ปตท.สผ.ได้สิทธิ สำรวจปิโตรเลียม ชายฝั่งอินโดนีเซีย MUSLIMTHAIPOST

 

ปตท.สผ.ได้สิทธิ สำรวจปิโตรเลียม ชายฝั่งอินโดนีเซีย


579 ผู้ชม


การสำรวจแหล่งปิโตรเลียม   


             บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ ปตท.สผ.ชนะการประมูล
สิทธิสำรวจปิโตรเลียมจากการเปิดประมูลสิทธิปิโตรเลียมประเทศอินโดนีเซียปี 2552/2553 
 โดย ปตท.สผ.และบริษัท ทาริสแมน (เอเชีย)จำกัด ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับ
สิทธิสำรวจปิโตรเลียมในแปลงมาลุนด้า แปลงเซาท์ แมนด้าร์  แปลงซาดัง  และแปลงเซาท์ ซาการี  
 ได้มีการลงนามในสัญญาแบ่งปันผลประโยชน์  ในแปลงดังกล่าวกับหน่วยงานของรัฐบาลอินโดนีเซียแล้ว
 

 ที่มา  : https://www.ryt9.com/s/nnd/904354
 
ประเด็นการศึกษา  “การสำรวจแหล่งปิโตรเลียม”
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  วิชาเคมี  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ปิโตรเลียม
 
           ปิโตรเลียมหมายถึง  สารที่ขุดเจาะขึ้นมาจากใต้ดิน  ซึ่งประกอบด้วยแก๊สธรรมชาติ  
แก๊สธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบรวมทั้งสารพลอยได้อื่นๆ ซึ่งอยู่ในสภาพอิสระ ซึ่งเกิดจากการ
ทับถมของซากพืชและสัตว์ซึ่งตายและจมลงสู่ก้นทะเลเป็นเวลานาน ๆ นับล้านปี น้ำทะเลจะ
พัดพาเอาทรายและหินมาทับถมกันไป   นานวันเข้าก็จะกดทับให้ซากพืชซากสัตว์เหล่านั้นจมอยู่เบื้องล่างลึกลงไป  เนื่องจากไม่มีจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บนส่วนลึกที่มีแรงดันสูง  อีกทั้งยังเป็นสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน  ซากสัตว์ที่ทับถมกัน  จึงไม่สามารถเกิดการย่อยสลายได้เหมือนบนบก  แต่จะกลายไปเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนหลายชนิดปะปนกัน     มีทั้งสารที่มีสถานะเป็นของเหลว  คือ น้ำมันดิบ หรือน้ำมันปิโตรเลียม  และที่เป็นแก๊สคือ  แก๊สธรรมชาติ  เป็นต้น   โดยทั่วไป  ปิโตรเลียมถูกกักเก็บภายใต้พื้นผิวโลกในชั้นหินดินดานที่ระดับประมาณ  1-3
กิโลเมตร  ชั้นหินที่สามารถกักเก็บปิโตรเลียมไว้ได้ประกอบด้วยชั้นหินทึบซึ่งช่วยป้องกันการระเหยของปิโตรเลียม  และชั้นหินที่มีรูพรุนสามารถอุ้มน้ำมันที่พบอาจมีองค์ประกอบต่าง ๆ     ไม่เท่ากันได้ตามแหล่งที่พบ  แหล่งปิโตรเลียมที่อยู่พบ บนผิวโลกไม่ได้อยู่ใต้ทะเลหรือมหาสมุทรก็มีอยู่เช่นกัน

             การสำรวจแหล่งปิโตรเลียมต้องใช้หลายวิธีประกอบกัน
  1.การสำรวจทางธรณีวิทยา
    1.1 จากแผนที่
    1.2 จากภาพถ่ายทางอากาศ
    1.3 จากภาพถ่ายดาวเทียม
    1.4 จากรายงานทางธรณีวิทยา
             จากการสำรวจแบบนี้ทำให้คาดคะเนได้ว่าจะมีโอกาสพบโครงสร้างและชนิดของหิน
ที่เอื้ออำนวยต่อการเก็บกักปิโตรเลียมในบริเวณนั้นมากน้อยแค่ไหน
  2.การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์
    2.1  จากการวัดคลื่นความสั่นสะเทือนทำให้ทราบรูปร่างและลักษณะ
โครงสร้างของแหล่งชั้นหินอย่างละเอียด  ทำให้นักธรณีวิทยาสามารถระบุได้ว่า
ชั้นหินบริเวณใดมีโอกาสเป็นแหล่งปิโตรเลียมและมีปริมาณมากน้อยเพียงใด
    2.2 จากการวัดความเข้มของสนามแม่เหล็กทำให้ทราบชนิด  ความหนา  
 ขอบเขต  ความกว้างของแอ่งความลึกของชั้นหิน
    2.3 จากการวัดค่าแรงโน้มถ่วงของโลก  ทำให้ทราบว่าชั้นหินบริเวณนั้น
เป็นหินชนิดใด
                จากการสำรวจแบบนี้ช่วยให้สันนิษฐานว่าจะมีแหล่งกักปิโตรเลียมหรือไม่
                ผลการสำรวจทั้งสองแบบจะใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้น  สำหรับค้นหาแหล่งกักเก็บ
ปิโตรเลียมที่แน่นอนเพื่อทำการขุดเจาะต่อไป  การเจาะสำรวจเป็นขั้นตอนที่บอกให้ทราบถึง
ความยากง่ายของการขุดเจาะปิโตรเลียมมาใช้  และสิ่งที่กักเก็บจะเป็นแก๊สธรรมชาติหรือ
น้ำมันดิบ เมื่อมีการสำรวจพบแล้ว  ถ้าหลุมใดมีความดันภายในสูง  ปิโตรเลียมก็จะถูกดันไหล
ออกมา  แต่ถ้าหลุมใดมีความดันต่ำจะต้องมีการเพิ่มแรงดันจากภายนอกเข้าไป ซึ่งทั้งน้ำมันดิบ
และแก๊สธรรมชาติก่อนจะนำไปใช้ประโยชน์  จะต้องนำมาผ่านกระบวนการแยกสารผสมเพื่อ
ให้ได้สารที่มีสมบัติเหมาะสมกับการใช้งาน

ประเด็นคำถาม
1.เหตุที่พบปิโตรเลียมในที่บางแห่งทั้ง ๆที่มีพืชหรือสัตว์อาศัยอยู่ทั่วไปบนผิวโลก
2.บริเวณที่น้ำมันดิบหรือน้ำมันปิโตรเลียมถูกกักเก็บไว้  จะมีลักษณะอย่างไร
3.ในการสำรวจน้ำมันปิโตรเลียมมีวัตถุประสงค์อย่างไร 

กิจกรรมเสนอแนะ

      นักเรียนทำโครงการสำรวจแหล่งปิโตรเลียม

การบูรณาการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ  คำศัพท์เกี่ยวกับ การขุดเจาะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ขนาด รูปทรงทางเรขาคณิต

ที่มา  :  จันทรา  ชาญนุวงศ์  แผนการจัดการเรียนรู้วิชาเคมี  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

 ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2755

อัพเดทล่าสุด