิ้มคล้ายสะเต๊ะบ้านเรา ยังมี นาซีโกแร็ง คือข้าวผัดสไตล์อินโดนีเซีย และเมนูที่ได้อิทธิพลจากชาวมาเลย์คือ ซัมบาบาระจัน เป็นน้ำพริกกะปิมาเลย์ สีแดงเข้ม ไม่เค็มมาก วิธีทำก็ง่าย ๆ มีพริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู มะนาว น้ำตาล กะปิมาเลย์ กะสัดส่วนพริกกับกะปิให้เท่า ๆ กันตำให้เข้ากัน กินเป็นน้ำพริกจิ้มกับอะไรก็ได้ เหมือนคนไทยเวลาไปกินข้าวขอน้ำปลาพริก 1 ถ้วย ถ้าไปที่นั่นก็สั่ง "ซัมบาบาระจัน" 1 ถ้วย ใช่เลย

 เมนูเหล่านี้ เชฟบอกว่าเป็นอาหารที่หากินได้ทั่วไป แต่ไม่ใช่อาหารของครอบครัว ยังมี เย็นโตวฟู หรือหย่องเตาฟู (ภาษากวางตุ้ง) ทำจากปลาอินทรีกับปลากราย ปั่นเหมือนลูกชิ้น แล้วเอาพริกชี้ฟ้าเม็ดใหญ่ ๆ ผ่ากลาง เอาเมล็ดออก เอาไส้ปลายัดเข้าในลวกให้สุก เวลามีลูกค้ามาซื้อก็ลวกร้อน ๆ อีกครั้ง กินกับน้ำซุปพริกไทย หรือกินแบบแห้งจิ้มซอส และมีหลายแบบ เช่น ปลาบดปั่นใส่ในเต้าหู้ ยัดไส้กะหล่ำปลี เป็นต้น ยังมี ฮ่าหมิ่น หรือบะหมี่กุ้ง พิเศษตรงใช้เปลือกกับหัวกุ้งต้มทำน้ำซุป ผัดแป้งให้หอมก่อน ยังมี แกงเผ็ดปลา ปูผัดพริก เปาะเปี๊ยะสด ฯลฯ

 อยากชิมอาหารสิงคโปร์ที่ไม่ต้องเสียค่าเครื่องบิน เชฟจัด "เทศกาลอาหารสิงคโปร์" วันนี้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมศกนี้ ที่ ห้องอาหารฟาวเท่น โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด ถนนรัชดาฯ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าห้วยขวาง เฉพาะมื้อค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ ที่มีอาหารนานาชาติคอยต้อนรับด้วย เวลา 18.00-22.00 น. โทร.0-2694-2222 ต่อ 1530 (มื้อกลางวันเปิดบริการบุฟเฟ่ต์นานาชาติตามปกติ)

https://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/food/20090823/70536/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81...%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html