https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
โรคด่างขาว "วิติลิโก้" MUSLIMTHAIPOST

 

โรคด่างขาว "วิติลิโก้"


722 ผู้ชม


โรควิติลิโก หรือ โรคด่างขาว เกิดจากการทำลายตัวเซลส์สร้างสี ที่ผิวหนังเป็นหย่อม ๆ ส่งผลให้ผิวหนังเกิดรอยขาวขึ้น  

โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

www.daradaily.com

โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

          การจากไปก่อนเวลาอันควร ด้วยวัยเพียง 50 ปี ของไมเคิล แจ็คสัน เจ้าของฉายา " ราชาเพลงป๊อป " ได้ทิ้งปริศนาเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องของสีผิวที่เปลี่ยนจากดำเป็นขาว ถึงขั้นมีการตั้งสมมติฐานกันไปต่าง ๆ นานาว่า เขาใช้วิทยาการสมัยใหม่ ที่รวมถึงการฉีดสารบางอย่างเข้าไปด้วย แม้เขาจะไปออกรายการของเจ้าแม่ทอล์ค โชว์  
"โอปราห์ วินฟรีย์ " เมื่อปี 2536 และบอกกับเธอว่า เขาไม่ได้ฟอกสีผิว มีคนบอกว่าเขาเกลียดสิ่งที่เขาเป็น ซึ่งหมายถึงการเป็นคนผิวดำแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เขาไม่คิดว่าการฟอกสีผิวจะมีในโลก แต่เขาเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "วิติลิโก้ " หรือ โรคด่างขาว ส่วน วินฟรีย์วิติลิโก้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "โรคด่างขาว" เป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของสีผิว จากการที่เซลส์ที่สร้างเม็ดสี ( melanocytes ) ถูกทำลายจนหายไป ทำให้ผิวหนังเปลี่ยนแปลงจากสีปกติเป็นสีขาวมีขอบเขตชัด รอยขาวนี้จะมีหลายรูปแบบ เป็นวงเดียวหรือหลายวงก็ได้

        โรควิติลิโก หรือ โรคด่างขาว เกิดจากการทำลายตัวเซลส์สร้างสี ที่ผิวหนังเป็นหย่อม ๆ ส่งผลให้ผิวหนังเกิดรอยขาวขึ้น ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัด บางครั้งอาจมาจากการถูกแดดเผา หรือความเครียดทางอารมณ์ แต่ยังมีทฤษฎีอีก 3 ข้อ ที่เป็นไปได้ คือ

           1. ระบบประสาท เชื่อว่า สารที่หลั่งมาจากปลายเซลส์ประสาท เป็นสารที่ทำลายเซลส์สร้างสีได้

           2. กระบวนการสร้างสีของตัวเซลส์ สร้างสีเอง และเกิดสารพิษขึ้น กระบวนการได้ทำลายเซลส์
สร้างสีโดยอัตโนมัติ

           3. ร่างกายสร้างสารต่อต้านเซลส์สร้างสีของตัวเอง จึงเกิดการทำลายเซลส์สร้างสี และเห็นเป็นรอยขาว

ลักษณะของโรค เริ่มจากผื่นราบมีสีขาวคล้ายชอล์ค ขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตร จนถึงหลายเซ็นติเมตร รูปร่างกลมรี ถ้ามีการอักเสบขอบจะแดงชัด และนูนขึ้น อาจมีอาการคันด้วย คนที่มีผิวดำอาจเป็นโรควิติลิโกได้ทุกเวลา ในกรณีที่อาการร้ายแรงก็อาจถึงขั้นสูญเสียผิวเดิมไปเลยทั้งร่างกาย มีแต่ดวงตาเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนสี แต่ไม่อาจทำนายได้ว่า คนไหนจะอาการมากน้อยเพียงใดผู้ป่วยโรควิติลิโก แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

          1. ด่างขาวบริเวณเดียว (Focal type) มีจำนวนรอยขาววงเดียว หรือมากกว่า ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย มักเกิดในคนอายุน้อย 

         2. รอยขาวเป็นกลุ่ม (Segmental type) มักเกาะกลุ่มเรียงกัน คล้ายเรียงไปตามเส้นประสาทอยู่ข้างเดียวกัน มักเกิดในคนอายุน้อย

        3. รอยด่างขาวกระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ทั่วไป (Vulgaris type) เป็นแบบที่พบมากที่สุด มักพบ ในผู้ใหญ่ และมักลามมากขึ้นเรื่อย ๆ รักษาค่อนข้างยาก

        4. รอยขาวที่ปลายนิ้ว (Acrofacial type) มักเป็นที่ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า รอบริมฝีปาก พบในผู้ใหญ่และมักลามขึ้นเรื่อย ๆ 

       5. ด่างขาวเกือบทั้งตัว (Universal type) เป็นกระจายเกือบทั่วร่างกาย เหลือบริเวณสีปกติเพียงเล็กน้อย พบในผู้ใหญ่

        โรคนี้ ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่เป็นอุปสรรคด้านความสวยความงาม การหลีกเลี่ยงก็คือ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ มีรายงานด้วยว่า การเสียดสีของเสื้อผ้าและเครื่องประดับก็มีผลต่ออาการระคายเคืองเช่นกัน และที่สำคัญคือต้องปกป้องผิวหนังจากแสงแดด เนื่องจากผิวขาวจากรอยด่างขาว เมื่อถูกแสงอาทิตย์จะไม่กลายเป็นสีแทน แต่จะไหม้เกรียม ต้องสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายมิดชิด อย่าออกข้างนอกในช่วงที่แดดแรง หรือการใช้เครื่องสำอางช่วยอำพรางรอยด่าง โดยเฉพาะผิวหน้า และที่สำคัญคือต้องใช้เครื่องสำอางชนิดกันน้ำ ผู้ป่วยมักทายาที่ผสมสเตียรอยด์ ที่บริเวณใบหน้าและลำคอ หรือใช้ยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงาน และการแบ่งตัวของเซลส์สร้างสีเมื่อได้รับแสงอุลตร้าไวโอเลต มีทั้งยากินและยาทาผู้ป่วยอาจต้องตากแดดหรือฉายแสงในเวลาที่แพทย์กำหนด แต่วิธีนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง หรือเป็นตุ่ม ถ้าไม่ระวังขนาดของยาและแสง และวิธีสุดท้ายคือการปลูกเซลส์สร้างสี ด้วยการลอกผิวหนังที่เป็นโรคทิ้ง นำผิวหนังที่มีเซลส์สร้างสีอยู่มาปลูกถ่ายแทน วิธีนี้ได้ผล แต่ทำได้ครั้งละไม่มากและต้องทำหลายครั้ง

ประเด็นจากข่าว 

            วันนี้จะสอนเรื่อง Sickness  มีความหมายถึง  "อาการเจ็บไข้" ซึ่งสามารถบอกถึงอาการเจ็บไข้โดยใช้รูปประโยค Subject + have / hzs + อาการไม่สบายต่างๆ

เนื้อหาสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษช่วงชั้นที่ 2

เนื้อเรื่อง

               อาการเจ็บไข้ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Sickess โดยใช้รูปประโยค Subject + have / hzs + อาการไม่สบายต่างๆ

                               เช่น               Tip    has   a  headache              โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

                                                     I  have  a  toothache.                โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

                                                     Joey     has  a  cold.                 โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

                                                      She  has  a  stomachache.       โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

                                                      He  has  a  sore  throat.   โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

                                                       They   have  diarrhea                  .โรคด่างขาว "วิติลิโก้" 

                                                        The  baby   has  an earache.         โรคด่างขาว "วิติลิโก้"

การตั้งคำถามเพื่อนำสู่การอภิปราย

                  อาการเจ็บไข้เกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ไม่ดูแลสุขภาพ ใช่หรือไม่

                  เมื่อมีอาการเจ็บไข้ต่างๆ อาการเหล่านั้นภาษาอังกฤษใช้อย่างไร

เพิ่มเติม  มีดบาดนิ้ว ใช้รูปประโยค ประธาน + cut + อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น   I  cut  my  hand.

กิจกรรมเสนอแนะ

                บูรณาการกับสาระสุขศึกษา

ขอบคุณข้อมูล: จากหนังสือเรียนแม็ค
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1095

อัพเดทล่าสุด