สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน MUSLIMTHAIPOST

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน


891 ผู้ชม


สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน
สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  ดร.เทิดชาย  ช่วยบำรุง
ผู้อำนวยการโครงการริเริ่มการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือ
การท่องเที่ยวกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
therdchai@ttresearch.org

อ่านชื่อเรื่องที่พาดหัวไว้  ผู้อ่านคงเกิดคำถามมากมายซึ่งผู้เขียนเองก็เพิ่งทราบเมื่อเร็วๆนี้ ทราบเมื่อ Mr. RJ. Gurley  ผู้อำนวยการโครงการ ASEAN Competitiveness Enhancement (ACE) เล่าให้ฟังว่า โครงการที่ Mr. Gurley รับผิดชอบนี้เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการการท่องเที่ยวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ สกว.ได้ให้การสนับสนุน
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  การดำเนินโครงการของ Mr. Gurley นี้เป็นโครงการที่รัฐบาลอเมริกาให้ความช่วยเหลือกลุ่มประเทศอาเซียนในการสร้างศักยภาพด้านการแข่งขันของอาเซียนผ่านกองทุน US Aid และแน่นอนการท่องเที่ยวก็ถูกมองเป็นประเด็นที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีศักยภาพในการแข่งขันกับภูมิภาคต่างๆทั่วโลกได้ โดยโครงการจะเน้นการสร้างกลยุทธ์การตลาดการท่องเที่ยวเพื่อสร้างความได้เปรียบด้านการท่องเที่ยว และในการสร้างกลยุทธ์การตลาดการท่องเที่ยวให้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนี้เอง จึงทำให้ผู้เขียนได้พบความจริงว่า สกว. เป็นหน่วยงานเดียวที่ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยการท่องเที่ยวกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะ พูดๆแล้วก็น่าภูมิใจนะครับ ผู้เขียนได้รับแจ้งจาก Mr. Gurley ว่า จะนำข้อเสนอแนะไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อน จุดแข็ง และภาพลักษณ์อาเซียนไปใช้ในการวางกลยุทธ์การตลาดการท่องเที่ยว และที่สำคัญ กำลังหาเครือข่ายนักวิจัยท่องเที่ยวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ สกว. ได้ทำงานด้วยในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา มาร่วมทำงาน
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อวันหนึ่ง ศ.ดร.ปิยะวัติ บุญ-หลง (อดีตผู้อำนวยการ สกว.) ได้เชิญผู้เขียนเข้าไปคุยถึงจดหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการความร่วมมือจากภาคีต่างๆ ในการมีส่วนร่วมกันผลักดันให้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็น ASEAN Economic Community (AEC) เป็นกลุ่มประเทศที่มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจคล้ายๆกับ สหภาพยุโรป (EU) โดยปราศจากการกีดกันด้านภาษีและอื่นๆ โดยได้มีข้อตกลงกันในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในหลายๆประเด็นที่จะร่วมมือกัน ข้อตกลงนั้นเรียกว่า “ASEAN Roadmap” และประเทศไทยเองก็ได้เป็นผู้นำในการดูแลเรื่องการท่องเที่ยวและการบิน (ASEAN Tourism and Aviation Roadmap) ในการนี้ สกว.เลยเขียนข้อเสนอโครงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้โดยคาดหวังว่า สกว.น่าจะมีส่วนช่วยยกระดับศักยภาพนักวิชาการการท่องเที่ยวไทยในการพัฒนาการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ ผ่านกระบวนการวิจัย ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างเครือข่ายการวิจัยการท่องเที่ยวของผู้มีส่วนร่วมด้านการท่องเที่ยวในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จีน และเกาหลี (สถาบันการศึกษา  ภาคธุรกิจ  ชุมชน  องค์กรเอกชน  องค์กรภาครัฐระดับประเทศ)      2) สร้างธนาคารข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จีน และเกาหลี       3) ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยการท่องเที่ยวของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จีน และเกาหลี      4)สร้างคู่มือท่องเที่ยวของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จีน และเกาหลี การดำเนินโครงการได้แบ่งเป็น 2 ระยะดังนี้
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  โครงการระยะที่ 1 ได้เริ่มต้นขึ้นประมาณปี 2546 โดยมีสมมติฐานว่า อาเซียนมีประสบการณ์การพัฒนาการท่องเที่ยวอยู่ หากแต่ขาด “กลไกการสร้างความร่วมมือ”     ดังนั้นในระยะนี้ สกว. จึงสนับสนุนการวิจัยที่พยายามค้นหาองค์ความรู้ที่ตอบคำถามได้ว่า “กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวได้อย่างไร” และ “ความร่วมมือนั้นจะทำให้กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นจุดหมายเดียว (single destination) ได้อย่างไร”
กระบวนการดำเนินโครงการเริ่มต้นจากการสำรวจความพร้อมด้านการวิจัยในมหาวิทยาลัยต่างๆในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งจีนด้วย เนื่องจาก สกว. คิดว่าการท่องเที่ยวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไม่สามารถจะอยู่โดดเดี่ยวได้ ต้องพึ่งพามหาอำนาจด้านการท่องเที่ยวในอนาคต นั่นคือจีน นั่นเอง ดังนั้นในระยะแรกจึงมีมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมร่วมโครงการดังนี้
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  จากผลการวิจัยในระยะแรก นอกจากจะได้เพื่อนนักวิจัยมากมายแล้ว ยังได้ข้อเสนอแนะในการทำให้กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนรู้ว่า “จะสามารถทำอะไรร่วมกันได้” ผลการวิจัยได้เผยแพร่ผ่านการจัดประชุมการท่องเที่ยวนานาชาติ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2548  ณ ศูนย์ประชุมองค์การสหประชาชาติ โดยมี ฯพณฯ ท่านประชา  มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ข้อมูลทั้งหมดที่เป็นผลการวิจัยถูกเก็บไว้ที่ธนาคารข้อมูลวิจัยการท่องเที่ยวอาเซียนที่ www.ttresearch.org  และจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่มีชื่อว่า “A Step of Unity Forward: Tourism Approaches For ASEAN One Destination” เพื่อเป็นแนวทางสร้างความร่วมมือการพัฒนาการท่องเที่ยวอาเซียนต่อไป
ผลการวิจัยในระยะที่ 1 ได้สร้างความสนใจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มากขึ้น โดยประกาศแนวคิดสำคัญคือ “การจัดการท่องเที่ยวต้องดำเนินการร่วมกันถึงจะอยู่รอดทั้งภูมิภาค  หากจุดยืน (positioning) ของแต่ละประเทศต้องต่างกัน” และวลีตอนท้ายนี้เองนำมาสู่คำถามการวิจัย ในระยะที่ 2 ตามมา
 

 

 ในอีกปีหนึ่งถัดมา สกว. ได้ระดมนักวิจัยการท่องเที่ยวไทยที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับในสาขาต่างๆ ร่วมมือกันในการค้นหา “จุดต่างที่วางในภูมิภาคเดียวกัน” (รวมจีน และเกาหลี) ด้วยความพยายามที่จะสร้างการท่องเที่ยวเชื่อมโยงขึ้นในภูมิภาค เพราะธรรมชาติของมนุษย์ เวลาท่องเที่ยวก็อยากได้สิ่งที่แตกต่าง  แต่ในทางกลับกัน ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่างแข่งขันกันประกาศ “จุดขายเดียวกัน” จึงสร้างความอ่อนแอให้กับการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้
นักวิจัย สกว. ที่ร่วมโครงการดังกล่าวมีดังนี้
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  ผลการวิจัยสะท้อนว่า กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีทรัพยากรการท่องเที่ยวคล้ายกัน แต่มีจุดร่วมที่เหมือนกันที่ถือว่าเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยว คือ “ความมีมิตรไมตรี” ของชาวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่ไม่มีที่ใดเหมือน พร้อมประกาศจุดยืนของแต่ละประเทศที่ควรจะเป็น เช่น  ประเทศไทยกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Culture Tourism) กัมพูชากับการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ (Heritage Tourism)  สิงคโปร์กับการท่องเที่ยวในเมือง (Urban Tourism)  ฟิลิปปินส์กับการท่องเที่ยวเกาะและทะเล (Island and Beach Tourism) และอื่นๆอีกมากมาย
 

 

สกว. หนึ่งเดียวที่วิจัยการท่องเที่ยวอาเซียน  ในการดำเนินการวิจัยจนได้คำตอบข้างต้น    สกว. ได้ส่งเสริมศักยภาพนักวิจัยให้เป็น “ผู้สร้างเวทีระดมความคิด” โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานภาคีต่างๆ ในประเทศที่ตนเองรับผิดชอบ โดยตระหนักว่า “The great  coordinator is a real leader”  กระบวนการวิจัยที่ดำเนินการนั้นได้ก่อให้เกิดเวทีการอภิปรายสถานการณ์ จุดอ่อน  จุดแข็ง โอกาส และภัยคุกคามของแต่ละประเทศอย่างเสรี และข้อมูลทั้งหมดก็ถูกนำมาสรุปสู่การนำผลการวิจัยไปใช้เชิงนโยบายต่อไป โดยผลการวิจัยนั้นได้เผยแพร่ในเวทีการประชุมนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม 2550 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดย ฯพณฯ ท่านสุวิทย์  ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน   และเวทีการประชุมนี้เอง เป็นเวทีที่ฉายภาพศักยภาพนักวิจัยการท่องเที่ยวไทยที่นำเสนอผลการวิจัยเคียงข้างกับภาคีธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เกิด “ความอยาก” ในการวิจัยการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย และผลการวิจัยที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง คือ การนำข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกเสนอตาม theme ของแต่ละประเทศมาตีพิมพ์เป็นหนังสือคู่มือการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Traveling Guidebook)  ซึ่งเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางการทำวิจัยในประเทศนั้นๆของนักวิจัยการท่องเที่ยวไทย พร้อมคำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวไปด้วย  
7 ปีที่ผ่านมากับการดำเนินโครงการการท่องเที่ยวอาเซียนที่สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ได้ก่อให้เกิดคุณูปการมากมาย หากแต่ไม่ใช่เป็นเพียงปริมาณจำนวนโครงการและสร้างองค์ความรู้เท่านั้น แต่เป็นมิตรภาพที่งอกงามและเกิดขึ้นกับนักวิจัยท่องเที่ยวในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน...และสายสัมพันธ์นี้... เกิดความร่วมมือต่างๆตามมาอย่างประเมินค่ามิได้
 

 

 แหล่งที่มา :  ประชาคมวิจัย ฉบับที่ 85

อัพเดทล่าสุด