10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ! MUSLIMTHAIPOST

 

10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!


1,498 ผู้ชม


10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!

10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!

…เยอะค่ะ ทุกวันนี้สาวเรากว่าจะได้ออกจากบ้านหรือเข้านอน ต้องประโคมสิ่งบำรุงผิวพรรณ เส้นผม อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายสารพัด
       
       
อาทิ ก่อนจะลงครีมบำรุงผิวหน้า ต้องลงโทนเนอร์กระชับเตรียมพร้อมผิวก่อน หรือครีมสระผม ก็มีแยกย่อย ใครมีรังแค ต้องใช้ชนิดนี้ ใครทำสีผม ต้องใช้ชนิดนั้น กระทั่งออยล์บำรุงจมูกเล็บเพื่อความแข็งแรงชุ่มชื่นของเล็บและผิวหนังโดยรอบ… …
       
       
ทว่าจริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นเลยค่ะ
       
       
หากเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อขยายไลน์สินค้า เพื่อหาเรื่องดูดเงินจากกระเป๋าของคุณสาวๆ…เท่านั้นเอง
       
       
งั้นเราไปดูกันว่า มีผลิตภัณฑ์เพื่อความงามอะไรบ้างที่เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเปลืองตังค์กับสิ่งเหล่านี้เลย 

10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        1. โทนเนอร์
       
       
โทนเนอร์ (Toner) จัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์เกินความจำเป็น และอาจทำร้ายผิวหน้าของคุณได้ เนื่องจากส่วนประกอบของโทนเนอร์มักมีแอลกอฮอล์หรือกรดบางประเภท ซึ่งสารทั้งสองอย่างมีความระคายเคืองสูง
       
       
ทั้งนี้ หลังจากการล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ สภาพผิวจะอยู่ในสภาพที่ไวต่อสารระคายเคืองต่างๆ เนื่องจากน้ำมันซึ่งปกติทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ มีปริมาณลดลง ดังนั้นขอสรุปว่าไม่ควรใช้โทนเนอร์ เพราะเปลืองเงินโดยใช่เหตุจ้า
       
       
เพียงแค่ใช้โฟมล้างหน้า หรือสบู่ที่คุณคุ้ยเคยก็สามารถล้างหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด แถมยังสร้างความสมดุลแก่ผิวดีกว่าการใช้โทนเนอร์ปรับสภาพผิวอย่างไร้สาระอีกด้วย 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        2. แชมพู- ครีมนวดผมสูตรขจัดรังแค
       
       
รังแค คือ ขุยขาวที่หลุดลอกออกมาจากหนังศีรษะ อาจจะติดอยู่ที่บริเวณโคนผมบนเส้นผม หรือร่วงลงมาเกาะบนเสื้อผ้าบริเวณต้นคอหรือไหล่ สร้างความน่าเกลียดให้กับเจ้าของรังแคสุดๆ
       
       
ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินซื้อแชมพูขจัดรังแคสักนิด เพียงแค่เวลาสระผมควรล้างผมให้สะอาดทุกครั้ง คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนังศีรษะอีกเลย ถ้าคุณสระผมและล้างผมให้สะอาดที่สุดเท่าที่คิดว่ามันสะอาดแล้ว อย่าหลอกตัวเองละ ไม่ให้ความมันลื่นหลงเหลืออยู่บนเส้นผม เพราะความมันนั่นแหล่ะที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหารังแคเลยล่ะ
       
       
การที่เราได้ทำการสระผมเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องถึงกับสระทุกวันก็ได้ ให้สัก 2 วันครั้งกำลังดี อย่าทิ้งช่วงห่างมากกว่านั้น เพราะการทิ้งช่วงสระผมนานเกินไป ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันบนหนังศีรษะ ทำให้เกิดรังแคได้ง่ายนั่นเอง
       
       
แนะนำให้อย่าขยี้ เลี่ยงการเกาหรือถูแรงๆ เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้หนังศีรษะหลุดลอกออกมาเร็วยิ่งขึ้น
       
       นอกจากนี้ ควรปล่อยให้ผมของคุณแห้งก่อนที่จะหวีผม ใช้ไดร์หรือพัดลมเป่าผมให้แห้ง ใช้แชมพูที่ช่วยบำรุงให้หนังศีรษะของคุณมีสุขภาพดี จริงๆ แล้ว แชมพูขจัดรังแคที่มีอยู่ทั่วไปนั้น ไม่ได้มีฤทธิ์ขจัดรังแคโดยตรง แต่จะเป็นการสร้างสมดุลให้หนังศีรษะซะมากกว่า จึงทำให้รังแคน้อยลงนั่นเอง
 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        3. ครีมทาส้นเท้าแตก
       
       
เคล็ดลับง่ายๆ ของการถนอมเท้า และส้นเท้าของคุณให้คงความเนียน โดยไม่จำเป็นต้องไปสรรหาซื้อครีมเฉพาะที่
       
       
เพียงแค่คุณทาครีมเข้มข้นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มากๆ หรือปิโตรเลียมเจล ทาโบกบนเท้าของคุณให้ทั่วโดยเฉพาะที่แตก
       
       จากนั้นให้คุณสวมถุงเท้านอน จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทำบ่อยครั้งในแต่ละสัปดาห์ก่อนนอน
       
       
จากนั้นตื่นขึ้นมา คุณจะพบความเรียบเนียนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        4. โลชั่นบอดี้เฟิร์มมิ่ง
       
       
การที่คุณสาวๆ จะมีเซลลูไลท์หรือไขมันจุกอยู่บริเวณต้นตาทำให้ใส่กางเกงขาสั้นแล้วแลดูน่าเกลียด แล้วคุณดันเหลือบไปเห็นโฆษณาโลชั่นเฟิร์มมิ่ง สูตรกระชับผิว หวังจะซื้อมาทาให้ผิวเปลือกส้มหาย 
       คุณคิดผิดอย่างแรง
       
       
เพราะครีมเหล่านั้นไม่มีวันทำให้ต้นขาคุณกระชับได้หรอก อาจจะเฟิร์มฟิตแค่ชั่วคราว แต่หากคุณอยากมีผิวที่กระชับ ควรออกกำลังกาย และเลือกทานอาหาร ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการกินเพื่อความเฟิร์มอย่างถาวร และแข็งแรงจะดีกว่านะ 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        5. แชมพูดูแลสีผม
       
       
สำหรับสาวเลิฟการทำสีผมส่วนใหญ่มักจะซื้อแชมพูสูตรดูแลสีผมมาใช้กัน
       
       แต่หารู้ไม่ว่า แชมพูเหล่านั้นมีสารเคมีมากกว่าแชมพูปกติ และก่อให้เกิดการสะสมของสารปนเปื้อนบนเส้นผม ซึ่งมีอันตรายมากกว่าประโยชน์เสียอีก
       
       
วิธีที่ดีที่สุดควรจะใช้แชมพูสำหรับผมแห้งเสีย และไม่ควรสระผมบ่อยจนเกินเหตุ เพราะจะทำให้สีผมหลุดออกง่ายในทุกครั้งที่สระ 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        6. Shaving Cream
       
       
เชฟวิ่งครีม หรือก่อนโกนหนวด โกนขนเราต้องชโลมเจ้าครีมตัวนี้ก่อนที่จะโกนขนขาขนแขน เพราะคิดว่าจะทำให้โกนง่าย ลื่น
       
       
เชฟวิ่งครีมมีวัตถุประสงค์หลักแค่ให้สไลด์ใบมีดโกนได้ง่ายขึ้นแค่นั้นเอง แล้วทำไมเราต้องไร้สาระใช้ด้วยล่ะ เพราะเพียงแค่เจลอาบน้ำ หรือสบู่ถูๆทำให้เกิดฟองก็สามารถโกนขนให้เรียบเนียนได้แล้ว
       
       
ตัดความยุ่งเหยิงของการโดนขนออกเพียงแค่ในขณะอาบน้ำฟอกสบู่ถูตัวคุณก็โกนขนไปได้ด้วย ง่ายจะตาย! 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        7. แคปซูลวิตามินอี
       
       
วิตามินอีมีผลในการป้องกันการทำลายเซลล์ หรือลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระได้ จึงช่วยชะลอความแก่ได้ พบมากในน้ำมันพืชเมล็ดทานตะวัน ถั่วต่างๆ ผักสีเขียวปนเหลือง และมันเทศ ซึ่งคนเราต้องการเพียงวันละ 15 มิลลิกรัม
       
       
ทีนี้หากคนเรารับวิตามินอีมากเกินไป และกินติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะทำให้มีอาการเริ่มตั้งแต่ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ซึม จนกระทั่งริมฝีปากอักเสบ และกล้ามเนื้อไม่มีแรง
       
       
นอกจากนี้ยังมีรายงานการวิจัยพบว่าการกินวิตามินอีในปริมาณสูงกว่าที่แนะนำ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตได้ ซึ่งการได้รับวิตามินอีในปริมาณสูงๆ นั้นจะเกิดขึ้นได้จากการกินในรูปของเม็ดยา เพราะหากได้รับจากอาหารจะไม่ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอีมากเกินไปจนเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
       
       
วิตามินอีสามารถสะสมได้ในเนื้อเยื่อไขมัน และไม่ค่อยพบว่าคนทั่วไปมีอาการขาดวิตามินอี ดังนั้นจะไปซื้อวิตามินอีเม็ดมากินกันทำไม๊ให้เสี่ยงสุขภาพและเปลืองตังค์ 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        8. ครีมนวดผมสำหรับผมแตกปลาย
       
       
ผมแตกปลาย เกิดขึ้นเมื่อชั้นของเซลล์ของเส้นผมแตกแยกตัวออกจากกัน ครีมนวดผมจะทำให้เส้นผมที่แตกปลายกลับมาสมานกันได้เพียงชั่วคราวแค่ 2-3 ชั่วโมง หรืออย่างมากก็แค่ไม่กี่วันจากซิลิโคนเคลือบผม โดยทั่วไปเมื่อสระผมครั้งต่อไปผมก็จะแตกปลายอีก
       
       
ดังนั้นการที่เราจะเสียตังค์ซื้อครีมบำรุงผมแสนแพงเพราะหวังจะให้ผมที่แตกปลายสมานติดกันเป็นผมเส้นเดียวจึงเป็นความคิดที่ตลกมาก เพราะหนทางเดียวที่จะทำให้ผมไม่แตกปลายได้ คือ การตัด
       
       
การไปพบช่างตัดผมอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้ผมดูสวยงามอยู่เสมอ วิธีแก้ไขผมแตกปลายที่ดีที่สุดก็คือตัดส่วนปลายผมที่แตกปลายออก ดังนั้นคนที่ไว้ผมสั้นจะมีปัญหาเรื่องผมแตกปลายน้อยกว่าคนที่ไว้ผมยาวแน่นอน 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
        9. ครีมกันแดด SPF สูง
       
       
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัย SPF ที่มีค่ามากเกินไปในการปกป้องผิวตลอดวัน เพราะ SPF มาจาก Sun Protecting Factor หรือค่าการป้องกันแสงแดด ซึ่งจะป้องกันได้เฉพาะรังสี UVB ตัวการความไหม้ดำและความหมองคล้ำเท่านั้น ไม่รวมถึงรังสี UVA ที่มีผลร้ายต่อผิวในระยะยาว
       
       
ดังนั้นเราต้องดูด้วยว่า พฤติกรรมการตากแดดของเรามากน้อยเพียงใด เช่น ผู้ที่ทำงานในอาคารและเดินทางโดยไม่ต้องถูกแสงแดดมาก เช่น ขับรถส่วนตัวหรือนั่งรถไฟฟ้า สามารถทาครีมกันแดด SPF 6 - 14 หรือไม่อาจจำเป็นต้องทาเลยด้วยซ้ำไป หรือผู้ที่ต้องเดินทางนอกสถานที่เป็นประจำ ควรเลือกครีมกันแดด SPF ระหว่าง 15 - 29
       
       
ส่วนผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง SPF 50 ก็เพียงพอแล้ว แต่พวกค่า SPF 130 ถือว่าไม่มีความจำเป็น ทั้งนี้ อย.ของสหรัฐฯ รับรองครีมกันแดดค่า SPF สูงสุดที่ SPF 50 เท่านั้น
       
       
ดังนั้นการใช้ค่า SPF สูงมากๆ อย่าง SPF 60 จึงไม่มีความจำเป็น เพราะนั่นหมายถึงคุณทาครีมกันแดดที่มีฤทธิ์นานถึง 900 นาที หรือ 15 ชั่วโมง ซึ่งแม้จะมีฤทธิ์นานแต่ตัวครีมถูกเหงื่อชะออกไปหมดแล้ว ต้องอาศัยการทาซ้ำอีก ซึ่งมีค่าเท่ากับใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่สูงเว่อร์ 
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!
10 ผลิตภัณฑ์บิวตี้เกินความจำเป็น คุณสาวๆ ไม่ควรเสียเงินซื้อ!

        10. ออยล์บำรุงจมูกเล็บ
       
       
Cuticle Oil หรือออยล์บำรุงจมูกเล็บ ใช้แล้วเชื่อกันว่าทำให้เล็บมีสุขภาพดี ไม่เปราะหรือหักง่าย และทำให้ผิวรอบเล็บชุ่มชื่นไม่แข็งแห้ง อีกทั้งยังเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวบริเวณจมูกเล็บที่แข็งให้นุ่มขึ้น ส่วนผสมคือวิตามินอี อโวคาโด น้ำมันงาดำ น้ำมันจากดอกทานตะวัน
       
       
เพียงแค่การทำให้หนังรอบๆขอบเล็บนิ่มมันต้องใช้น้ำมันบำรุงจมูกเล็บเลยเชียวหรือ!
       
       
เช่นกันค่ะ เพียงแค่ใช้ปิโตรเลียมเจล หรือน้ำมันมะกอกทาให้จมูกเล็บหรือหนังขาวๆตรงข้อต่อระหว่างเล็บกับผิวหนังเพื่อให้มอบความชุ่มชื่นก็เพียงพอแล้วล่ะ เพราะการที่จมูกเล็บหลุดลอกจะทำให้เกิดอาการเจ็บเราจึงต้องหมั่นให้ความชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสาวที่ชอบทาเล็บ เป็นต้น
       
       

ข้อมูลจากผู้จัดการออนไลน์

อัพเดทล่าสุด