บริหารจัดการโบนัสให้คุ้มค่า MUSLIMTHAIPOST

 

บริหารจัดการโบนัสให้คุ้มค่า


692 ผู้ชม


บริหารจัดการโบนัสให้คุ้มค่า




บริหารจัดการโบนัสให้คุ้มค่า

 

Post Today - ถึงเวลานี้คนส่วนใหญ่คงยิ้มแก้มปริกับตัวเลขจากเงินโบนัสประจำปีที่ได้ อาจมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป แต่ก็ถือว่ายังดีที่มีโอกาสได้เงินก้อน (ใหญ่) ส่วนคนที่ได้รับเงินพิเศษหรือสรุปยอดตัวเลขจากยอดบัญชีแล้วปรากฎว่ามีกำรี้กำไร ก็คงจะปลื้มใจในผลประกอบการในปีที่ผ่านมา

เมื่อมีเงินจำนวนมากอยู่ในบัญชี มีหรือที่เราจะปล่อยให้เงินนอนอยู่นิ่งๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้วิธีบริหารจัดการอย่างคุ้มค่า ไม่เช่นนั้นเงินก้อนอาจเกลี้ยงภายในพริบตากับการใช้จ่ายที่ขาดความระมัดระวัง ว่าแล้วก็ลองมาดูวิธีบริหารจัดการเงินโบนัสตามหลักการของบรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนัก เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้ใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังสามารถพัฒนาเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ด้วย

“สุพรทิพย์” แบ่ง 2 ส่วน

เริ่มจาก สุพรทิพย์ ช่วงรังษี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบรนเด็ด เดอะ เอเจนซี จำกัด และเจ้าของร้านเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ “ทิปปี้ แอนด์ แมทธิว” แนะว่าควรจะแบ่งเงินทั้งหมดออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการเก็บออม ส่วนที่เหลืออีก 40 เปอร์เซ็นต์ เตรียมไว้เพื่อใช้จ่าย โดยเธอบอกว่า เงินเมื่อหามาได้แล้วไม่ใช้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเงิน 1 บาท สามารถกระจายไปถึงคนอื่นๆ 6 เท่า ถ้าคนไม่ใช้เงินเลยเศรษฐกิจก็จะไม่เดิน แต่ทั้งนี้จะต้องเลือกใช้ในสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิตประจำวัน เช่น หากเครื่องมือเครื่องใช้ในบ้านจำเป็นจะต้องเปลี่ยนหรือซ่อมแซมก็ให้รีบจัดการเสีย หรืออาจจะใช้สำหรับการพักผ่อน ซึ่งช่วยในแง่ของสุขภาพ แต่หากใครที่มีเงินมากหน่อย ก็อาจจะใช้ในการลงทุน แต่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ขอให้ชะลอไว้ก่อนดีกว่า

“หนูเล็ก” แนะสูตร 40-40-20

ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ทายาทโรงแรมปาร์คนายเลิศฯ สาวไฮโซสุดเปรี้ยวที่มีวิธีบริหารเงินได้น่าสนใจทีเดียว โดยเธอแนะสูตร 40-40-20 นั่นหมายถึง ลงทุน 40 เปอร์เซ็นต์ ฝากธนาคาร 40 เปอร์เซ็นต์ และใช้จ่ายอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเจ้าตัวให้ความเห็นว่า การได้เงินโบนัสในช่วงปีใหม่ทำให้เรามีเงินมากขึ้น แต่ไม่ใช่จะนำไปใช้ทั้งหมด ควรฝากธนาคารและลงทุนให้เป็น เช่นอาจจะลงทุนเป็นสิ่งของ หรืออาจจะซื้อหุ้น ซื้อที่ดิน ส่วนการใช้จ่ายนั้น นอกจากซื้อของให้ตัวเองแล้ว ก็ต้องแบ่งไว้ซื้อของขวัญของที่ระลึกให้กับผู้อื่นเช่นกัน โดยพิจารณาว่าบุคคลที่เราจะให้เป็นใคร และเลือกของให้เหมาะสมกับผู้รับ ไม่จำเป็นต้องเป็นของชิ้นใหญ่หรือมีราคาแพง เพียงแค่การ์ดใบเดียวบางครั้งก็แทนความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่แล้ว

“ศุภลักษณ์” เน้นเศรษฐกิจพอเพียง

ขณะที่ ศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานคณะกรรมการ สยามพารากอน และประธานกลุ่ม เดอะ มอลล์ กรุ๊ป หญิงเหล็กแห่งวงการศูนย์การค้าแนะนำว่า ช่วงเวลานี้ ควรใช้เงินให้คุ้มค่า โดยพิจารณาจากเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับมาเท่าไหร่ก็ใช้อย่างนั้น แต่ต้องใช้แบบคุ้มค่า ทั้งนี้ ควรเก็บเป็นเงินออมไว้ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 70 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการจับจ่ายใช้สอย ซื้อของให้คนที่รัก อาทิ พ่อ-แม่ หรือแฟน แต่ควรจะเป็นของที่มีประโยชน์ต่อการใช้สอย ที่สำคัญคือ คนที่มีรายได้เป็นเงินเดือนอาจชะลอการลงทุนไปก่อนและรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไร

“ณรัณ” ลงทุนแบบคุ้มค่า

ด้าน ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ ผู้บริหารร้านเพชร บลูริเวอร์ ไดมอนด์ และผู้นำเข้านาฬิกาหรู อาทิ ปาเต็กฟิลลิป และออเดอมาร์ปิเกต์ กล่าวว่า “จริงๆ แล้วเรามักจะพูดกันว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เราควรจะเก็บไว้สำหรับการออม แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับสภาพฐานะ และอายุของบุคคล ซึ่งปกติแล้วคนที่มีอายุประมาณ 30 ขึ้นไปจึงจะคิดเรื่องการออม ส่วนพวกที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานอาจจะยังไม่ทันคิด ดังนั้น เราควรปลูกฝังและคิดตั้งแต่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ยิ่งจำเป็นที่จะต้องรู้จักเก็บออม แต่แน่นอนว่าก็ต้องมีการจับจ่ายใช้สอยด้วย ส่วนเรื่องการลงทุนก็ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างถูกวิธี” ผู้บริหารหนุ่ม กล่าว

สำหรับการออมอาจจะพิจารณาจากดอกเบี้ยที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ส่วนคนที่ชอบลงทุนอาจหันมามองเรื่องของกองทุน หรือแม้แต่ตลาดหุ้น ก็คงต้องดูทิศทางและความเชื่อมั่นของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เรียกว่า ควรรอดูสถานการณ์ในช่วงต้นปีหน้าก่อนหากต้องการจะลงทุน

“การลงทุนขึ้นอยู่กับวัย บางคนจำเป็นต้องซื้อบ้าน ซื้อรถ ซึ่งคงแล้วแต่สัดส่วนที่เหมาะสม แต่ถ้าเป็นไปได้ ยังไม่อยากให้ลงทุนในเรื่องบ้านและรถ อยากให้รอดูทิศทางเศรษฐกิจก่อน เพราะเป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว และดีมานด์หรือความต้องการซื้อของผู้บริโภคลดน้อยลง” ณรัณ ให้คำแนะนำ พร้อมกับย้ำว่า ประชาชนจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลงสังเกตได้จากการ์ดและของขวัญที่เขาได้รับนั้นลดลงจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับของฟุ่มเฟือยที่คนก็ซื้อน้อยลงด้วย

แต่อย่างไรก็ดี การซื้อของประเภทเครื่องประดับ และนาฬิกา ก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เนื่องจากเพชรหากมีคุณภาพดี คุณค่าและราคาสินค้าก็ไม่มีวันตก หรือแม้แต่นาฬิการาคาแพงอย่าง ปาเต็กฟิลลิป ออเดอมาร์ปิเกต์ เหล่านี้ล้วนเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากนักสะสมทั่วโลก หากวันใดวันหนึ่งเศรษฐกิจไม่ดี หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการเงิน ก็สามารถนำของเหล่านี้มาหมุนเป็นเงินได้ ซึ่งราคาก็ไม่ได้ตกลงแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ บางรุ่นราคาอาจมากกว่าเมื่อตอนซื้อมาใหม่ๆ เสียอีก

“เดี๋ยวนี้ต้องฉลาดซื้อ ทั้งนาฬิกาและเครื่องประดับ คือต้องซื้อให้มี value หรือคุณค่ามากที่สุด ผมเองก็สะสมนาฬิกามาพอสมควร นอกจากจะคุ้มค่าในเรื่องคุณภาพแล้ว ต่อไปบางรุ่นก็จะหาซื้อไม่ได้ หรือถ้าหาได้ราคาก็พุ่งสูงไปมาก เรียกว่าซื้อเก็บไว้ก็ไม่ขาดทุน แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ เวลาซื้อควรจะดูยี่ห้อและคุณภาพเป็นหลัก โดยผู้ซื้อควรจะศึกษาหาข้อมูลก่อน หรืออาจขอคำปรึกษาจากผู้จำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ดังก็ย่อมได้”

“อลัน” ช็อปอย่างสร้างสรรค์

ปิดท้ายกับ อลัน นามชัยศิริ กรรมการผู้จัดการ ห้างสรรพสินค้าเซน ในสังกัดบริษัท สรรพสินค้า เซ็นทรัล กล่าวแบบไม่ทิ้งคอนเซปต์นักช็อปตัวยงว่า อันดับแรกเมื่อทุกคนได้โบนัสมาก็ต้องให้รางวัลเพื่อเป็นของขวัญกับตนเองก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบและความสุขของแต่ละคน บางคนอาจจะซื้อของให้ตัวเอง บางคนอาจจะไปเที่ยวต่างประเทศ หรือไปทำสปาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ถัดมาคือจะต้องไม่ลืมบุคคลที่มีพระคุณโดยเฉพาะพ่อ-แม่ บุคคลที่คอยช่วยเหลือตลอดจนคนที่รักและปรารถนาดีกับเราจริงๆ โดยจะซื้อเป็นของขวัญชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม นอกจากนี้ คือการทำบุญหรือมอบความสุขแก่คนที่ด้อยโอกาสกว่า

ทั้งนี้ อลัน ให้ความสำคัญกับการใช้เงินเพื่อเป็นของขวัญให้กับชีวิตประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเขามองว่า บางครั้งชีวิตคนเราอาจไม่ยืนยาวนัก อยากทำอะไรต้องรีบทำและมีความสุขกับการใช้ชีวิต ที่สำคัญคือเน้น “คุณภาพมากกว่าปริมาณ” นั่นหมายถึงการเลือกซื้อของแต่ละชิ้นจำเป็นต้องพิถีพิถันอย่างมาก เพราะหากซื้อของสำหรับเก็บ ก็จะต้องเป็นของแปลก มีดีไซน์ ส่วนเทคนิคการซื้อของขวัญนั้น ไม่จำเป็นต้องแพงแต่ต้องถูกใจผู้รับ

อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ว่าอลันจะมองข้ามเรื่องการเก็บออม เนื่องจากเจ้าตัวบอกว่าที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ ก็เก็บไว้เพื่อสำหรับใช้ต่อไป เออ...ใครจะจำไปใช้ก็ได้ไม่ว่ากัน แต่มีข้อแม้ว่า ต้องไม่มีภาระหรือพันธะผูกพันเรื่องหนี้สินใดๆ กับใครนะ...จะบอกให้

ทั้งหมดคือวิธีบริหารจัดการเงินโบนัสก้อนใหญ่ของเหล่าคนดังกระเป๋าหนัก ใครเหมาะกับสูตรไหนและวิธีใดลองเลือกและนำมาปรับใช้ได้ตามใจชอบ!!

 

 

ที่มา : โพสต์ ทูเดย์

อัพเดทล่าสุด