นิทานสอนใจ ความเพียร นิทานสอนใจเรื่องลักขโมย ฟังนิทานสอนใจ MUSLIMTHAIPOST

 

นิทานสอนใจ ความเพียร นิทานสอนใจเรื่องลักขโมย ฟังนิทานสอนใจ


6,252 ผู้ชม


นิทานสอนใจ ความเพียร นิทานสอนใจเรื่องลักขโมย ฟังนิทานสอนใจ 

เรื่องสั้นการผิดศีล ลักเกลือหนึ่งกำต้องชดใช้หนึ่งเกวียน

นิทานสอนใจ ความเพียร นิทานสอนใจเรื่องลักขโมย ฟังนิทานสอนใจ

เรื่องสั้นการผิดศีล ลักเกลือหนึ่งกำต้องชดใช้หนึ่งเกวียน ลองอ่านเรื่องสั้นให้ข้อคิดเรื่องของการปฏิบัติผลของการผิดศีลเรื่องลักขโมย

สมัยหนึ่งมีอุบาสกผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาคนหนึ่ง ได้ปลูกกระท่อมที่เชิงเขาเพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญศีลภาวนาปฏิบัติบำเพ็ญมาได้ 20 กว่าปี ทุกวันนอกจากจะเจริญฌานสมาธิแล้ว เขายังเข้าไปในหมู่บ้านแสดงธรรมโปรดชาวบ้าน ทุกคนต่างยกย่องนับถือว่าเขาเป็นอุบาสกผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมวิเศษ ทุกครั้งที่เขาเข้าฌานสมาบัติ จะปรากฏเป็นรูปธรรมกายนั่งอยู่บนแท่นดอกบัว ล้อมรอบตัวด้วยรังสีสีทองบริสุทธิ์ สดใสระยิบระยับปราศจากรอบด่างแม้แต่น้อย

วันหนึ่งขณะที่อุบาสกกำลังทำอาหารอยู่ เกลือที่จะปรุงรสเกิดหมดพอดีจึงไปขอยืมเพื่อนบ้าน แต่เมื่อไปถึงไม่พบเจ้าของบ้านก็คิดว่าจะขอเอาเกลือไปก่อน เมื่อเจ้าของบ้านกลับมาค่อยบอกก็คงไม่เป็นไร จึงหยิบเกลือหนึ่งกำมือไปปรุงอาหาร หลังจากกินอาหารแล้ว ก็เข้าห้องเจริญญานสมาธิ ขณะอยู่ในสมาธิก็ปรากฏรังสีสีทองในกระแสจิต มีกลุ่มแสงสีดีและดอกบัวก็มีจุดด่างดำเมื่อเล็งดูด้วยทิพยจักษุ ก็ทราบว่ากลุ่มแสงสีดำก็คือกลุ่มเกลือ อุบาสกตกใจตื่นจากสมาธิ รำพึงว่า การเกิดความคิดที่ไม่บริสุทธิ์หยิบเอาสิ่งของที่ยังไม่มีใครอนุญาต ก็คือลักขโมยอันเป็นการผิดศีล กระแสจิตก็ได้ก่อกรรมชั่วขึ้นแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงเกลือเล็กน้อยก็ถือว่าจิตใจเกิดความด่างพร้อยแล้ว อุบาสกรู้สึกสำนึกผิดจึงเข้าไปในเมืองซื้อเกลือหนี่งเกวียน นำไปขอขมาเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านกล่าวว่า "เกลือแค่หนึ่งกำ ทำไมต้องเอามาคืนผมมากมาย" อุบาสกกล่าวว่า ผมเอาเกลือของคุณหนี่งกำ คิดทั้งต้นทั้งดอกแล้ว ก็จะมากมายเท่าภูเขาเลยทีเดียว แค่หนึ่งเกวียนไม่นับว่ามากหรอก หลังจากอุบาสกขอขมาเพื่อนบ้านเสร็จ ก็กลับไปบ้านสารภาพบาปเมื่อเข้าฌานสมาธิอีกที กระแสจิตก็สว่างสดใส และดอกบัวก็ปราศจากจุดด่างดำคืนสู่ปรกติเหมือนแต่ก่อน

https://www.tumsrivichai.com

นิทานอีสปเรื่อง นักโทษประหารกับมารดา
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีเด็กคนหนึ่งขโมยหนังสือของเพื่อนกลับมาบ้านแม่ ของเขาเห็นแทนที่จะห้ามปรามและสั่งให้
นำไปคืนกลับกล่าวชมเชยว่าลูกของตนนั้น เก่ง ทำให้เด็กคนนั้น
ได้ใจลักเล็กขโมยน้อยของผู้อื่นนำมาให้แม่อยู่เรื่อยๆ แม่ของเขาก็แสดงความพอใจทุกครั้งครั้นโตเป็นหนุ่มเขาได้เข้าไป
ขโมยของที่บ้านหลังหนึ่งและฆ่าผู้เป็นเจ้าของบ้านตาย
เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับตัวได้จึงถูกตัดสินให้ประหารชีวิตขณะที่กำลัง ถูกใส ่ขื่อคาพาแหประจานไปยังลานประหาร
ผู้เป็นแม่ทราบข่าวก็ร้องไห้ฟูมฟายตีอกชนตัววิ่งตามลูกของตนพร้อมกับคร่ำ ครวญว่า
“โธ่ลูกเอ๋ย ทำไมเจ้าถึงทำผิดคิดร้ายถึงเพียงนี้”“แม่อย่าร้องไห้เลย” นักโทษผู้เป็นลูกชายกล่าวเสียงเย็นชา“ตอนที่ผมเป็นเด็กเที่ยว
ลักขโมยของผู้อื่น มาให้ ถ้าแม่ดุด่าสั่งสอนแทนที่จะชมเชยให้ท้าย วันนี้ผมจะต้องถูกประหารหรือ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "กวัวให้ผูก รักลูกให้ตีอยากให้ลูกให้ดีต้องอบรมสั่งสอน

https://www.semidoll.com

อัพเดทล่าสุด