https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
มหาเศรษฐี เมืองไทย จัดอันดับ เศรษฐี หุ้นไทย MUSLIMTHAIPOST

 

มหาเศรษฐี เมืองไทย จัดอันดับ เศรษฐี หุ้นไทย


801 ผู้ชม


  "อนันต์ อัศวโภคิน"ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่ 6 ขณะที่ตระกูลชินวัตร หล่น1อันดับอยู่ที่ลำดับ48

          นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) สร้างสถิติใหม่ด้วยการรักษาตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 ไว้ได้อีกครั้งเป็นปีที่ 6 โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 14,657.45 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.98% มูลค่า 14,633.23 ล้านบาท และ บมจ.แมนดารินโฮเต็ล (MANRIN) 1.67% มูลค่า 4.21 ล้านบาท
          
          ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ยังเป็นของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แห่ง บมจ. พฤกษาเรียลเอสเตท (PS) ซึ่งครองตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 3 ปีแล้ว โดยปีนี้ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 9,599.16 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 61.85% รวยลดลง 1,554.79 ล้านบาท หรือ 13.94% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวลดลงถึง 13.93%   
          
          อันดับ 3 ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือหมอเสริฐ แห่งบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) 13.55%  และ บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) 0.79%  รวมมูลค่า 5,111.20 ล้านบาท ลดลง 1,167.80 ล้านบาท หรือ 18.60% 
          
          อันดับ 4 ไต่ขึ้นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 โดยถือครองหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) 11.42% มูลค่ารวม 4,864.92 ล้านบาท รวยลดลง 433.96 ล้านบาท หรือ 8.19% 
          
          ด้านนักลงทุนรายใหญ่ อย่าง นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาท สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ แห่งโอสถสภา ไต่อันดับเศรษฐีหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากอันดับ 10 ในปี 2549 มาอยู่ในอันดับ 9 เมื่อปี 2550 และขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ในปี 2551 โดยปีนี้นิติลงทุนในหุ้นทั้งหมด 16 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 4,372.48 ล้านบาท ลดลง 901.70 ล้านบาท หรือ 17.10% เนื่องจากราคาหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา 
          
          อันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุนรายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%  
          
          สำหรับนิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของ เปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลี่ยนไทย ยังรักษาอันดับ 7 ไว้ได้เป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม  3,631 ล้านบาท ลดลง 1,774.28 ล้านบาท หรือ 32.82% ประกอบด้วย บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) 11.03%  บมจ.โรงแรมโอเรียนเต็ล (OHTL) 21.91% และ บมจ.โพส พับบลิชชิ่ง (POST) 2.52% 
          
          เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ แกรมมี่ อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ปีนี้ขยับขึ้นมาเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 25 เมื่อปีที่แล้ว  เนื่องจากปีนี้ราคาหุ้น บมจ.แกรมมี่ (GRAMMY) ที่ถืออยู่ 55.34% ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 31.92%  ทำให้มูลค่าหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 3,525.75 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 1,165.77 ล้านบาท หรือ 49.40% 
          
          เช่นเดียวกับประชุม มาลีนนท์ ที่ก้าวขึ้นจากอันดับ 12 มาเป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 9 รวย 3,390.01 ล้านบาท จากการถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) 7.86% บมจ.ศิครินทร์ (SKR) 3.87% และ บมจ.ชูไก (CRANE) 0.71%  ตามติดด้วยเศรษฐีหุ้นอันดับ 10 อัมพร มาลีนนท์ ที่ไต่ขึ้นมาจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว รวย 3,363.08 ล้านบาท ถือหุ้น BEC 7.86%  และ SKR 1.60% 
          
          ทั้งนี้ ตระกูลมาลีนนท์ครองอันดับ 1 ของตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยได้อีกครั้งในปีนี้ โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 24,426.93 ล้านบาท ลดลง 2,045.23 ล้านบาท หรือ 7.73%  ซึ่งหุ้นที่ตระกูลมาลีนนท์ถือครอง ได้แก่ ถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) บมจ.ศิครินทร์ (SKR) บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) และบมจ.ไอที ซิตี้ (IT)
          
          ตระกูลอัศวโภคิน ยังคงรักษาอันดับ 2 ไว้ได้อีกปีหนึ่ง จากการถือหุ้นของธุรกิจในตระกูล ได้แก่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) ของ 7 เครือญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา อภิชิต และอาชวิน อัศวโภคิน รวมมูลค่าหุ้นที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 17,684.70 ล้านบาท ลดลง 156.17 ล้านบาท หรือ 0.88% 
          
          อันดับ 3 เป็นของตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแบรนด์ “พฤกษา" ที่ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นการถือหุ้น บมจ.พฤกษา (PS) ร่วมกันของครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ นำโดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาท มาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รวมมูลค่า 11,409.66 ล้านบาท ลดลง 1,848.04 ล้านบาท หรือ 13.94% 
          
          ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ซึ่งมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 25 คน ปีนี้อยู่ในอันดับ 4 โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 10,916.73 ล้านบาท ลดลง 5,174.62 ล้านบาท หรือ 32.16% โดยหุ้นที่กลุ่มจิราธิวัฒน์ถือส่วนใหญ่ จะเป็นหุ้นของธุรกิจในตระกูล เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา (CENTEL), บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซนเตอร์ (BIGC), บมจ.เอบิโก้โฮลดิ้ง (ABICO) และ บมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง (DM) 
           
          และอันดับ 5 ยังเป็นของตระกูลปราสาททองโอสถ ด้วยมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 6,624.74 ลดลง 1,192.89 ล้านบาท หรือ 15.26% จากการถือครองหุ้นของ นายแพทย์ปราเสิรฐ-ปรมาภรณ์-พล.ต.ต.วิสนุ และ สมิทธ์ ปราสาททองโอสถ ในโรงพยาบาลชื่อดัง อย่าง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) และโรงพยาบาลนนทเวช (NTV) รวมทั้ง บมจ.นวลิสซิ่ง (NVL) บมจ.บล.ไซรัส (SYRUS) และ บมจ.เอกรัฐวิศวกรรม (AKR) 
          
          ส่วนตระกูลชินวัตรของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ตกลงมาหนึ่งอันดับจากอันดับ 47 มาอยู่อันดับ 48 ในปีนี้ โดยรวยลดลงเหลือ 1,369.31 ล้านบาท หรือลดลง 18.98% ซึ่งลูกสาวคนโต พิณทองทา ชินวัตร และลูกสาวคนสุดท้อง แพทองธาร ชินวัตร ยังคงเป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 108 ทั้งคู่ ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 28.97% มูลค่า 627.69 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถือหุ้น บมจ.โรงพยาบาลวิภาวีดี (VIBHA) และ SC รวมมูลค่าเพียง 6.45 ล้านบาท 
ที่มา https://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=337

อัพเดทล่าสุด