https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
โรคเอดส์ MUSLIMTHAIPOST

 

โรคเอดส์


574 ผู้ชม


โรคเอดส์ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Acquired Immune Deficiency Syndrome มีชื่อโดยย่อว่า AIDS = เอดส์   

โรคเอดส์

โรคเอดส์ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Acquired Immune Deficiency Syndrome มีชื่อโดยย่อว่า AIDS = เอดส์

โรคเอดส์ คือ โรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่องจนไม่สามารถต่อสู้เชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ง่ายกว่าคนปกติ

ขณะนี้โรคเอดส์กำลังระบาดในทวีปอเมริกา ยุโรป อาฟริกา แคนนาดา โรคนี้ได้ติดต่อมาถึงบางประเทศในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย

โรคเอดส์เกิดจากอะไร

โรคเอดส์เกิดจากเชื้อไวรัส มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Human Immunodeficiency Virus (HIV)

โรคเอดส์เป็นกับใครบ้าง

โรคเอดส์ส่วนใหญ่ที่พบในประเทศไทย มักเกิดในพวกรักร่วมเพศ ชายที่เปลี่ยนคู่บ่อย ๆ ปัจจุบันพบว่าเกิดในพวกรักต่างเพศได้ โดยเฉพาะในเพศชายที่ชอบเที่ยวโสเภณี

โรคเอดส์ติดต่อกันได้อย่างไร

โรคเอดส์ติดต่อกันได้หลายทาง แต่ที่สำคัญ และพบบ่อย ได้แก่

การร่วมเพศกับผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือมีเชื้อโรคเอดส์
การรับถ่ายเลือดจากผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือมีเชื้อโรคเอดส์
การใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด หรือร่วมกับผู้ป่วยโรคเอดส์

จากแม่ที่ตั้งครรภ์ป่วยเป็นโรคเอดส์ ติดต่อไปถึงลูกที่อยู่ในครรภ์
โรคเอดส์ไม่ติดต่อโดยการเล่นด้วยกัน รับประทานอาหารร่วมกัน เรียนร่วมกัน ไปเที่ยวด้วยกัน หรืออยู่ในครัวเรือนเดียวกัน หากไม่มีความเกี่ยวข้องทางเพศ

อาการของโรค

หลังจากได้รับเชื้อโรคเอดส์เข้าไปในร่างกายแล้ว จะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-3 เดือน จึงตรวจพบเลือดบวกต่อโรคเอดส์ ผู้ที่ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องมีอาการทุกคน ระยะฟักตัวก่อนมีอาการแตกต่างกันมากจาก 2-3 เดือน ถึง 5-6 ปี ประมาณกันว่า 25-30% ของผู้ที่ติดเชื้อจะแสดงอาการภายใน 5 ปี อีก 70% จะไม่มีอาการ แต่จะเป็นพาหะของโรค และแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
อาการที่พบในผู้ป่วยโรคเอดส์

อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
มีไข้นานเป็นเดือน ๆ
ต่อมน้ำเหลืองโต
ท้องเดินเรื้อรังจากโรคพยาธิ
มีแผลในปาก และตามผิวหนัง
มีอาการทางสมอง เช่น ชัก อัมพาต
โรคติดเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะปอดบวมจากพยาธิ เชื้อรา วัณโรค ฯลฯ
มะเร็งของต่อมน้ำเหลือง เม็ดเลือด และสมอง ฯลฯ

การวินิจฉัย

โรคเอดส์วินิจฉัยได้จากอาการข้างต้น ประกอบกับการตรวจเลือดบวกต่อโรคเอดส์ วิธีการตรวจเลือดมี 2 วิธี วิธีแรกเรียกว่า Elisa ถ้าพบว่าเลือดบวก จะตรวจยืนยันโดยวิธี Western Blot การตรวจเลือดนี้ไม่จำเป็นต้องทำในคนทั่วไป แต่ควรตรวจในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคนี้สูง ซึ่งได้แก่พวกรักร่วมเพศ ผู้หญิง และชายบริการ ผู้ที่ได้รับการถ่ายเลือดบ่อย ๆ ผู้ติดยาทางเส้นเลือด

การรักษา

ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ การรักษาจึงเป็นการรักษาโรคติดเชื้ออื่น ๆ ที่แทรกซ้อนซึ่งไม่ค่อยได้ผลนัก เพราะผู้ป่วยขาดภูมิต้านทาน และมักเสียชีวิตเนื่องจากโรคติดเชื้อ

การป้องกัน

ไม่สำส่อนทางเพศ ควรสวมถุงยางอนามัยเวลาร่วมเพศกับคนแปลกหน้า พยายามอย่าเปลี่ยนคู่นอนในหมู่รักร่วมเพศ อย่าร่วมเพศกับผู้ป่วย หรือสงสัยว่าเป็นโรคเอดส์
ก่อนรับการถ่ายเลือด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้บริจาคเลือดไม่มีเชื้อโรคเอดส์
อย่าใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด หรือร่วมกับผู้ติดยาเสพติด 

 ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1016

อัพเดทล่าสุด