ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้ MUSLIMTHAIPOST

 

ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้


1,026 ผู้ชม


ถ้าเด็กกินอาหารที่อุดมด้วยผัก ผลไม้ จะทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตอนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้   

         มีคำแนะนำจากองค์การวิจัยมะเร็งโลกว่า  ถ้าเด็กกินอาหารที่อุดมด้วยผัก ผลไม้ และข้าวที่ไม่ได้สีขัดจนเกินไปให้มากขึ้น จะทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตอนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ 
( ที่มา  https://www.thairath.co.th/content/life/82731 ) 

                                     ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้

                                                         ภาพที่  1   ผักผลไม้
                                                (https://campus.sanook.com/u_life/knowledge_02642.php)

         จากการที่พืช ผัก ผลไม้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ก็คือ วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน ซึ่งจากการวิจัยพบว่าเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจซึ่งเบต้าแคโรทีน จะมีมากในผลไม้ที่มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สุก  มะละกอสุก  กล้วยไข่  พวกผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก เช่น ฝรั่งกลมสาลี่   มะขามป้อม  และพวกมีวิตามินอีสูง เช่น  ขนุน  มะขามเทศ และผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ชนิดมากก็คือ  มะเขือเทศราชินี   ค่ะ
                                   ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้
                                      ภาพที่  2  มะเขือเทศราชินี(มีสารเบ้ตา - เคโรทีนอยู่สูง)
                                      (ที่มา https://gotoknow.org/file/bd2499/tomato.jpg)

  ** มาศึกษารายละเอียดของสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้ง 3 สารนี้กันนะคะ **

 เนื้อหาเกี่ยวข้องกับ  กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์    ทุกระดับชั้น  และผู้สนใจทั่วไป

เรื่อง    สารต้านอนุมูลอิสระ

           สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) คือสารที่มีสมบัติยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ มีทั้งที่เป็นสารจากธรรมชาติ (natural antioxidant) และสารสังเคราะห์ (synthetic antioxidant)และมีฤทธิ์ทำลายอนุมูลอิสระที่ร่างกายได้รับ ได้แก่ ควันบุหรี่  แอลกฮอลล์ รังสี UV เอ็กซเรย์ ให้กลายเป็นสารที่ไม่มีอันตรายต่อเซลล์
ร่างกาย สามารถป้องกันหรือซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์ร่างกายจากออกซิเจนได้  สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) แคโรทีนอยด์
                                  ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้
                                         ภาพที่  3   พืช ผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
                                              (https://www.caswells-moms.com/e-shop/images/categories/FreshFruitVegetable.jpg)

            
          สารอาหารต้านอนุมูลอิสระร่างกายมีระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินที่ร่างกายได้รับที่มีคุณสมบัติใน
การต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ แคโรทีนอยด์ (แหล่งกำเนิดของวิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ซิลิเนียม และแมงกานีส โดยสารอาหารเหล่านี้จะทำหน้าที่ร่วมกับเอ็นไซม์ในร่างกายเพื่อป้องกันเซลล์ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ

          วิตามินซี 
          
          วิตามินซี ( vitamin C) หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก ( L-ascorbic acid) หรือ 
แอล-แอสคอร์เบต ( L-ascorbate) 
เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นเองได้ 
จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้

          ประโยชน์
          
          1. เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นตัวสร้างกระดูก 
          ฟัน เหงือก และเส้นเลือด 
          2. ช่วยให้แผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น 
          3. ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม 
          4. ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (Mutation) 
          5. ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคนอนหลับตายในกรณีเด็กอ่อน (SIDS: Sudden Infant 
          Death  
Syndrome) 
          6. ช่วยแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน 
          7. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด 
          8. ช่วยคลายเครียด 

                                    ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้
                                        
                                                          
ภาพที่  4  ผลไม้ที่มีวิตามินซี 
                
                                      (https://www.vcharkarn.com/uploads/162/162773.jpg
)

          การฉีดด้วยวิตามินซีปริมาณสูง อาจช่วยหยุดยั้งโรคมะเร็งได้ โดยวิตามินอาจเข้าทำปฏิกิริยาทางเคมีในเซลล์ มะเร็ง ให้กลายเป็นกรดขึ้น ทำให้เนื้อร้ายชะงักและน้ำหนักลดไปได้ 
         
          วิตามินอี 
          
          วิตามินอี เป็นวิตามินที่ช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายหลายระบบ และเป็นแอนติ -
ออกซิแดนท์ที่ช่วยให้เซลล์ต่างๆ รอดอันตรายจากท็อกซิน ช่วยชะลอความแก่ได้

          ประโยชน์
          
          1. เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญโดยมีออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญทำให้ร่างกาย
          เผาผลาญได้ดี 
          2. เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ลดความสามารถ
          ในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ 
          3. บำรุงตับซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมาก 
          4. ช่วยในระบบสืบพันธุ์ เซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ตามปกติ 
          5. ช่วยให้ผิวพรรณสดใส และช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกให้หายเร็วขึ้น 
          6. ช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้นและไม่อ่อนเพลียง่าย 
                                     ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้
                                                               ภาพที่  5  วิตามินอี  
                       
                  (https://simplyway.files.wordpress.com/2009/09/vite.jpg)

          
          เบต้า- แคโรทีน
          
          บีตา-แคโรทีน  เป็นสารตั้งต้นของ วิตามินเอ (โปรวิตามินเอ) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพ
และเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนบีตา-แคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย  สำหรับขนาดรับประทานของวิตามินเอเพื่อรักษาสุขภาพโดยทั่วไปคือ 5,000 หน่วยสากล (IU) ซึ่งเทียบเท่ากับบีตา-แคโรทีน 3 มิลลิกรัม และสำหรับปริมาณที่สมเหตุสมผลของบีตา-แคโรทีนที่แนะนำให้รับประทานต่อวันเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงคือ 15 มิลลิกรัม ในขณะที่การรับประทานเพื่อหวังผลในรักษาจะต้องได้รับในปริมาณ
มากกว่านี้

         ประโยชน์ของบีตา-แคโรทีน
         
        1. ดูแลรักษาผิวพรรณอันเป็นส่วนของร่างกายที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทราบว่าอนุมูลอิสระมีผลต่อเราแล้วหรือยัง เช่น ผิวเริ่มเหี่ยวย่น ไม่ผ่องใส 
        2. ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง อนุมูลอิสระมีผลเกี่ยวข้องกับมะเร็งเนื้อร้าย การลดปริมาณอนุมูลอิสระเท่ากับ
ลดความเสี่ยงของมะเร็ง ทั้งยังพบว่าบีตา-แคโรทีนให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชื่อ ที-เฮลเปอร์ให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง 
        3. บำรุงสุขภาพของดวงตา บีตา-แคโรทีนเมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้วจะได้วิตามินเอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินในดวงตาส่วนเรตินา ทำให้ตามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ และยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกด้วย 
        4. ชะลอความแก่ บีตา-แคโรทีนให้ผลในการลดความเสื่อมของเซลล์จากอนุมุลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก
ที่ทำให้เกิดกระบวนการแก่ 

                                     ต้านมะเร็งด้วยผักผลไม้
                                                               ภาพที่  6  มะละกอสุก                                     
                           
    (ที่มา https://thaigril.joomlathaihosting.0lx.net/main/images/stories/23.jpg)

        
  **  ดังนั้นจงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี  มีภูมิคุ้มกัน และปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ได้ด้วยค่ะ  **

คำถาม VIP ชวนคิด

        1. สารต้านอนุมูลอิสระคืออะไร
        2. ยกตัวอย่างสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในผักและผลไม้
        3. เบต้าแคโรทีน มีประโยชน์อย่างไร
        4. ในผลไม้ชนิดใดมีวิตามินซีสูง 
        5. วิตามินอีมีฤทธิ์ต้านโรคมะเร็งได้อย่างไร
       
กิจกรรมเสนอแนะ

        1.ให้นักเรียนเสนอวิธีการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ทำได้อย่างไรบ้าง
        2.ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายการเลือกใช้รับประทานผัก ผลไม้ประเภทใดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
   
การบูรณาการ

        1. ให้นักเรียนสำรวจชนิดผัก และผลไม้ที่น่าจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ด้วย
        2. ให้นักเรียนเขียนเรียงความเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ ในผักผลไม้
        3. ให้นักเรียนเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ชุมชนบริโภคผักผลไม้ที่มีประโยชน์เพื่อสุขภาพชีวิตที่ดี
             
แหล่งข้อมูลอ้างอิง

      1. https://www.thairath.co.th/content/life/82731
      2. https://campus.sanook.com/u_life/knowledge_02642.php
      3. https://th.wikipedia.org/wiki/สารต้านอนุมูลอิสระ
      4. https://th.wikipedia.org/wiki/บีตา-แคโรทีน
      5. https://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินซี 
      6. https://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินอี

 
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2491

อัพเดทล่าสุด