https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
แนะนำวิธีการ ดูแลแผลหลังคลอด ทั้งแผลฝีเย็บและแผลผ่าคลอด ให้ถูกวิธี MUSLIMTHAIPOST

 

แนะนำวิธีการ ดูแลแผลหลังคลอด ทั้งแผลฝีเย็บและแผลผ่าคลอด ให้ถูกวิธี


3,334 ผู้ชม

สำหรับคุณแม่หลังคลอด ทั้งที่คลอดเองตามธรรมชาติ หรือ ผ่าตัดคลอด ต่างต้องรู้จักดูแลแผลหลังคลอดให้ถูกวิธีนะ


แนะนำวิธีการ ดูแลแผลหลังคลอด ทั้งแผลฝีเย็บและแผลผ่าคลอด ให้ถูกวิธี


สำหรับคุณแม่หลังคลอด ทั้งที่คลอดเองตามธรรมชาติ หรือ ผ่าตัดคลอด ต่างต้องรู้จักดูแลแผลหลังคลอดให้ถูกวิธีนะคะ การดูแลแผลฝีเย็บที่ถูกวิธีสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นด้วยค่ะ ส่วนการดูแลแผลผ่าคลอด เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อและแผลเป็นนูน มาดูกันค่ะว่า วิธีการดูแลแผลหลังคลอดที่ถูกต้องนั้นทำอย่างไร?

วิธีดูแลแผลฝีเย็บ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น

1.หลังคลอดใหม่ ๆ สามารถวางถุงเย็นรอบ ๆ ที่บริเวณปากช่องคลอด แต่ต้องระวังอาจมีฤทธิ์ของยาชาที่ทำให้ไม่รู้สึกว่าหนาวหรือร้อนเกินไปจนทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง

2.กินยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรืออาจใช้ครีมหรือสเปรย์ที่ใช้ลดอาการเจ็บปวด ซึ่งควรปรึกษาคุณหมอ

3.ระยะแรกควรล้างแผลฝีเย็บด้วยน้ำต้มสุกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ต่อมาจึงใช้น้ำสะอาดล้าง โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาล้างแผลหรือน้ำเกลือ หลังจากล้างแผลแล้วใช้ผ้าสะอาดซับแห้ง

4.รักษาบริเวณปากช่องคลอดให้แห้งและสะอาด เมื่ออาบน้ำปกติคือ เช้า-เย็น แล้วซับฝีเย็บให้แห้ง เลือกใช้กางเกงในชนิดผ้าฝ้ายซึ่งสามารถระบายความอับชื้นได้ดีกว่าผ้าไนลอน และควรเปลี่ยนผ้าอนามัยที่ใช้ซับน้ำคาวปลานาน 7-10 วัน เปลี่ยนให้บ่อย ๆ นะคะ อย่าปล่อยให้หมักหมม หรือมีกลิ่น เพราะความชื้นแฉะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ข้อสำคัญ ไม่ควรใช้ชนิดสอดเพราะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย

5.ทุกครั้งที่มีการปัสสาวะหรือถ่ายอุจจาระ ควรจะล้างทำความสะอาดไปทางด้านหลัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากทวารหนักหรือจากช่องปัสสาวะที่ปกติจะมีเชื้อโรคอยู่

6.แผลฝีเย็บจะหายภายใน 7 วัน โดยไม่ต้องตัดไหม เพราะปัจจุบันคุณหมอจะเย็บด้วยไหมที่ละลายได้เอง

การพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อคุณแม่กลับบ้านไปแล้ว  หน้าที่ในการเลี้ยงลูกอาจทำให้คุณแม่พักผ่อนน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามแนะนำว่าหากช่วงที่ลูกน้อยนอนหลับให้คุณแม่นอนหลับด้วยนะคะ ควรจะพักผ่อนให้ได้ 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงทานอาหารที่มีประโยชน์ และงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังคลอด และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น  แผลบวมแดง  หรือปวดแผลมากขึ้น มีไข้ มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือสีน้ำคาวปลาไม่จางลง แบบนี้ต้องรีบปรึกษาคุณหมอโดยด่วนนะคะเพราะอาจเกิดการติดเชื้อก็เป็นได้

การดูแลแผลผ่าคลอด ไม่ให้เป็นแผลเป็น

สำหรับคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง จะได้คำแนะนำจากทางโรงพยาบาลเกี่ยวกับการดูแลแผลว่า ไม่ให้โดนน้ำ  แต่ปัจจุบันทางโรงพยาบาลจะใช้พลาสเตอร์กันน้ำ  สามารถอาบน้ำได้และไม่ต้องทำแผลจนถึงวันนัดตัดไหม ซึ่งในอดีตคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดต้องเช็ดล้างทำความสะอาดแผลทุกวัน แต่ปัจจุบันไม่ต้องทำเช่นนั้นแล้วค่ะ  หลังจากคุณหมอนำพลาสเตอร์ออกประมาณ 1 -2 วันก็อาบน้ำได้ตามปกติ และใช้ผ้าสะอาดเช็ดแผลให้แห้ง ไม่จำเป็นต้องเช็ดด้วยแอลกอฮอล์  สะเก็ดแผลห้ามแคะแกะเกานะคะ ควรปล่อยให้สะเก็ดแผลหลุดไปเอง

ในช่วง 3 เดือนแรกแผลมีโอกาสเป็นคีลอยด์สูง หมายถึง แผลที่มีลักษณะนูนแดง วิธีป้องกันคือ ไม่ควรยกของหนัก หลีกเลี่ยงการเดินขึ้นบันได ระมัดระวังการลุกนั่งจากท่านั่งหรือนอน และไม่ควรทำให้กล้ามเนื้อท้องต้องยืดเหยียดจนแผลตึงมากเกินไป เพราะจะทำให้กระตุ้นร่างกายให้สร้างเส้นใยคอลลาเจนหนา ๆ เพื่อทำให้แผลหนาแน่นขึ้น จนกลายเป็นแผลนูนนั่นเอง  ซึ่งทางโรงพยาบาลจะจัดยาสำหรับทาแผลคีลอยด์กลับมาด้วย  ซึ่งยาดังกล่าวมีส่วนผสมของวิตามินอีและอาจมีสเตียรอยอ่อน ๆ ก็สามารถลดการนูนของแผลลงได้

ได้ทราบวิธีการดูแลแผลหลังคลอดทั้งแผลฝีเย็บและแผลผ่าคลอดกันแล้วนะคะ  ไม่ยากเลยค่ะ  เน้นเรื่องการรักษาความสะอาดเป็นสำคัญ  และไม่ควรทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่หักโหมกับร่างกายมากนัก เพราะไม่เป็นผลดีต่อคุณแม่เลย

ขอบคุณที่มา : www.maerakluke.com

อัพเดทล่าสุด