https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ MUSLIMTHAIPOST

 

โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่


951 ผู้ชม


โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่

               โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก

โรคหงอนไก่

โรคหงอนไก่เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังเกิดจากเชื้อ HPV มักจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ลักษณะเป็นผื่นยื่นออกมา การรักษาจะทำได้โดยการจี้ด้วยยา

โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่โรคหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ

โรคหูดที่อวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า Condyloma acuminatum เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า human papillomavirus (HPV) ซึ่งมีมากกว่าร้อยชนิด โรคหูดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกิดจากเชื้อ HPV type 6,11ซึ่งไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ชนิดที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้แก่ชนิด types 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ชนิดชนิดที่ทำให้เกิดมะเร็งได้มากได้แก่ชนิด (types 16, 18)


ตำแหน่งที่พบโรคหูด

โรคหูดที่อวัยวะเพศตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย penis, แคมใหญ่ vulva, ช่องคลอด vagina, ปากมดลูก cervix, บริเวณหัวเหน่า perineum, และบริเวณรอบๆทวารหนัก perianal ตำแหน่งอื่นที่อาจจะพบได้แก่ คอ หลอดลม บางแห่งติดเชื้อแต่ไม่มีอาการซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง

ลักษณะของหูดเป็นอย่างไร

หูดจะมีลักษณะแบน สีออกชมภูหรือดำ มักจะไม่เป็นติ่ง มักจะเกิดได้หลายๆแห่ง

โรคนี้พบบ่อยแค่ไหน

  • เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด มักจะพบในวัยรุ่นและวัยหนุ่ม
  • ผู้ที่มีโรคทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่นโรคเบาหวาน ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีขนาดของหูดใหญ่กว่าปกติ กลับเป็นซ้ำหรือมีโรคแทรกว้อน
  • โรคนี้อาจจะกำเริบในขณะตั้งครรภ์ทำให้หูดมีขนาดใหญ่และขวางการคลอดตามธรรมชาติ
โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่

โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่โรคหูดหงอนไก่ปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่

อาการของโรคเป็นอย่างไร

  • ผู้ที่สูบบุหรี่ ทานยาคุมกำเนิด มีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
  • ประมาณร้อยละ60ของผู้ป่วยจะเกิดโรคหูดหลังจากสัมผัสผู้ป่วยไปแล้วประมาณสามเดือน
  • อาการทีสำคัญของผู้ป่วยโรคหูดคือ มีก้อนไม่เจ็บปวด อาจจะมีอาการคัน หรือมีตกขาว
  • สำหรับผู้ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร หรือทางปากอาจจะมีก้อนบริเวณดังกล่าว
  • ผู้หญิงอาจจะมาด้วยเรื่องมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนผู้ชายอาจจะมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก

แพทย์จะตรวจหาหูดได้ที่ไหนบ้าง

สำหรับผู้ชาย

  • พบก้อนได้บริเวณอวัยวะเพศ
  • ส่วนหัวของอวัยวะเพศ
  • หรือเยื่อบุในท่องปัสสาวะ
  • สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจจะก้อนบริเวณรอบทวารหนัก

สำหรับผู้หญิง

  • ผิวหนังแถวอวัยวะเพศ
  • แคมใหญ่ แคมเล็ก
  • ช่องคลอด
  • ทวานหนัก

แพทย์จะต้องตรวจพิเศษอะไรบ้าง

การที่ท่านเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์จะต้องตรวจหาว่าท่านติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นอีกหรือไม่ โดยจะตรวจ

  • หนองในแท้ หนองในเทียม
  • โรคเอดส์
  • โรคซิฟิลิส
  • ตรวจภายในทำ PAP Smear
  • ตรวจหารการติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการ โดยการใช้ acetic acid ปิดไว้ห้านาที แล้วใช้แว่นขยายส่อง ซึ่งอาจจะพบรอยโรค
  • การตัดชิ้นเนื้อตรวจ

การรักษา

หลักการรักษาเมื่อพบหูดจะเอาหูดออก หากไม่รักษา ก้อนอาจจะมีขนาดเท่าเดิม หรือหายไปเอง หรืออาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้น การเอาก้อนหูดออกไม่ได้กำจัดการติดเชื้อ HPV ออกจากร่างกาย การเอาหูดออกจะลดการติดต่อลง

  • การจี้ด้วยความเย็น Cryotherapy
    • ใช้ความเย็น(nitrogen เหลว) จี้บริเวณเนื้องอก 10-15 วินาที และสามารถทำซ้ำได้ ระวังอย่าให้ถูกผิวหนังบริเวณที่ดี
    • การใช้ความเย็นจี้เป็นวิธีการรักษาสำหรับหูดโดยเฉพาะที่รอบทวารหนัก
    • การตอบสนองต่อการรักาาดี และมีแทรกซ้อนน้อย
    • โรคแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่ เกิดผล ปวดขณะทำ สีผิวซีดลง
    • สามารถทำในคนท้องได้
  • การใช้ไฟฟ้าจี้ ไม่แนะนำเพราะควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
  • การขูดเอาเนื้องอกออก Curettage
  • การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก Surgical excision
    • การผ่าตัดจะให้ผลดี และมีโรคแทรกซ้อนต่ำ และอัตราการเป็นซ้ำต่ำ
    • อัตราการหาย 63-91%.
  • การใช้ Laser Carbon dioxide laser treatment
    • ใช้ Laserในกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่ หรือเป็นซ้ำ
    • ข้อระวังควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
    • ต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ทา
  • การใช้ยาทาภายนอกได้แก่
    • Podophyllin เป็นยาที่ใช้ทาภายนอกที่ตัวหูด ให้ทาสัปดาห์ละครั้ง ข้อระวังของการใช้ยานเพื่อป้องกันมิให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายี้ได้แก่
      • การใช้ยาแต่ละครั้งไม่ควรเกิน <0.5 mL
      • ขนาดของหูดไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไปโดยไม่เกิน 10 cm2
      • บริเวณที่ทาไม่ควรมีแผล เพราะยาอาจจะถูกดูดซึม
      • หลังทาปล่อยให้แห้ง และล้างออกหลังจากทาไปแล้ว 1-4 ชม
    • TCA (trichloracetic acid)เป็นยาที่ใช้ทาภายนอก ห้ามถูกผิวหนังที่ดี
  • การให้ผู้ป่วยทายาเอง
    • Podofilox 0.5% solution or gel. ให้ทาที่ตัวหูดวันละสองครั้งเป็นเวลาสามวัน และหยุดทาสี่วันให้ทำซ้ำได้สี่ครั้ง ยานี้ไม่ควรใช้ในคนท้อง และไม่ควรใช้ยาปริมาณมากเกินไป
    • Imiquimod 5% cream ให้ทายานี้ก่อนนอน อาติตย์ละ 3 วันเป็นเวลา 16 สัปดาห์

การป้องกันการติดเชื้อโรคหูด

หญิงหรือชายวัยเจริญพันธุ์สามารถป้องกันการติดเชื้อโรคหูดโดย

  • งดการมีเพศสัมพันธุ์เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด แต่น้อยคนที่ทำได้
  • ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะนั้นย่อมหมายถึงคุณก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
  • ไม่ควรจะเปลี่ยนคู่นอน
  • หากผู้ที่มีหูดควรจัดการรักษาให้หายเรียบร้อยก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธุ์
  • ให้สวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันะธุ์ที่ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัย
  • การฉีดวัคซีนป้องกัน

อ่านเพิ่มเติมที่นี่

โรคที่เกี่ยวข้อง

             Link    https://www.siamhealth.net

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


                โรคหูดหงอนไก่ เพศหญิง

โรคหูดหงอนไก่ 

 ที่มาของภาพ : http://www.ajingdi.com/image/mypic/touch_girl(1).jpg 


โรคหูดหงอนไก่ (condyloma acuminata) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง ลักษณะเป็นหูดที่เกิดที่อวัยวะเพศ รวมทั้งที่ทวารหนัก สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อเรียกว่า human papilloma virus โดยทั่วไปมักพบเป็นติ่งเนื้อสีชมพูรวมกันเป็นก้อน คล้ายหงอนไก่ พบได้หลายรูปแบบ อาจมีจำนวนและขนาดที่แตกต่างกันได้มาก และอาจพบได้มากกว่าหนึ่งแห่ง ตำแหน่งที่พบบ่อยเป็นที่บริเวณคอคอดของอวัยวะเพศชาย นอกจากนี้ยังพบได้มากที่บริเวณแคมช่องคลอดและปากมดลูกของเพศหญิง ปกติ
โรคหูดหงอนไก่จะไม่มีอาการอะไร เว้นเสียแต่อาจมีการฉีกขาดเลือดออก หรือติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม จึงทำให้เกิดการอักเสบเป็นหนองได้

ชื่ออังกฤษ : condyloma acuminata


ชื่อไทย : โรคหูดหงอนไก่

 

ชื่อย่อ: ไม่ปรากฎ

 

ผู้ค้นพบ : ไม่ปรากฎชื่อผู้ค้นพบ แต่กล่าวถึงในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

จัดอยู่ในกลุ่มของโรคประเภท : ระบบผิวหนัง


สาเหตุ : เชื้อ สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ human papilloma virus (HPV) โดยเป็นการติดเชื้อที่ชั้นหนังกำพร้า เชื้อไวรัสในกลุ่มนี้มีมากกว่า 100 ชนิดที่สามารถแยกเชื้อได้ในปัจจุบัน หลายชนิดพบว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดเป็นมะเร็งทั้งในเพศชายและเพศหญิง ร้อยละ 90 ของโรคหูดหงอนไก่เกิดจาก HPV types 6 และ 11 ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการเกิดเป็นมะเร็ง


ในกรณีที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV types 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปานกลาง และถ้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV types 16, 18 ถือว่ามีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 10-15 ของผู้ป่วยทั้งหมด พบว่าเกิดจากการติดเชื้อมากกว่าหนึ่งชนิด ความสัมพันธ์ระหว่างชนิดของเชื้อไวรัสกับการเกิดโรคมะเร็งกำลังได้รับการ ศึกษาอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

ที่มาของภาพ : https://guru.sanook.com/picfront/main/resize_04062008035652.jpg


ระยะฟักตัวของเชื้อไวรัส HPV นาน 1–6 เดือน


อาการ : ลักษณะ โรคหูดหงอนไก่ ปกติจะมีตุ่มหงอนไก่ คล้ายตุ่มหูด หรือหงอนของไก่ สีแดงสด บริเวณอวัยวะเพศ หรือข้างเคียง ถ้ากระทบแรงๆ อาจจะมีเลือดออกได้ บางครั้งถ้าอยู่ในช่องคลอดลึกอาจจะมองไม่เห็นแต่ มีอาจมีอาการตกขาวได้ ถ้าอยู่แถวปากช่องคลอด ก็จะเห็นได้ง่าย ในผู้ชายอาจเป็นที่ทวารหนัก หรือปลายอวัยวะเพศได้ การติดเชื้อไวรัส HPV บริเวณอวัยวะเพศ สามารถทำให้เกิดรอยโรคได้หลายแบบ ได้แก่


1. หูดหงอนไก่ ลักษณะเป็นติ่งเนื้อสีชมพูงอกบานออกทางด้านนอก ดูคล้ายหงอนไก่ หรือดอกกะหล่ำ ในผู้ชายมักเป็นที่ด้านในของหนังหุ้มปลายองคชาติ บางครั้งอาจเกิดที่ปากท่อปัสสาวะ และอาจงอกลามลึกเข้าไปภายในได้ ผู้ชายรักร่วมเพศ มักพบหูดที่รอบทวารหนักซึ่งอาจลุกลามเข้าไปภายในได้ ผู้หญิงพบบ่อยที่ปากช่องคลอด ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV type 6,11

 ที่มาของภาพ : https://www.bangkokhealth.com/cimages/cervical02.jpg


2. หูดชนิดแบนราบ มักพบบริเวณปากมดลูก ลักษณะแบนราบ ส่วนใหญ่เกิดจาก HPV 16 ปัจจุบันพบว่าหูดชนิดนี้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก


3. หูดชนิดกลุ่ม ลึกษณะเป็นตุ่มขนาด 3 – 4 มม. สีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบ หรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นทีเดียวพร้อมกันหลายตุ่ม และอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่เกิดจาก HPV type 16,18


4. หูดก้อนใหญ่ลักษณะเป็นหูดขนาดใหญ่ที่โตเร็วมากจนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุม อวัยวะเพศไว้ทั้งหมดส่วนใหญ่เกิดจาก HPVtype 6   บางคนอาจเรียกว่าเป็นหูดยักษ์ สาเหตุที่ทำให้หูดโตเร็ว ได้แก่ การตั้งครรภ์ ตกขาว ความสกปรก การติดเชื้อ


 การรักษา


1. ใช้วิธีจี้ด้วยสารเคมี เช่น podophylline หรือ สารเคมีชนิดอื่น หรือใช้ความเย็น หรือจี้ด้วยเลเซอร์


2. ในกรณีที่เป็นตอนตั้งครรภ์ อาจทำให้ไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ ต้องใช้การคลอดด้วยการ
ผ่าตัดแทน


3. สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน papillomavirus vaccine ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดผสมเชื้อไวรัสรวมสี่ชนิด ได้แก่ HPV types 6, 11, 16, 18 ซึ่งปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก แนะนำสำหรับผู้หญิงอายุ 9-26 ปี พบว่าวัคซีนชนิดนี้สามารถป้องกันการเกิดโรคหูดหงอนไก่ได้เช่นกัน

 

การติดต่อ มี 3 ทางหลัก


1.จากเพศสัมพันธ์โดยมีการสัมผัสระหว่างผิวหนังกับผิวหนัง เป็นทางติดต่อที่พบบ่อยที่สุด


2.ติดต่อโดยการใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่นเสื้อผ้าหรือผ้าเช็ดตัว สบู่อาบน้ำ


3.ติดต่อโดยการสัมผัสหรือเกา แล้วไปสัมผัสบริเวณอื่น


การป้องกัน


1.การสวมถุงยางจะป้องกันได้เฉพาะผิวหนังขององคชาติและช่องคลอดเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันผิวหนังบริเวณอื่น


2.ช่วงที่เป็นโรคไม่ควรจะมีเพศสัมพันธ์


3.ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว


สะท้อนความคิด

-ทำไมถึงสนใจศึกษาโรคนี้ 

ข้าพเจ้าสนใจที่จะศึกษาโรคนี้เพราะโรคหูดหงอนไก่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้ชายเเต่สามารถเกิดขึ้นกับผู้หญิงได้ด้วย


   
-คิดอย่างไรกับโรคนี้

โรคหูดหงอนไก่เป็นโรคที่น่ากลัว
    


แหล่งอ้างอิง

https://www.bangkokhealth.com/index.php/2009-01-19-03-19-57/1193--condyloma-acuminata-Thursday Aug 06


https://www.pyynet2009.com/index.php?option=com_content&view=article&id=59:-condyloma-acuminata&catid=34:demo-category

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

  

             โรคหูดหงอนไก่ในหญิงตั้งครรภ์มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่

โรคหูดหงอนไก่ (genital wart, condyloma acuminata) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง ลักษณะเป็นหูดที่เกิดที่อวัยวะเพศ รวมทั้งที่ทวารหนัก สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อเรียกว่า human papilloma virus โดยทั่วไปมักพบเป็นติ่งเนื้อสีชมพูรวมกันเป็นก้อนคล้ายหงอนไก่ ตำแหน่งที่พบบริเวณแคมช่องคลอดและปากมดลูกของเพศหญิง ปกติโรคหูดหงอนไก่จะไม่มีอาการอะไร เว้นเสียแต่อาจมีการฉีกขาดเลือดออก หรือติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม จึงทำให้เกิดการอักเสบเป็นหนองได้ จำนวนและขนาดของหูดจะใหญ่ขึ้นในขณะตั้งครรภ์คะ
ในประเด็นของการผ่า ตัดคลอด ในมารดาที่เป็นโรคหูดหงอนไก่นั้นไม่มีข้อบ่งชี้ให้ทำการผ่าตัดคลอด ยกเว้นแต่ว่าหูดหงอนไก่มีขนาดใหญ่มากและอาจทำให้เสียเลือดปริมาณมากขณะคลอด ก็จะทำการผ่าตัดคลอดลูกคะ
การักษามีหลายวิธีแล้วแต่ขนาดของติ่งเนื้อ การจี้ก็เป็นวิธีหนึ่งถ้าขนาดของหูดเล็กก็น่าจะหายได้เวคะ แต่ไม่แนะนำให้คุณแม่ซื้อยามารักษาเองควรรับการรักษาจากแพทย์จะดีที่สุดคะ
ขอให้คุณแม่คลอดน้องปลอดภัยนะคะ
                   Link      https://www.dumex.co.th

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด