ปิล๊อก.ผีหลอกหรือ คนหลอกก็ช่าง......ไปแล้วอยากไปอีก MUSLIMTHAIPOST

 

ปิล๊อก.ผีหลอกหรือ คนหลอกก็ช่าง......ไปแล้วอยากไปอีก


683 ผู้ชม


ปิล๊อก.ผีหลอกหรือ คนหลอกก็ช่าง......ไปแล้วอยากไปอีก

    “ ปิล๊อก…..ผีหลอกหรือคนหลอกก็ช่าง......ไปแล้วอยากไปอีก  ”

 

โดย ... Sunny

 

         วัน หนึ่งมีเสียงจากเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานถามว่ารู้จักป้าแหม่มมั้ย ป้าแหม่มเหมืองแร่สมศักดิ์น่ะ ในใจคิดว่าโอ้พระเจ้ามีใครไม่รู้จักบ้างดังซะปานนั้น เลยตอบกลับไปว่าเคย เคยอ่านรีวิวในพันทิพย์ดีเนอะ ว่าแล้วคำชวนก็ลอยมาเราก็กระโดดงับคำชวนทันทีเหมือนหมายังไงไม่รู้เวลาผ่าน ไปหลายเดือนเพราะเรากะไว้ว่าจะไปช่วงปลายฝนต้นหนาวในวันเสาร์-อาทิตย์

 

          เมื่อวันนั้นมาถึงวันเสาร์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน เรานัดเจอกันที่หน้าบิ๊กซีลาดพร้าว เวลาหกโมงเช้า โดยมีข้าพเจ้าเป็นโชเฟอร์และช่างภาพในตัว จุดมุ่งหมายของเราในวันนี้คือสถานีตำรวจปิล๊อก ใครจะรู้ผู้หญิงตัวไม่ค่อยเล็กกับเก๋งรถเล็กๆ กับเพื่อนร่วมงานสูงอายุที่แทบจะเรียกว่าแม่ได้อีกสามชีวิตจะไปเจออะไรบ้าง เรามุ่งหน้าไปทางบรมราชชนนีวิ่งผ่านพุทธมณฑลมื้อแรกของเราเป็นข้าวแกงริมทาง แถวนั้น อร่อยใช้ได้สำหรับมื้อแรก จากนั้นเรามุ่งหน้าผ่านจังหวัดนครปฐม ผ่านท่ามะกา ไปหยุดอีกทีแถวๆๆใส้อั่วเตาดินแถวๆๆน้ำตกไทรโยคน้อยอร่อยแซบมื้อเบรคเพราะ เราหวังว่าจะไปกินมื้อกลางวันที่เหมือง ทางที่ผ่านมาทั้งหมดมันเป็นทางเรียบขึ้นเนินเล็กน้อย แต่พอผ่านทางแยกบริเวณเขื่อนศรีนครินทร์เท่านั้นโอ้แม่เจ้าเราจะเอาป้าๆๆมา เทกระจาดมั้ยเนี่ย ทางเริ่มเป็นทางสองเลนส์ขึ้นเขาลงเขาไม่อยากบอกคนนั่งเลยว่าเราไม่เคยขับรถ ขึ้นเขาเคยขับแต่ลาดพร้าวหรืออย่างเก่งก็เข้าไปในเมืองแถวเยาวราชเท่านั้น เอง เมื่อรถผ่านสถานีตำรวจตรงไหนก็จะมีเสียงร้องจากคนนั่งข้างให้ชะลอๆๆ เพราะต่างคนต่างไม่เคยมาและหวังว่ามันจะใช่สถานีตำรวจปิล๊อก แหะๆๆไม่ใช่ค่ะป้าเสียงตอบจากโชเฟอร์อย่างข้าพเจ้า เรามุ่งหน้าต่อไปคราวนี้เราผ่านด่านกั้นที่มีตำรวจนั่งอยู่ พวกเราโผล่หน้าออกไปถามว่าสถานีตำรวจปิล๊อกอีกไกลมั้ยค่ะ คำตอบคือ 30 กิโลเมตร ขับรถดีๆ นะถนนแคบ น่ารักจริงๆ คนตอบว่ามั้ยคะ จากบริเวณทางขึ้นไม่แพ้แม่ฮ่องสอนเลยคะตูดรถยังไม่พ้นโค้งเมื่อกี้แต่หน้า หักเค้าอีกโค้งแล้วคะ คนขับนะใจไม่ดีเลยแต่ทำเฉยๆ เพราะเห็นคุณป้าคนที่นั่งข้างๆ เริ่มเงียบเสียงไปซักพักเห็นแกหลับตา มารู้ทีหลังว่าแกกลัวนะคะแต่เชื่อมั้ยถ้าไม่ไปก็ไม่รู้ กาญจนบุรีจังหวัดที่ใกล้ๆ กรุงเทพมีบรรยากาศแบบนี้ด้วยเหรอมันคล้ายๆ ถนนลอยฟ้าแถวจังหวัดตาก หรือไม่ก็ทางไปแม่ฮ่องสอนโน่นแน่ะ ระหว่างทางอากาศดีจริงๆๆเพราะเมื่อเช้าก่อนไปมีคัดจมูกเล็กน้อยเปิดกระจกสูด โอโซนไปมาจมูกโล่งไปซะอย่างงั้นแหล่ะคะ แถมระหว่างทางมีลิงตัวน้อยๆ วิ่งมาโชว์ตัวให้ดูอีกต่างหาก แถมมีตัวอะไรก็ไม่รู้เห็นแต่หางแว๊บๆ เป็นพวงสวยเชียวคะ พวกเราลองสังเกตดูรถที่สวนลงไปมีแต่ทะเบียนกรุงเทพมหานคร อืมอุ่นใจ ลงเก๋งก็มี อืมอุ่นใจยิ่งขึ้นว่ารถเราคงต้องไปถึงแน่ๆ ในที่สุดเราก็ผ่านทางเข้าเหมืองสมศักดิ์คะ แต่เราต้องขับรถไปอีกหน่อย เพราะสถานีตำรวจที่เรานัดให้เจ้าหน้าที่จากเหมืองมารับมันอยู่เลยไปนิด พอไปถึงสถานีตำรวจพวกเราประทับใจมากคะคุณตำรวจบอกเราว่าพวกเขาดีใจมากที่นัก ท่องเที่ยวมาเที่ยว และจะดูแลรถที่เราฝากไว้อย่างดี ได้ยินอย่างนั้นก็ชื่นใจและสบายใจมากคะ แต่ถ้าใครสังเกตคนขับที่กำลังเซ็นต์ชื่อฝากรถอยู่ล่ะก็จะเห็นว่าขามันสั่น พับๆ เลยล่ะ รอไม่นานนักรถจากเหมืองก็มารับเราคุณลุงเตี้ย เป็นโชเฟอร์ขับโฟร์วีลมารับ คุณลุงเป็นไกด์ที่ดีทีเดียว ลุงเตี้ยเล่าประวัติของคำว่าปิล๊อก โดยลุงเตี้ยบอกว่าที่นี่มันใกล้ชายแดนโรคป่าก็ชุกชุมเมื่อมีคนเมืองเดินทาง มาถึงก็ถามคนพม่าที่นั่นว่าที่นี่หมู่บ้านอะไร พม่าคะพม่าพูดไม่ชัดก็ตอบว่าที่นี่หมู่บ้านพี่หลอกแต่พี่น้องลองพูดซิค่ะใส่ แอคเซ็นต์แบบพม่าลงไปท่านจะพบว่าอืมๆ ปิล๊อกนี่เอง แต่สิ่งที่คุณลุงทำให้เราขำไม่ออกคือคุณลุงบอกเรามาคุณลุงมีขาเดียว อีกข้างเป็นขาเทียมเพราะเคยประสบอุบัติเหตุรถคว่ำแถวนี้มาก่อน โอ้แม่เจ้าจะเปลี่ยนใจก็ไม่ทันแล้วคุณลุงพาเรานั่ง ขโยกเขยกไปตลอดทาง ระยะทางแค่ไม่ถึง 5 กิโลเมตร แต่เราอยากเรียกมันว่า 5 กิโลแม้ว ดูทางนะคะนี่เป็นภาพช่วงที่ทางค่อนข้างดีหน่อยแล้วเพราะตอนที่ทางไม่ดีมือ ข้าพเจ้าไม่ว่างเพราะต้องคอยจับรถ และขาก็ต้องช่วยลุงเตี้ยเบรคไปตลอดทาง

 

         เมื่อ พวกเราไปถึงที่พักน่ารักสมคำร่ำลือจริงๆ ขนมเค้กก็อร่อยใช้ได้แม้วันนั้นเราจะไม่ได้กินของจริงฝีมือป้าเกล็น อาหารพื้นๆ แต่รสชาดดีทีเดียว เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จลุงเตี้ยก็พาพวกเราไปเที่ยวน้ำตกผาแปเราอยากจะ เรียกมันว่าน้ำตกหัวสั่นเพราะกว่าเราจะไปถึงหั่วเราก็สั่นไปมาเหมือนตุ๊กตา ที่มีสปริงที่หัว แต่ไม่มีใครบ่นสักคนกลับมีแต่เสียงหัวเราะขำกับทาง ขำกับท่าทางของแต่ละคน ขำกับเรื่องเล่าไม่รู้เบื่อของลุงเตี้ย หลังจากที่รถจอดพวกเราต้องเดินอีก 5 กิโลเมตร ไม่ทันเหนื่อยคะ เพราะพอกำลังจะเหนื่อยเราก็พบกับน้ำตกที่สวยทีเดียวแถมไม่ต้องแย่งกันเล่น เหมือนแถววังตะไคร้ เราสนุกที่นี่ไม่นานเราก็กลับไปนั่งรอทานอาหารมื้อเย็นแสนอร่อย คืนนั้นเรื่องเล่าของลุงก็ได้เรื่องจริงๆ เพราะตอนที่กำลังนั่งคุยกันนั้นเราได้ยินเสียงเหมือนถุงพลาสติกโดนลมพัด อืมเรามองหน้ากันห้องก็ปิดประตูสนิทดีหน้าต่างไม่ได้เปิดอืมปิล๊อกแล้วมั้ย เรา พวกเราเลยรีบนอน

       

         เมื่อ เช้าวันใหม่มาถึงวันนี้ลุงเตี้ยยังคงเป็นโชเฟอร์ให้พวกเราเหมือนเดิมทั้งๆ ที่เมื่อวานลุงบอกเราว่าจะไปซ่อมรถเพราะรถของลุงนั้นสตาร์ทไม่ติดต้องเข็น กันทีเดียว แต่เพื่อเราลุงบอกว่าต้องต้อนรับแบบ VIP เหอะๆ ชักเสียวๆ ซะแล้ว เมื่อเรารับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็เตรียมเก็บสัมภาระขึ้นรถเลยทันที เพราะสถานที่ที่เราจะไปนั้นอยู่ข้างนอก ลุงพาเราไปที่เนินช้างศึกระหว่างทางวิวสวยจริงๆ ถ้าไม่บอกใครจะรู้ว่าที่นี่กาญจนบุรี

        

                ที่เนินช้างศึกพี่ตำรวจตระเวนชายแดนได้ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยว เล่าประวัติและตอบคำถามขี้สงสัยของพวกเราอย่างไม่รู้เบื่อ บรรยากาศดี ลมเย็นพัดโชยมา สบายจริงๆ ตัวข้าพเจ้าคิดว่าพี่ตำรวจของเราดูหน้าละอ่อนจริงๆ สงสัยจะได้อยู่ในที่อากาศดีๆๆแบบนี้เลยทำให้หน้าเด็กคนกรุงเทพหน้าดำอย่าง เราละอิจฉาจริงๆ แต่ยืนสบายได้ไม่นานลุงเตี้ยก็ทำให้เราเสียวอีกโดยแอบดับเครื่อง แถมพอเราทักยังบอกอีกว่าไม่เป็นไรปล่อยให้ไหลลงไปเดี๋ยวก็ติดเอง โอ้ลุงข้างทางนะเหวนะคะ ทางซ้ายของภาพคือทางออกดูนะคะดูว่ามันเล็กแคบและสูงแค่ไหน
 

         แต่ยัง ไงก็ต้องตามใจลุงเพราะแกเจ้าถิ่นจริงๆ แกทำให้เราได้เสียวเล็กน้อยตอนรถกระชากเฮอครบรสจริงๆ เที่ยวคราวนี้ จากนั้นลุงก็พาเราไปที่ช่องเขาหินกองที่นี่ข้าพเจ้ารู้สึกป้าของเราดูสาว ขึ้นอีกว่ามั้ย เมื่อวันก่อนที่ทำงานดูป้าเรายังแก่กว่านี้

 

         ข้าพเจ้า รู้สึกดีใจนะที่ทำให้ป้าๆ มีความสุขได้เพราะพวกท่านไม่มีลูกการที่เราพามาเที่ยวแบบนี้ท่านคงมีความสุข หลังจากนั้นลุงก็พาเรามาส่งที่สถานีตำรวจปิล๊อก ที่นี่เราร่ำลาพร้อมกับขอบคุณลุงเตี้ยไกด์ที่ยอดเยี่ยมของเรา เราไปรับรถคืนพร้อมกับบอกลาคุณพี่ตำรวจและรับปากว่าจะกลับมาที่นี่อีก พร้อมกลับจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้เต็มที่ ขากลับพวกเราแวะที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิที่นี่คือที่ที่ข้าพเจ้าจะขอจบ เรื่องราวที่แสนสนุกเพียงเท่านี้เพียงเพราะว่าผู้มาต้อนรับข้าพเจ้าถึงหน้า อุทยานคือนกเงือก นกเงือกตัวเป็นๆๆที่บินเฉียดหัวข้าพเจ้าไปนิดเดียว เฮอช็อคคะเมืองกาญจนไม่ไปไม่รู้ และเมื่อไปแล้วอยากกลับไปอีกจริงๆคะ

 
 
 
  
  
  
  
 

อัพเดทล่าสุด