https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
แม่ท้องผิวสวยอย่างไร ไม่ให้เป็นเหยื่อไวเทนนิ่ง MUSLIMTHAIPOST

 

แม่ท้องผิวสวยอย่างไร ไม่ให้เป็นเหยื่อไวเทนนิ่ง


1,599 ผู้ชม

เมื่อเอ่ยถึงสารทำให้ผิวขาวหรือไวเทนนิ่ง (Whitening) เราคงคุ้นหูกันพอสมควร เพราะเป็น...


แม่ท้องผิวสวยอย่างไร ไม่ให้เป็นเหยื่อไวเทนนิ่ง

 เมื่อเอ่ยถึงสารทำให้ผิวขาวหรือไวเทนนิ่ง (Whitening) เราคงคุ้นหูกันพอสมควร เพราะเป็นส่วนผสมที่มีอยู่แทบทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อการบำรุงรักษาความงาม ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากน้อยเพียงใด หากคุณกำลังมีแผนจะเป็นคุณแม่หรือกำลังตั้งครรภ์ จึงมีข้อควระวังเกี่ยวกับไวเทนนิ่งมาฝากกันค่ะ
ไวเทนนิ่งแบ่งได้ กลุ่ม ตามลักษณะที่เชื่อว่าสารนั้นทำให้ขาวได้อย่างไร ได้แก่
            - กลุ่มที่มีผลยับยังการสร้างเม็ดสี ตัวอย่างเช่น สารไฮโดรควินิน
            - กลุ่มที่มีผลลอกเซลล์ผิวหนังชั้นบน ตัวอย่างเช่น สารที่เป็นกรด ทั้งกรดวิตามินเอ วิตามินซี และกรดผลไม้
            - กลุ่มอื่น ๆ เช่น สารอาร์บูติน  และลิโคริช เป็นต้น
 
            โดยทั่วไปคุณแม่ตั้งครรภ์ใช้ครีมทาผิวได้ทุกชนิดโดยไม่เป็นอันตราย แต่สำหรับยากินที่เป็นกรดวิตามินเอ ซึ่งมักใช้กันในการรักษาสิวจำเป็นต้องระวังอย่างมาก
 กรดวิตามินเอนี้มีทั้งในรูปแบบการกินและการทา จากรายงานแพทย์ทั่วโลกพบว่า กรดวิตามินเอแบบกินมีผลต่อการตั้งครรภ์โดยตรง คือ
            มีผลต่อการสร้างอวัยวะของตัวอ่อนในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงอายุครรภ์ 1-3 เดือนแรก โดยมีผลต่อระบบหัวใจ ระบบประสาท และกระจกตา
            การเกิดผลดังกล่าว ไม่ขึ้นกับระยะเวลาหรือปริมาณที่ใช้ คือการใช้มานานหรือเพิ่งจะใช้ หรือใช้มากหรือน้อย ส่งผลดังกล่าวได้ทั้งนั้น ความรุนแรงขึ้นกับแม่และเด็กแต่ละคน
            ผู้ที่กินกรดวิตามินเอ เพื่อรักษาโรคบางอย่างนั้น จะต้องหยุดยาเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อน (แล้วแต่ชนิดของยา ซึ่งมีตั้งแต่ เดือนจนถึง ปี) จึงจะตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย
 
            โดยเฉพาะในยากินรักษาสิวซึ่งหญิงวัยเจริญพันธุ์เป็นกลุ่มที่มีโอกาสใช้มาก  การใช้ยาเหล่านี้ควรสั่งโดยแพทย์ผิวหนัง
            ไม่กินยารักษาสิวที่มีกรดวิตามินเอเป็นส่วนผสม
            หากจำเป็นต้องได้รับยากิน ควรสอบถามคุณหมอก่อนว่า ถ้าตั้งครรภ์สามารถกินยานั้นได้หรือไม่
            การที่ผิวหนังแตกลายขณะตั้งครรภ์ขึ้นกับสภาพผิวตามพันธุ์กรรม หากกรรมพันธุ์คุณมีผิวแตกง่าย แม้ป้องกันก็แตกได้ค่ะ
            ขนาดและความเร็วของผิวหนังที่ขยาย ถ้าขยายเร็ว ผิวหนังก็จะแตกลายได้
            การใช้ครีมบำรุงหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวขณะตั้งครรภ์ จะช่วยลดการแตกลายของผิวหนังหน้าท้องได้
 
            โดยก่อนสั่งยา แพทย์ผิวหนังจะต้องให้ความรู้แก่ผู้ป่วยก่อนว่าห้ามตั้งครรภ์ในช่วงที่ใช้ยา และจะต้องมีการตรวจการตั้งครรภ์ในรายที่สงสัยก่อนให้ยาทุกราย  ส่วนกรดวิตามินเอแบบทานั้นยังไม่มีรายงานว่ามีผลต่อเด็กในครรภ์ แต่ถ้าหากแม่ท้องกังวลว่าการทาสารดังกล่าวปริมาณมากจะทำให้มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายก็ควรจะเลี่ยงดีกว่าค่ะ

อ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา 
ภาควิชาตจวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ที่มา: siriraj e-pubic library

อัพเดทล่าสุด