https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
กระเนื้อ เสี่ยงเป็นมะเร็งหรือไม่? MUSLIMTHAIPOST

 

กระเนื้อ เสี่ยงเป็นมะเร็งหรือไม่?


4,440 ผู้ชม

กระเนื้อ เกิดจากอะไร เป็นอันตรายหรือไม่ และป้องกันกระเนื้อได้อย่างไร...


กระเนื้อ เสี่ยงเป็นมะเร็งหรือไม่?

เป็นผลจากการเจริญผิดปกติของผิวหนังส่วนบนลักษณะเป็นตุ่มแบน ผิวอาจดูขรุขระเล็กน้อย มีสีแตกต่างกันได้ตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนกระทั่งสีดำมีขนาดตั้งแต่เป็นจุดเล็ก จนกระทั่งใหญ่เป็นเซนติเมตรก็ได้ ตุ่มมีลักษณะพิเศษ คือ ดูคล้ายตุ่มนั้นแปะบนผิวหนัง


กระเนื้อเกิดจากอะไร
?

แทบทุกคนเมื่ออายุมากขึ้น จะพบกระเนื้อมากบ้างน้อยบ้าง ยิ่งเข้าสู่วัยชราก็จะพบได้บ่อยขนาดใหญ่และมีจำนวนมาก เชื่อว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังตามอายุ นอกจากนี้อาจพบมากขึ้นขณะตั้งครรภ์ ตามหลังการให้ยาฮอร์โมนบางชนิด จึงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดด้วย


กระเนื้อเกิดขึ้นที่ใดในร่างกายได้บ้าง

กระเนื้อพบบ่อยที่บริเวณหน้าอก หลัง ใบหน้า คอ และหนังศีรษะ แต่จริง ๆ แล้วสามารถเกิดได้ทุกตำแหน่งของร่างกาย โดยในระยะแรกจะเป็นตุ่มสีน้ำตาลอ่อน ต่อไปจะขยายใหญ่นูนหนาขึ้น สีเข้มและผิวขรุขระมากขึ้น

จะกลายเป็นมะเร็งหรือไม่?

ดังที่กล่าวแล้วว่าแทบทุกคนจะมีกระเนื้อเมื่ออายุมากขึ้น ถ้ากระเนื้อไม่ได้เกิดขึ้นจำนวนมากอย่างรวดเร็วแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติอื่นในร่างกาย แต่เนื่องจากกระเนื้อมักจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และถ้ามันอยู่ในบริเวณที่กระทบกระแทกง่าย หรือเราไปแกะเกาทำให้มีเลือดออกก็ขอแนะนำให้รักษา กระเนื้อที่มีสีดำมาก บางครั้งแยกยากจากมะเร็งผิวหนังบางอย่าง ในกรณีเช่นนี้ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

จะป้องกันการเกิดกระเนื้อได้อย่างไร?
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันการเกิดกระเนื้อที่ได้ผล

 

จะรักษาอย่างไร ?
 วิธีรักษามีหลายวิธี คือ

 1.  จี้ไฟฟ้า ก่อนจี้จะต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ฉีดทาบริเวณรอยโรค แล้วจี้บริเวณรอยโรคด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า หลังจากนั้นขูดเนื้อเยื่อบริเวณที่จี้ออก วิธีนี้จะมีแผลตื้น ๆ บริเวณที่ขูดซึ่งจะหายภายใน 1สัปดาห์
 2.  จี้ด้วยสารเคมี เช่น กรดไตรคลออะซิติค วิธีนี้ไม่ต้องใช้ยาชา แต่จะมีอาการแสบบ้างบริเวณตำแหน่งที่จี้ การจี้จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายและหลุดออก ข้อเสีย คือ ถ้ากระเนื้อหนามากอาจหลุดไม่หมด หรือต้องจี้หลายครั้ง
 3.  จี้ด้วยไนโตรเจนเหลว วิธีนี้จะทำให้เกิดตุ่มน้ำพองขึ้นใต้รอยโรค ซึ่งต่อไปจะแห้งเป็นสะเก็ดแล้วหลุดไปใน 2-3 สัปดาห์ ข้อเสียคือบางครั้งอาจเกิดรอยดำหรือขาวหรือแผลเป็นบริเวณรอยโรค สำหรับรอยดำหรือขาวที่เกิดจะจางไปได้ตามเวลา

มีจุดน้ำตาลออกดำที่ผิวหนังเป็นกระเนื้ออย่างเดียวใช่หรือไม่
 ? 

ไม่ใช่ มีโรคผิวหนังอีกหลายโรคที่ให้ลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น

 1.  หูด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่เรียกว่า Human papilloma virus ผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อจะเป็นตุ่มนูนแข็งผิวขรุขระ แต่สีมักเป็นสีเนื้อหรือน้ำตาลอ่อน
 2.  ไฝ
 3.  การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังจากแสงแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ผิวขาวที่อาชีพการงานต้องออกแดด เป็นระยะเวลานาน ๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลสะสม เห็นผิวหนังเป็นจุดหรือปื้นดำ ๆ มักพบบริเวณใบหน้า คอ แขนด้านนอก หลังมือ
 4.  มะเร็งผิวหนังบางชนิด บางครั้งแยกจากกระเนื้อยาก ข้อสังเกตคือ ถ้ารอยโรคนั้นโตเร็วมีแผลมีเลือดออก หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

ขอบคุณเนื้อหาจาก www.si.mahidol.ac.th คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มา  สนุกออนไลน์

อัพเดทล่าสุด